ความสำคัญของพุทธศาสนาต่อสังคมลังกาและไทย
1.ความสำคัญของพุทธศาสนาที่รองรับโดยกฎหมายของรัฐ
ความสำคัญของพระพุทธศาสนาได้รับรองโดยกฎหมายของรัฐมีอยู่สูงมาก ดังปรากฏในกฎหมายสิงหลโบราณว่า “ผู้ทำลายเจดีย์และต้นโพธิ์ กับผู้ที่ปล้นสะดมทรัพย์ของศาสนามีโทษถึงตาย” กฎหมายนี้ใช้บังคับชาวศรีลังกาทุกระดับชั้น รวมทั้งคนต่างชาติด้วย และคงมีการบังคับใช้มานานแล้ว ตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าเอลระ ซึ่งเป็นชาวทมิฬ ในพุทธศตวรรษที่ 5
2.ความสำคัญต่อสังคมและวัฒนธรรม
วิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ระบบวรรณะในสังคมลังกาได้ถูกลดความสำคัญลง แม้ว่าวิถีชีวิตของชาวลังกาในช่วงเริ่มต้นสมัยประวัติศาสตร์ จนถึงช่วงก่อนที่พระพุทธศาสนาจะเข้ามาประดิษฐาน ระบบวรรณะได้ลดความเข้มข้นลงด้วยอิทธิพลคำสอนทางพุทธศาสนา นอกจากนั้นยังมีอิทธิพลด้านอื่น ๆ อีก เช่น ชื่อของบุคคลต่าง ๆ ได้มีการนำเอาชื่อทางพุทธศาสนามาตั้งเป็นชื่อของบุคคล นับตั้งแต่กษัตริย์ ราชวงศ์ จนถึงประชาชนทั่วไป เช่น พระเจ้าพุทธทาสะ พระเจ้าสังฆติสสะ พระเจ้าโมคคัลลานะ พระเจ้ากัสปะ พระเจ้า มหินทะ เป็นต้น จะปรากฏเห็นว่ามีชื่อของบุคคลสำคัญทางพุทธศาสนา ปรากฏเป็นพระนามของกษัตริย์ลังกาหลายพระองค์ การกำหนดเอาวันธรรมสวนะเป็นวันหยุดราชการ งานทุกชนิดต้องหยุดในวันพระ เมื่อถึงวันพระชาวสิงหลจะถืออุโบสถศีล และประกอบศาสนกิจต่าง ๆ พระเจ้าแผ่นดินได้ออกกฎหมาย “มาฆาตะ” คือห้ามฆ่าสัตว์และเบียดเบียนชีวิตสัตว์ จนอาชีพนายพรานได้หายไป นอกจากนั้นรัฐบาลศรีลังกาได้ถือเอาพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
3.อิทธิพลทางด้านการเมืองการปกครอง
ในด้านการเมืองนั้น พระภิกษุมีบทบาทอย่างมาก พระภิกษุมีความผูกพันกับประชาชนและชนชั้นปกครองอย่างใกล้ชิดจึงมีบทบาทหลายประการได้แก่
1) บทบาททางการเมือง พระภิกษุมีความใกล้ชิดและมีอิทธิพลต่อประชาชนส่วนใหญ่มีบทบาทในการไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทระหว่างผู้นำทางการเมือง ดังกรณีพระโคธกัฑตะ ติสสะเถระ สามารถเจรจายุติสงครามการเมืองยืดเยื้อ ระหว่างพระเจ้าวัฎฎคามนีอภัยกับแม่ทัพของพระองค์ให้สงบลงได้
2) บทบาทในการเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ เนื่องจากพระภิกษุได้มีโอกาสถวายการอบรมสั่งสอนแก่บรรดาเจ้าชายต่าง ๆ เมื่อเจ้าชายเหล่านี้ขึ้นครองราชย์ พระภิกษุก็จะกลายเป็นราชครู มีบทบาทต่อการกถวายคำแนะนำแก่กษัตริย์ ดังกรณีพระสังฆมิตตเถระเป็นราชครูของพระเจ้ามหาเสนะ มีอิทธิพลต่อพระเจ้ามหาเสนะอย่างมาก พระองค์จะทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของพระสังฆมิตตะเกือบทุกเรื่องโดยเฉพาะการรับสั่งให้ทำลายคณะสงฆ์ฝ่ายมหาวิหาร
3) บทบาทในการเลือกแต่งตั้งพระมหากษัตริย์ เมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 5 พระเจ้าสัทธาติสสะสวรรคต คณะเสนาบดีและคณะสงฆ์ประชุมกัน ณ ถูปาราม ได้เลือกเจ้าชายถุลถนะ ขึ้นครองราช ตามหลักการแล้วก็น่าจะเป็นเจ้าชายลันชติสสะ พระเชษฐา แต่คณะสงฆ์ไม่สนับสนุน
4) บทบาททางการศึกษา ตั้งแต่พุทธศาสนาเข้ามาประดิษฐานในลังกา พระภิกษุสงฆ์ได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำหน้าที่เป็นครูอบรมสั่งสอนประชาชน แทนพวกพราหมณ์ ที่เคยคำหน้าที่นี้มาก่อนมีวัดเป็นศูนย์กลางในการการศึกษาอบรมศีลธรรมจรรยาแก่กุลบุตรกุลธิดา
5. บทบาททางวรรณกรรม พระสงฆ์มีบทบาทต่อด้านวรรณกรรม พระสงฆ์มีบทบาทต่อการร้อยกรองวรรณกรรม ได้ผลิตวรรณกรรมจำนวนมาก โดยเฉพาะคัมภีร์มหาวงศ์ และทีปวงศ์ ซึ่งเป็นพงศาวดารทางประวัติศาสตร์ของลังกา
6. บทบาททางศิลปกรรม ศาสนสถาน และศาสนวัตถุ เป็นบ่อเกิดแห่งศิลปะอันทรงคุณค่าของลังกา ศิลปะอันงดงามเกิดจากความศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนา แล้วบรรจงสร้างอย่างประณีต พุทธศาสนิกชนลาวลังกาถือว่า การก่อสร้างวัตถุสถานทางพุทธศาสนาได้บุญอานิสงส์มาก จึงได้สร้างศาสนวัตถุมากมาย นอกจากเป็นงานของฆราวาสแล้ว พระภิกษุสงฆ์เองก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ศิลปกรรมแพร่หลาย ด้วยพระสงฆ์ก็เป็นผู้ที่มีฝีมือในการสร้างสรรค์งานศิลปะ
หลายศตวรรษต่อมา (พ.ศ. 953) พระพุทธโฆษาเถระได้เดินทางจากอินเดียมายังศรีลังกา ณ ที่นี้ท่านได้รจนา “วิสุทธิมรรค” (หนทางแห่งความบริสุทธิ์) ขึ้น ท่านได้ประมวลและเรียบเรียงอรรถกถาทั้งสิ้น ที่ท่านพบในศรีลังกา และได้แปลอรรถกถาเหล่านั้น จากภาษาสิงหฬเป็นภาษาบาลี คำแปลอรรถกถาของพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ส่วนใหญ่เป็นผลงาน ของท่านพระพุทธโฆษาเถระ อรรถสาลินี (คำอธิบายขยายความ) เป็นอรรถกถาของธรรมสังคณี คัมภีร์แรกของพระอภิธรรม ศรีลังกาซึ่งเป็นแหล่งที่ได้อนุรักษ์พระไตรปิฎก และอรรถกถาทั้งหลายไว้ เป็นประเทศที่น่าเร้าใจให้ไปเยือน เพื่อจะได้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ความจริงที่ได้เคยมีพระอรหันต์จำนวนมากมาย อยู่ในประเทศนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าได้มีการปฏิบัติธรรมกันจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน
แม้ว่าศรีลังกาจะได้ผ่านระยะเวลาที่พระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมลงหลายครั้งหลายครา และถึงแม้จะได้ถูกกดขี่ข่มเหง อีกด้วย ก็ตาม ชาวสิงหลในทุกวันนี้ ก็ยังมองเห็นความเกี่ยวข้องของพระธรรมในชีวิตประจำวันของเขา ชาวสิงหลยังคงธำรงรักษาขนบธรรมเนียม อันดีงาม ซึ่งได้สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลไว้ เช่น การถวายทานแด่พระภิกษุ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในวันอุโบสถ (วันพระกำหนดเอาในวันขึ้น 15 ค่ำ แรม 15 ค่ำ และบางครั้งในวันขึ้นและแรม 8 ค่ำด้วย) และพิธีกรรมอย่างอื่นอีกมาก ในปัจจุบันนี้ ได้มีหนังสือธรรมมากมาย ซึ่งเขียนโดยพระภิกษุและคฤหัสถ์ผู้ทรงความรู้และยังได้จัดพิมพ์สารานุกรมพุทธศาสนาขึ้นอีกด้วย