ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

           ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองมีความไม่แน่นอนสูง คนเสื้อแดงกำลังชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ในส่วนของรัฐบาลก็ต้องรักษาอำนาจไว้ให้ได้นานที่สุด ฝ่ายหนึ่งอยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ อีกฝ่ายอยากอยู่ในอำนาจต่อไป ใครผิดใครถูกตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ การชุมนุมของประชาชนแต่ละครั้งย่อมมีผลกระทบต่อบ้านเมือง นั่นเป็นเรื่องธรรมดาของการชุมนุม จะคิดจะเขียนอะไรตอนนี้คิดไม่ออก เพราะต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด วันนี้ลองอ่านประสบการณ์ของพระภิกษุรูปหนึ่งที่มีเรื่องน่าสนใจไปเกี่ยวข้องกับวิญญาณ ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง 
          ขอเรียกนามสมมุติของท่านว่า "วราโกภิกขุ" ท่านวราโกภิกขุเป็นภิกษุที่ใฝ่ใจในด้านการศึกษา เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีศาสนศาสตรบัณฑิต แต่มีช่วงหนึ่งที่ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดถ้ำเอราวัณ ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภู ท่านวราโกเคยพบกันที่จังหวัดเชียงใหม่และเคยมาพักพาอาศัยกับผู้เขียนมีความสนิทคุ้นเคยกันดี ท่านได้เล่าประสบการณ์ชีวิตพระครั้งหนึ่งที่เคยประสบพบเห็นมา ณ วัดถ้ำเอราวัณให้ฟัง 
          ท่านเริ่มต้นเล่าเรื่องให้ฟังว่า "ตอนนั้นผมยังเป็นพระภิกษุหนุ่มไม่ได้คาดคิดด้วยซ้ำไปว่าชีวิตจะถึงคราวย้อนกลับภูมิลำเนาเดิม ถ้ำเอราวัณคือถิ่นที่เคยไปร่วมพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งหนีไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ หลังจากเรียนจบจึงได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดถ้ำเอราวัณ
          ตอนนั้นเพื่อนเก่ากลับมาเป็นเจ้าอาวาส วราโกจึงกลายเป็นพระลูกวัดที่มีเพื่อนสมัยเรียนบาลีสอบเปรียญธรรมได้ปีเดียวกันเป็นเจ้าอาวาสถ้ำเอราวัณ ดินแดนที่แปลกเพราะไม่สามารถแยกอาณาเขตออกได้ว่าจะอยู่ในสังกัดจังหวัดไหนกันแน่ ฝากภูเขาฝั่งหนึ่งอยู่ในอาณาเขตของจังหวัดเลย อีกฝากหนึ่งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี เส้นแบ่งอาณาเขตอยู่กลางภูเขาพอดี เวลาบิณฑบาตก็ต้องอาศัยสองหมู่บ้าน สองจังหวัด ปัจจุบันวัดถ้ำเอราวัณ เปลี่ยนมาอยู่ในอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู ในยุคนั้นมีพระเณรที่อยู่จำพรรษาในวัดปีนั้นมีมากถึง 50รูป จัดการเรียนการสอนตั้งแต่นักธรรม บาลี ธรรมศึกษา และพุทธศาสนาวันอาทิตย์ งานที่ทำคือการสอนเริ่มตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็นจึงเลิก
          วราโกภิกขุไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเบื้องหลังขุนเขาที่ทอดตัวเป็นเงาทะมึนประดุจงูยักษ์ที่หลับไหลนั้น จะมีสิ่งลึกลับยากแก่การเข้าใจ อธิบายยาก เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ภูตผีปิศาจแม้ว่าจะมีหรือไม่มีก็ตามแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สลักสำคัญนัก          

          แต่เมื่อต้องมาเผชิญด้วยตนเองอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้จินตนาการที่เคยมีต้องเปลี่ยนไป วราโกเริ่มมีอาการของคนป่วยโดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าป่วย เพราะแต่ละวันยังคงทำงานเต็มเวลาเหมือนทุกวัน เลิกจากสอนเข้าห้องเตรียมการสอน บางวันก็เผลอหลับโดยที่ไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมากลางดึกออกมาเดินเล่นฟังเสียงสายลมพัดใบไผ่ไหวเอนลู่ พร้อมกับความเหน็บหนาวที่เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ          
          ความหนาวที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นที่เคยเห็นมาทั้งนั้นเป็นความหนาวที่ปวดแสบเพราะกระแสลม ตามร่างกายแตกเป็นแผล เวลาที่กระทบกับน้ำจะแสบร้อน ยิ่งตอนเช้าเวลาเดินออกบิณฑบาตยิ่งต้องทุนทุกข์ทรมาน เพราะทางเดินเป็นถนนลูกรัง เมื่อถูกหมอกลงผสมกลายเป็นดินเหนียวติดเท้าเวลาเดิน
          วราโกป่วยหลายเดือนทั้งๆไม่มีใครรู้ว่าป่วย เพราะอาการไม่ได้แสดงให้ใครเห็น ดึกสงัดคืนหนึ่งวราโกรู้ว่าตัวเองคงจะทนไม่ไหวแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งสมาธิ ก่อนที่จะคุมใจให้สงบนิ่งได้ ก็เผลอคิดไปว่า “ไหนว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งถ้ำเอราวัณยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์นัก ถ้าแน่จริง ยิ่งใหญ่จริงจะปล่อยให้พระตายกันหรืออย่างไร อุตส่าห์ปลีกตัวหนีมาทำงานเพื่อช่วยเหลือพระศาสนา สอนคนให้เป็นคนดี แต่ตัวเองกำลังจะตาย ไม่มีเงินรักษาตัวเองเลย อยู่กินอย่างแสนลำบาก พอกันทีเจ้าพ่อเจ้าแม่มีที่ไหนกัน คงเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น”          
          คืนนั้นภิกษุหนุ่มหลับสนิท ในภวังค์แห่งความฝันเป็นภาพร่างเหมือนจริง ปรากฎว่ามีคนแก่คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ผิวสีดำ พร้อมด้วยหญิงสาวรูปร่างสมส่วนสวยงามพาดผ้าสไบเฉวียงบ่าออกสีนวล ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน          
          วราโกจำได้ว่าก่อนนอนได้ปิดประตูลงกลอนเรียนร้อยแล้ว แต่ทำไมสองคนนั้นจึงเดินเข้ามาได้ พอมาถึงหลังจากนั่งลงข้างๆแล้ผู้พ่อเอ่ยถามคำแรกว่า “อาการเป็นอย่างไร ใกล้ตายหรือยัง” น้ำเสียงออกแววประชดแต่หน้าตากลับยิ้มแย้ม          
          วราโกพยายามจะลุกจากที่นอน แต่ผู้เฒ่าโบกมือเป็นเชิงห้ามว่าให้นอนอยู่อย่างนั้นแหละ ภิกษุหนุ่มจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “ท่านเป็นใคร มาจากไหน” ผู้เฒ่าอารมณ์ดีจึงตอบว่า “อ้าวไหนว่าอยากจะพบนัก เห็นบ่นนักบ่นหนาว่าอยากพบก็มาแล้วนี่ไง นี่ลูกสาว อยู่บนเขานี่แหละ มาเยี่ยมเอาเงินมาให้ ว่าแล้วผู้เฒ่าหยิบเงินจำนวนหนึ่งสอดใส่ในสมุดเล่มหนึ่งที่กองรวมกับหนังสืออื่นๆ “วันมะรืนไปหาหมอซะ เงินอยู่ในสมุดนี่ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่” พูดจบผู้เฒ่าและลูกสาวก็เดินออกนอกห้องไป 


          วราโกสะดุ้งตื่น สิ่งแรกที่จำได้คือสมุดที่ผู้เฒ่าบอกว่าได้เอาเงินไว้ให้แล้ว หลังจากหยิบสมุดที่คิดว่าจำได้ขึ้นมาค่อยๆเปิดไป จนกระทั่งถึงกลางสมุดจึงเห็นเงินจำนวน 220 บาท คงสอดไว้นานแล้วจนลืมเพราะคิดว่าตนเองไม่มีเงินเหลืออยู่แล้ว แต่เงิน 220 บาทจะไปหาหมอได้อย่างไร เพียงค่ารถก็เกือบจะหมดแล้ว แต่ในคำบอกเล่าให้ไปหาหมอวันมะรืน ทำไมไม่เป็นวันนี้ เมื่อเปิดดูปฏิทินจึงรู้ว่าวันนี้วันที่ 16 ตุลาคม วันหวยออก
          รุ่งขึ้นจึงบอกชาวบ้านใกล้วัดคนหนึ่งเขียนตัวเลขให้คือ 220 ลองเสี่ยงดูไม่เชื่ออย่าลบหลู่ รุ่งขึ้นอีกวันชาวบ้านจึงนำเงินมาให้จำนวนเกือบ 40,000 บาท หวยออกตามที่พระภิกษุหนุ่มสั่งให้ซื้อ                     

          วราโกจึงได้ไปหาหมอตามคำแนะนำของผู้เฒ่าและลูกสาวแห่งขุนเขาเอราวัณ ตกดึกของคืนนั้น “ลูกสาว” ของผู้เฒ่ามาเยี่ยมในความฝันเพียงคนเดียว พอมาถึงไม่พูดอะไรตรงเข้าจับแขนจิ้มเข็มฉีดยาเข้าเส้นเลือดทันที พอดึงเข็มออกจึงพูดปนยิ้มว่า “รู้ว่ากลัวเข้มฉีดยา จึงต้องรีบก่อนจะทันตั้งตัว ต่อไปนี้จะหายสนิทไม่เป็นโรคนี้อีกแล้ว” ในชีวิตจริงวราโกกลัวเข็มฉีดยาจริงๆ แม้จะอยู่ในยามป่วยไข้แต่วราโกก็ยังจำกลิ่นหอมจางๆที่เกิดจากหญิงสาวในฝันไม่ลืม เส้นผมยาวสลวยราบเรียบดำสนิทเรี่ยกลางหลังจนกระทั่งถึงปลายเท้า จะหาเส้นผมของหญิงสาวใดสวยขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว เธอเป็นผู้ที่มีเส้นผมสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา กลิ่นหอมที่เกิดจากเส้นผมเป็นความหอมที่ไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอมทั่วไป แต่เป็นความหอมคล้ายๆกับกลิ่นต้นไม้อะไรสักอย่าง หอมระรื่นได้กลิ่นแล้วสบายใจ กลิ่นนั้นยังคงติดอยู่ที่ริมจมูกของวราโกภิกษุจนกระทั่งปัจจุบันยังไม่ได้เลือนหายไปไหน เพราะมันเป็นกลิ่นที่ฝังรากลงลึกลงจนถึงก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณ วราโกยังไม่เคยเห็นใครที่มีผมสวยและกลิ่นหอมชื่นใจเทียบเท่ากับ “แม่ย่านางผมหอมแห่งถ้ำเอราวัณ” อีกเลย
           เรื่องเล่าแห่งถ้ำเอราวัณเป็นตำนานพื้นบ้านที่ชาวบ้านผูกเรื่องเชื่อมโยงสัมพันธ์จนกลายเป็นเรื่องที่ลูกหลานถิ่นนั้นต้องรู้ เรื่องย่อมีอยู่ว่า
          ท้าวขุนไท ยุวกษัตริย์แห่งเมือง……….ได้เดินทางเข้าป่าออกล่าสัตว์ แต่พลัดหลงกับขบวนตามตามเสด็จ จนกระทั่งไปพบกับถ้ำใหญ่แห่งหนึ่งและพบรักกับหญิงสาวชาวบ้านป่าคนหนึ่งชื่อนางผมหอม พ่อเป็นพญาช้างมีถิ่นพำนักที่ถ้ำเอราวัณ ถึงเวลาที่จะเดินทางกลับพ่อช้างห่วงลูกสาว ท้าวขุนไทห่วงพ่อที่กำลังป่วย ทั้งสองจึงแยกทางกันนางผมหอมอยู่กับพ่อ ท้าวขุนไทเดินทางเข้าเมืองและมีสัญญาว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะพาขบวนมารับนางผมหอมเข้าเมืองไปครองรักกันในเมืองต่อไป นั่นคือคำสัญญาที่ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะเทื่อท้าวขุนไทกลับเมืองก็ไม่เคยกลับมารับภรรยากลับเข้าเมืองอีกเลย   

            ส่วนนางผมหอมก็เฝ้ารอสามีกลับมารับ ความหวังมลายสิ้นเมื่อพ่อที่เคารพเสียชีวิตลง เมื่อจัดการศพพ่อเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้แต่รอ                        
          ท้าวขุนไทแม้ว่าจะยังคงคิดถึงภรรยาอยู่ก็ตามก็หาโอกาสออกนอกเมืองมารับไม่ได้ อีกอย่างเมียใหม่ก็ไม่ยอมให้ท้าวเธอหนีห่าง ปัญหาระหว่างเมียเก่าเมียใหม่รุมเร้าจิตใจอย่างหนัก วันหนึ่งท้าวไทแอบหนีจากเมืองมาหานางผมหอม พบเธอกำลังนอนป่วยเพราะตรอมใจรอความตาย เธอได้ตายในอ้อมกอดของสามีสมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้ ส่วนท้าวไทก็นำบุตรชายบุตรสาวกลับเข้าเมือง พ่อช้างและนางผมหอมจึงกลายเทพารักษ์รักษาถ้ำเอราวัณ  ชาวบ้านถิ่นนั้นเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ ช้างถูกปั้นไว้ที่ทางขึ้นถ้ำ ส่วนนางผมหอมมีคนจำลองภาพนั่งอยู่ใต้ต้นไม้หน้าทางขึ้นถ้ำเหมือนกัน ชาวบ้านเรียนนางผมหอมว่า “แม่ย่านางผมหอม” ใครปรารถนาอะไรก็นำดอกไม้ธูปเทียนไปสักการะบูชาพร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้เกิดความสมหวังในสิ่งที่หวัง ได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่โชคชะตาของแต่ละบุคคล ตำนานพื้นบ้านยังมีความพิศดารลึกลับแฝงเข้าไปด้วย
          ถ้ำเอราวัณยังคงสงบนิ่งภายใต้อ้อมกอดของขุนเขา ความหนาวเย็นยะเยือกแห่งฤดูหนาวและความร้อนระอุของฤดูร้อน ป้าไม้ยังคงหนาทึบบางต้นสูงเสียดฟ้าท้าลมแรง แต่ป่าไผ่เริ่มบางตาเพราะชาวบ้านเข้าไปหาหน่อไม้ หน่อใหม่จึงเกิดไม่ทันจนเจ้าอาวาสต้องออกกฎห้าม หน่ออ่อนจึงแทงหน่อขึ้นใหม่ได้บ้าง
          วราโกชอบเดินขึ้นถ้ำเวลาเย็นหลังจากที่คนเที่ยวกลับหมดแล้ว บันไดสูงคดเคี้ยวเป็นทางเดิน ปากถ้ำระงมด้วยเสียงปีกค้างคาวนับแสนตัวถลาออกหากินในเวลาเย็น เสียงค้างคาวบินเหมือนเสียงพร่ำรำพันของคนที่กำลังคอยอะไรอยู่ บ่อยครั้งที่วราโกคิดถึงตำนานของแม่ย่าผมหอม ในขณะที่เธอกำลังรอคอยการกลับมาของท้าวขุนไทสามีสุดที่รัก เธอจะมีความรู้สึกอย่างไร แต่ละวันจะให้เวลาก้าวผ่านไปอย่างไร คนที่อยู่ในการรอคอยคงจะกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอก็ทนแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันไม่มีวันจางหาย                             
          เสียงค้างคาวกระพือปีกและส่งเสียงร้องเวลาออกจากปากถ้ำและเงียบหายไปในความมืดที่ค่อยๆโรยตัวปกคลุมขุนเขาเป็นประดุจเสียงคร่ำครวญของแม่ย่าที่รอคอยสามีก็ไม่ปาน ไม่ว่าคนหรือวิญญาณต่างก็เป็นไปตามกฎแห่งสามัญญลักษณะเหมือนกัน ผิดกันแต่ว่าวันเวลาที่แตกต่างกันอาจจะทำให้คนมองไม่เห็น           


          วิญญาณของพ่อช้างและแม่ย่าคงกำหนดเวลายากนัก เพราะเวลาของเทพารักษ์ยาวนานนักเมื่อเทียบกับวันเวลาของมวลมนุษย์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง หากแม่ย่ายังคงอยู่ก็เป็นนักปฏิบัติธรรมผู้ญาณวิถีคนหนึ่ง เพราะความทุกข์ที่เกิดจากความรักนั่นเองเป็นพลังให้เธอมีกำลังใจและดำรงวิถีสู่การปฏิบัติโดยไม่ตั้งใจ แม่ย่าจึงเป็นเหมือนเทพธิดาบนสรวงสวรรค์มากกว่าที่จะเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา เพราะในจินตานาการที่ได้พบแม่ย่ายังคงสวยเหมือนเทพธิดาทุกครั้ง ไม่เคยมีครั้งใดที่จะมีลักษณะเป็นสาวชาวบ้านเลย 
           ค้างคาวที่นี่มีจำนวนมากจนพืชไร่ของชาวบ้านถูกทำลายเป็นแถบๆ แต่ธรรมชาติก็ทดแทนด้วยธรรมชาติเหมือนนกรู้เพราะค้างคาวส่วนมากจะออกหากินในถิ่นไกล ใกล้ๆถ้ำพืชไร่มักไม่ถูกทำลาย แต่จะมีผลในรัศมีประมาณ 10 กิโลเมตรขึ้นไป
          จากวันนั้นเป็นต้นมาข่าวการบอกหวยแม่นเริ่มถูกกระพือโดย “ชาวบ้านใกล้วัด” คนนั้นเก็บความลับไว้ไม่อยู่ พอเมาได้ที่ก็เที่ยวประกาศไปทั่ว ชาวบ้านต่างทยอยมาเยี่ยมไข้ (ที่จริงมาขอหวย)ทุกวันๆละหลายคน จนพระหนุ่มแทบไม่มีเวลา จึงหยุดสอนหนังสือชั่วคราวพักผ่อน ไม่รับแขก ไม่พูดคุย เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ยกเว้นสามเณรที่ดูแลและเจ้าอาวาสเท่านั้นที่จะเข้าออกห้องได้

          วราโกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าอาวาสฟัง ท่านเจ้าอาวาสเข้าใจแต่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ดังนั้นเรื่องราวจึงเป็นเพียงสัมผัสของวราโกเพียงรูปเดียว ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมไม่ไปเกิดกับพระรูปอื่นบ้าง ทำไมมาเจาะจงเฉพาะวราโกรูปเดียว เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ          
          วราโกก็ตอบได้ว่าเป็นเพียงจินตนาการที่ผ่านเพียงความฝันเท่านั้น แต่มันเป็นฝันที่เหมือนจริง เงินได้มาจริงๆและการป่วยก็หายจริงๆ เวลาไปบอกคนอื่นมักไม่ถูก แต่ถ้าซื้อเองจึงจะถูก เป็นเหตุผลที่ยังหาคำตอบไม่ได้ แม่ย่านางยังคงมาให้โชคหลายครั้งและวราโกมีเงินหลายหมื่นบาทซื้อกล้องตัวหนึ่งออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วภาคอีสาน
         เหตุการณ์ที่ถ้ำเอราวัณแห่งนี้ทำให้ชีวิตของพระหนุ่มที่วางแผนไว้ก่อนว่าหลังจากเสร็จงานปฏิบัติศาสนกิจแล้วจะลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสตามจารีตที่บรรพบุรุษได้เคยปฏิบัติมา แต่ความฝันคือภาพลวงที่ยังไม่เป็นจริง มีเพื่อนจากเชียงใหม่เดินทางไปเที่ยวถ้ำและได้พบกันจึงได้ชวนกันออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ ล้านนาอาณาจักรในตำนาน
         วราโกจึงอำลาป่าไม้ ภูเขา เงาอดีตแห่งถ้ำเอราวัณไว้เบื้องหลังเหลือไว้แต่ความทรงจำ มุ่งหน้าขึ้นเชียงใหม่ ผู้เขียนพบกับวราโกภิกขุที่วัดป่าแห่งหนึ่งที่อำเภอเชียงดาว ท่านได้เมตตาเล่าประสบการณ์ครั้งนั้นให้ฟัง จริงหรือเท็จเป็นเรื่องเฉพาะตัวของท่าน แต่เมื่อแจ้งเจตจำนงให้ท่านทราบว่าต้องการเผยแผ่เพื่อเป็นวิทยาทาน ท่านก็มิได้ขัดข้องแต่ประการใด อนุญาตอย่างเต็มใจ เพียงแต่ขอสงวนชื่อและนามไว้เท่านั้น


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
เล่าเรื่อง
14/03/53

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก