วราโกสะดุ้งตื่น สิ่งแรกที่จำได้คือสมุดที่ผู้เฒ่าบอกว่าได้เอาเงินไว้ให้แล้ว หลังจากหยิบสมุดที่คิดว่าจำได้ขึ้นมาค่อยๆเปิดไป จนกระทั่งถึงกลางสมุดจึงเห็นเงินจำนวน 220 บาท คงสอดไว้นานแล้วจนลืมเพราะคิดว่าตนเองไม่มีเงินเหลืออยู่แล้ว แต่เงิน 220 บาทจะไปหาหมอได้อย่างไร เพียงค่ารถก็เกือบจะหมดแล้ว แต่ในคำบอกเล่าให้ไปหาหมอวันมะรืน ทำไมไม่เป็นวันนี้ เมื่อเปิดดูปฏิทินจึงรู้ว่าวันนี้วันที่ 16 ตุลาคม วันหวยออก
รุ่งขึ้นจึงบอกชาวบ้านใกล้วัดคนหนึ่งเขียนตัวเลขให้คือ 220 ลองเสี่ยงดูไม่เชื่ออย่าลบหลู่ รุ่งขึ้นอีกวันชาวบ้านจึงนำเงินมาให้จำนวนเกือบ 40,000 บาท หวยออกตามที่พระภิกษุหนุ่มสั่งให้ซื้อ
วราโกจึงได้ไปหาหมอตามคำแนะนำของผู้เฒ่าและลูกสาวแห่งขุนเขาเอราวัณ ตกดึกของคืนนั้น “ลูกสาว” ของผู้เฒ่ามาเยี่ยมในความฝันเพียงคนเดียว พอมาถึงไม่พูดอะไรตรงเข้าจับแขนจิ้มเข็มฉีดยาเข้าเส้นเลือดทันที พอดึงเข็มออกจึงพูดปนยิ้มว่า “รู้ว่ากลัวเข้มฉีดยา จึงต้องรีบก่อนจะทันตั้งตัว ต่อไปนี้จะหายสนิทไม่เป็นโรคนี้อีกแล้ว” ในชีวิตจริงวราโกกลัวเข็มฉีดยาจริงๆ แม้จะอยู่ในยามป่วยไข้แต่วราโกก็ยังจำกลิ่นหอมจางๆที่เกิดจากหญิงสาวในฝันไม่ลืม เส้นผมยาวสลวยราบเรียบดำสนิทเรี่ยกลางหลังจนกระทั่งถึงปลายเท้า จะหาเส้นผมของหญิงสาวใดสวยขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว เธอเป็นผู้ที่มีเส้นผมสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา กลิ่นหอมที่เกิดจากเส้นผมเป็นความหอมที่ไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอมทั่วไป แต่เป็นความหอมคล้ายๆกับกลิ่นต้นไม้อะไรสักอย่าง หอมระรื่นได้กลิ่นแล้วสบายใจ กลิ่นนั้นยังคงติดอยู่ที่ริมจมูกของวราโกภิกษุจนกระทั่งปัจจุบันยังไม่ได้เลือนหายไปไหน เพราะมันเป็นกลิ่นที่ฝังรากลงลึกลงจนถึงก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณ วราโกยังไม่เคยเห็นใครที่มีผมสวยและกลิ่นหอมชื่นใจเทียบเท่ากับ “แม่ย่านางผมหอมแห่งถ้ำเอราวัณ” อีกเลย
เรื่องเล่าแห่งถ้ำเอราวัณเป็นตำนานพื้นบ้านที่ชาวบ้านผูกเรื่องเชื่อมโยงสัมพันธ์จนกลายเป็นเรื่องที่ลูกหลานถิ่นนั้นต้องรู้ เรื่องย่อมีอยู่ว่า
ท้าวขุนไท ยุวกษัตริย์แห่งเมือง……….ได้เดินทางเข้าป่าออกล่าสัตว์ แต่พลัดหลงกับขบวนตามตามเสด็จ จนกระทั่งไปพบกับถ้ำใหญ่แห่งหนึ่งและพบรักกับหญิงสาวชาวบ้านป่าคนหนึ่งชื่อนางผมหอม พ่อเป็นพญาช้างมีถิ่นพำนักที่ถ้ำเอราวัณ ถึงเวลาที่จะเดินทางกลับพ่อช้างห่วงลูกสาว ท้าวขุนไทห่วงพ่อที่กำลังป่วย ทั้งสองจึงแยกทางกันนางผมหอมอยู่กับพ่อ ท้าวขุนไทเดินทางเข้าเมืองและมีสัญญาว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะพาขบวนมารับนางผมหอมเข้าเมืองไปครองรักกันในเมืองต่อไป นั่นคือคำสัญญาที่ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะเทื่อท้าวขุนไทกลับเมืองก็ไม่เคยกลับมารับภรรยากลับเข้าเมืองอีกเลย
ส่วนนางผมหอมก็เฝ้ารอสามีกลับมารับ ความหวังมลายสิ้นเมื่อพ่อที่เคารพเสียชีวิตลง เมื่อจัดการศพพ่อเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้แต่รอ
ท้าวขุนไทแม้ว่าจะยังคงคิดถึงภรรยาอยู่ก็ตามก็หาโอกาสออกนอกเมืองมารับไม่ได้ อีกอย่างเมียใหม่ก็ไม่ยอมให้ท้าวเธอหนีห่าง ปัญหาระหว่างเมียเก่าเมียใหม่รุมเร้าจิตใจอย่างหนัก วันหนึ่งท้าวไทแอบหนีจากเมืองมาหานางผมหอม พบเธอกำลังนอนป่วยเพราะตรอมใจรอความตาย เธอได้ตายในอ้อมกอดของสามีสมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้ ส่วนท้าวไทก็นำบุตรชายบุตรสาวกลับเข้าเมือง พ่อช้างและนางผมหอมจึงกลายเทพารักษ์รักษาถ้ำเอราวัณ ชาวบ้านถิ่นนั้นเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ ช้างถูกปั้นไว้ที่ทางขึ้นถ้ำ ส่วนนางผมหอมมีคนจำลองภาพนั่งอยู่ใต้ต้นไม้หน้าทางขึ้นถ้ำเหมือนกัน ชาวบ้านเรียนนางผมหอมว่า “แม่ย่านางผมหอม” ใครปรารถนาอะไรก็นำดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะบูชาพร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้เกิดความสมหวังในสิ่งที่หวัง ได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่โชคชะตาของแต่ละบุคคล ตำนานพื้นบ้านยังมีความพิศดารลึกลับแฝงเข้าไปด้วย
ถ้ำเอราวัณยังคงสงบนิ่งภายใต้อ้อมกอดของขุนเขา ความหนาวเย็นยะเยือกแห่งฤดูหนาวและความร้อนระอุของฤดูร้อน ป้าไม้ยังคงหนาทึบบางต้นสูงเสียดฟ้าท้าลมแรง แต่ป่าไผ่เริ่มบางตาเพราะชาวบ้านเข้าไปหาหน่อไม้ หน่อใหม่จึงเกิดไม่ทันจนเจ้าอาวาสต้องออกกฎห้าม หน่ออ่อนจึงแทงหน่อขึ้นใหม่ได้บ้าง
วราโกชอบเดินขึ้นถ้ำเวลาเย็นหลังจากที่คนเที่ยวกลับหมดแล้ว บันไดสูงคดเคี้ยวเป็นทางเดิน ปากถ้ำระงมด้วยเสียงปีกค้างคาวนับแสนตัวถลาออกหากินในเวลาเย็น เสียงค้างคาวบินเหมือนเสียงพร่ำรำพันของคนที่กำลังคอยอะไรอยู่ บ่อยครั้งที่วราโกคิดถึงตำนานของแม่ย่าผมหอม ในขณะที่เธอกำลังรอคอยการกลับมาของท้าวขุนไทสามีสุดที่รัก เธอจะมีความรู้สึกอย่างไร แต่ละวันจะให้เวลาก้าวผ่านไปอย่างไร คนที่อยู่ในการรอคอยคงจะกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอก็ทนแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันไม่มีวันจางหาย
เสียงค้างคาวกระพือปีกและส่งเสียงร้องเวลาออกจากปากถ้ำและเงียบหายไปในความมืดที่ค่อยๆโรยตัวปกคลุมขุนเขาเป็นประดุจเสียงคร่ำครวญของแม่ย่าที่รอคอยสามีก็ไม่ปาน ไม่ว่าคนหรือวิญญาณต่างก็เป็นไปตามกฎแห่งสามัญญลักษณะเหมือนกัน ผิดกันแต่ว่าวันเวลาที่แตกต่างกันอาจจะทำให้คนมองไม่เห็น