ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             พิธีเวียนเทียนในพระพุทธศาสนานั้นตามปกติมีสี่วันคือวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันอัฏฐมีบูชา ซึ่งหลายคนอาจลืมวันอัฏฐมีบูชาไป แต่ไปนับวันออกพรรษาแทน วันอัฏฐมีบูชานั้นเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายหลังจากวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้เจ็ดวันนั่นคือวันแรมแปดค่ำเดือนหก พิธีจัดขึ้นที่มกุฏพันธเจดีย์ เมืองกุสินารา ปีนี้ตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน 2553  


             ปัจจุบันงานศพมักจะจัดในวัด พิธีงานศพโดยทั่วๆ ไปจะเริ่มต้นจากเมื่อมีศพมาตั้งที่วัดแล้ว ตอนเย็นจะเริ่มต้นจากสวดพระอภิธรรมโดยพระสงฆ์ 4 รูป หรือบางวัดอาจจะมีการแสดงพระธรรมเทศนาก่อน 1 กัณฑ์ เสร็จจากพิธีสงฆ์แล้วเจ้าภาพจะจัดอาหารเครื่องดื่มเลี้ยงดูผู้มาร่วมงาน จะตั้งศพสวดพระอภิธรรมกี่วันก็แล้วแต่เจ้าภาพ 
             ในวันฌาปนกิจงานจะเริ่มต้นด้วยการถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ จากนั้นสวดมาติกาบังสุกุล และรอเวลาที่จะทำพิธี  โดยแห่ศพเวียนรอบเมรุ ยกขึ้นตั้ง บังสุกุล จากนั้นก็วางดอกไม้จันทน์ และทำพิธีเผา รุ่งขึ้นเก็บอัฏฐิ เป็นเสร็จพิธี แต่ละพื้นที่อาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง เช่นที่ภาคเหนือ ถ้าเป็นศพเจ้านายหรือคนสำคัญมีคนเคารพนับถือมาก ในวันเผาจะทำเป็นปราสาทสวยงามและทำพิธีฌาปนกิจพร้อมทั้งปราสาท ส่วนในกรุงเทพงานพระราชทานเพลิงศพก็จะทำอย่างยิ่งใหญ่ 
             ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานได้มีการจัดพิธีถวายพระเพลิง ซึ่งจัดขึ้นหลังพุทธปรินิพพาน 7 วัน ที่มกุฏพันธเจดีย์ ในการจัดพิธีนั้นมีปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค(10/152 -162/ 126-136) ในงานถวายพระเพลิงมีลำดับที่น่าศึกษาดังต่อไปนี้

 

 มัลละกษัตริย์ทราบข่าวพุทธปรินิพพาน
        
             ในสมัยนั้นพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราประชุมกันอยู่ที่สัณฐาคาร ด้วยเรื่องปรินิพพานนั้นอย่างเดียว ลำดับนั้นท่านพระอานนท์ เข้าไปยังสัณฐาคาร  ของพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ครั้นเข้าไปแล้ว ได้บอกแก่พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่า ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานแล้ว ขอท่าน ทั้งหลายจงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด พวกเจ้ามัลละกับโอรส สุณิสาและประชาบดี ได้ทรงสดับคำนี้ของท่านพระอานนท์แล้ว เป็นทุกข์เสียพระทัยเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ในใจ บางพวกสยายพระเกศา ประคองหัตถ์ทั้งสองคร่ำครวญอยู่ ล้มลงกลิ้งเกลือกไปมาดุจมีบาทอันขาดแล้ว ทรงรำพันว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จ    ปรินิพพานเสียเร็วนัก พระสุคตเสด็จปรินิพพานเสียเร็วนัก พระองค์ผู้มีพระจักษุ ในโลกอันตรธานเสียเร็วนัก  
              พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตรัสสั่ง พวกบุรุษว่า ดูกรพนาย ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงเตรียมของหอมมาลัยและเครื่องดนตรีทั้งปวง บรรดามีในกรุงกุสินาราไว้ให้พร้อมเถิด พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา  ทรงถือเอาของหอมมาลัยและเครื่องดนตรีทั้งปวงกับผ้า 500 คู่ เสด็จเข้าไปยัง    สาลวันอันเป็นที่แวะพักแห่งพวกเจ้ามัลละ และเสด็จเข้าไปถึงพระสรีระพระผู้มีพระภาค ครั้นเข้าไปถึงแล้วสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาคด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม ดาดเพดานผ้า ตกแต่ง โรงมณฑล ยังวันนั้นให้ล่วงไปด้วยประการฉะนี้ 
             พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้มีความดำริว่า การถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาคในวันนี้พลบค่ำเสียแล้ว พรุ่งนี้เราจักถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาค พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราสักการะ เคารพ นับถือ บูชา พระสรีระพระผู้มีพระภาค   ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม ดาดเพดานผ้า ตกแต่ง โรงมณฑล ยังวันที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ที่หก ให้ล่วงไป
เก็บพระพุทธสรีระไว้ 7 วัน
             ครั้นถึงวันที่เจ็ด พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้มีความดำริว่า เราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม จักเชิญไปทางทิศทักษิณแห่งพระนคร แล้วเชิญไปภายนอกพระนครถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาคทางทิศทักษิณแห่งพระนครเถิด       
             สมัยนั้น มัลลปาโมกข์ 8 องค์ สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้าใหม่   ด้วยตั้งพระทัยว่า เราจักยกพระสรีระพระผู้มีพระภาค ก็มิอาจจะยกขึ้นได้ ลำดับนั้นพวกเจ้ามัลละ เมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า ข้าแต่ท่านอนุรุทธะ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ให้มัลลปาโมกข์ 8 องค์นี้ ผู้สระสรงเกล้าแล้ว    ทรงนุ่งผ้าใหม่ ด้วยตั้งใจว่า เราจักยกพระสรีระพระผู้มีพระภาคก็มิอาจยกขึ้นได้ ฯ   พระอานนท์ ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย ความประสงค์ของพวกท่านอย่างหนึ่ง ของพวก   เทวดาอย่างหนึ่ง     
             มัลลกษัตริย์ได้ถามว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็ความประสงค์ของพวกเทวดาเป็นอย่างไร”      

             ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย ความประสงค์ของพวกท่านว่า เราสักการะ เคารพ     นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัย   และของหอม จักเชิญไปทางทิศทักษิณแห่งพระนคร แล้วเชิญไปภายนอกพระนคร       ถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาคทางทิศทักษิณแห่งพระนคร ความประสงค์   ของพวกเทวดาว่า เราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค      ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอมอันเป็นทิพย์ จักเชิญ ไปทางทิศอุดรแห่งพระนคร แล้วเข้าไปสู่พระนครโดยทวารทิศอุดร เชิญไปท่าม กลางพระนคร แล้วออกโดยทวารทิศบูรพา แล้วถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มี   พระภาค ที่มกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ ทางทิศบูรพาแห่งพระนคร      
             ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพวกเทวดาเถิด     
             สมัยนั้น เมืองกุสินาราเดียรดาษไปด้วยดอกมณฑารพโดยถ่องแถวประมาณแค่เข่าจนตลอดที่ต่อแห่งเรือน บ่อของโสโครกและกองหยากเยื่อ ครั้งนั้น   พวกเทวดาและพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระ  พระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เชิญไปทางทิศอุดรแห่งพระนคร แล้วเข้าไปสู่พระนครโดยทวารทิศอุดร เชิญไปท่ามกลางพระนคร แล้วออกโดยทวารทิศบูรพาแล้ววางพระสรีระพระผู้มีพระภาค ณ มกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ ทางทิศบูรพาแห่งพระนคร 
 

วิธีปฏิบัติในพระสรีระของพระพุทธเจ้า

             พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอานนท์ว่า   ข้าแต่ท่านพระอานนท์ พวกข้าพเจ้าจะปฏิบัติอย่างไรในพระสรีระพระผู้มีพระภาค     
             พระอานนท์ตอบว่า  ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย พวกท่านพึงปฏิบัติในพระสรีระพระตถาคตเหมือนที่เขาปฏิบัติในพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิฉะนั้น    
             ข้าแต่ท่านอานนท์ ก็เขาปฏิบัติในพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไร  
             ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย เขาห่อพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิด้วยผ้าใหม่ แล้ว   ซับด้วยสำลี แล้วห่อด้วยผ้าใหม่ โดยอุบายนี้ ห่อพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิด้วย  ผ้า 500 คู่แล้ว เชิญพระสรีระลงในรางเหล็กอันเต็มด้วยน้ำมัน ครอบด้วย  รางเหล็กอื่น แล้วกระทำจิตกาธารด้วยไม้หอมล้วน ถวายพระเพลิงพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว สร้างสถูปของพระเจ้าจักรพรรดิไว้ที่หนทางใหญ่ 4 แพร่ง   เขาปฏิบัติในพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิด้วยประการฉะนี้แล พวกท่านพึงปฏิบัติในพระสรีระพระตถาคต เหมือนที่เขาปฏิบัติในพระเจ้าจักรพรรดิ พึงสร้างสถูป ของพระตถาคตไว้ที่หนทางใหญ่ 4 แพร่ง ชนเหล่าใดจักยกขึ้นซึ่งมาลัยของหอมหรือ    จุณ จักอภิวาท หรือจักยังจิตให้เลื่อมใสในพระสถูปนั้น การกระทำเช่นนั้น  จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน 
             ลำดับนั้นพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตรัสสั่งพวกบุรุษว่า ดูกรพนาย   ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงเตรียมสำลีไว้ให้พร้อมเถิด พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา    ห่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคด้วยผ้าใหม่ แล้วซับด้วยสำลี แล้วห่อด้วยผ้าใหม่      โดยอุบายนี้ ห่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคด้วยผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็ก   อันเต็มด้วยน้ำมัน ครอบด้วยรางเหล็กอื่น แล้วกระทำจิตกาธารด้วยไม้หอมล้วน แล้วจึงเชิญพระสรีระพระผู้มีพระภาคขึ้นสู่จิตกาธาร  


    

พระมหากัสสปะเข้าเฝ้าพระพุทธสรีระ

             สมัยนั้นท่านพระมหากัสสปพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่   ประมาณ 500 รูป เดินทางไกลจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา ลำดับนั้น ท่าน พระมหากัสสปแวะออกจากทางแล้วนั่งพักที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง 
             สมัยนั้นอาชีวกคนหนึ่ง ถือดอกมณฑารพในเมืองกุสินารา เดินทางไกล    มาสู่เมืองปาวา ท่านพระมหากัสสปได้เห็นอาชีวกนั้นมาแต่ไกล จึงถามอาชีวกนั้นว่า  ดูกรผู้มีอายุ ท่านยังทราบข่าวพระศาสดาของเราบ้างหรือ อาชีวกตอบว่า อย่างนั้น   ผู้มีอายุ เราทราบอยู่ พระสมณโคดมปรินิพพานเสียแล้ว ได้ 7 วันเข้าวันนี้ ดอกมณฑารพนี้เราถือมาจากที่นั้น บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใด ยังไม่ปราศจากราคะ ภิกษุเหล่านั้น บางพวกประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญอยู่ ล้มลงกลิ้งเกลือกไปมาดุจมีเท้าอันขาดแล้ว รำพันว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานเสียเร็วนัก    พระสุคตเสด็จปรินิพพานเสียเร็วนัก พระองค์ผู้มีพระจักษุในโลก อันตรธาน เสียเร็วนักดังนี้ ส่วนภิกษุเหล่าใด ปราศจากราคะแล้ว ภิกษุเหล่านั้น มีสติ    สัมปชัญญะ อดกลั้นด้วยธรรมสังเวชว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เพราะฉะนั้น เหล่าสัตว์จะพึงได้ในสังขารนี้แต่ที่ไหน   

 

มัลละกษัตริย์จุดไฟไม่ติด
        
             สมัยนั้น มัลลปาโมกข์ 4 องค์ สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้าใหม่   ด้วยตั้งใจว่า เราจักยังไฟให้ติดจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค ก็มิอาจให้ติดได้    ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า ข้าแต่ท่าน อนุรุทธะ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ที่ให้มัลลปาโมกข์ทั้ง 4 องค์นี้   ผู้สระสรงเกล้าแล้ว ทรงนุ่งผ้าใหม่ ด้วยตั้งใจว่า เราจักยังไฟให้ติดจิตกาธาร   ก็มิอาจให้ติดได้    
              พระอานนท์จึงบอกว่า "ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย ความประสงค์ของพวกท่านอย่างหนึ่ง ของพวกเทวดาอย่างหนึ่ง  
             ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็ความประสงค์ของพวกเทวดาเป็นอย่างไร   
             ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย ความประสงค์ของพวกเทวดาว่า ท่านพระมหากัสสป    นี้ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป เดินทางไกลจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา จิตกาธานของพระผู้มีพระภาคจักยังไม่ลุกโพลงขึ้น จนกว่าท่าน พระมหากัสสปจะถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคด้วยมือของตน     
              ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพวกเทวดาเถิด    

มหากัสสปะประธานถวายพระเพลิง
        
             ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้าไปถึงมกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ  ในเมืองกุสินารา และถึงจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค ครั้นแล้วกระทำจีวรเฉวียงบ่า   ข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณจิตกาธาร 3 รอบ แล้วเปิดทางพระบาท ถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า แม้ภิกษุ 500 รูปเหล่านั้น ก็กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณ 3 รอบ    แล้วถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า เมื่อท่านพระมหา กัสสปและภิกษุ 500 รูปนั้นถวายบังคมแล้ว จิตกาธารของพระผู้มีพระภาคก็โพลงขึ้นเอง 
             เมื่อพระสรีระของพระผู้มีพระภาคถูกเพลิงไหม้อยู่ พระอวัยวะส่วนใด คือ พระฉวี พระจัมมะ พระมังสะ พระนหารู หรือพระลสิกา เถ้า เขม่าแห่งพระอวัยวะส่วนนั้น มิได้ปรากฏเลย เหลืออยู่แต่พระสรีระอย่างเดียว เมื่อเนยใสและน้ำมันถูกไฟไหม้อยู่ เถ้า เขม่า มิได้ปรากฏ ฉันใด เมื่อพระสรีระของพระผู้มีพระภาคถูกเพลิงไหม้อยู่ พระอวัยวะส่วนใด คือ พระฉวี พระจัมมะ พระมังสะ พระนหารู หรือพระลสิกา เถ้า เขม่าแห่งพระอวัยวะส่วนนั้น มิได้ปรากฏเลย เหลืออยู่แต่พระสรีระอย่างเดียวฉันนั้นเหมือนกัน และบรรดาผ้า 500 คู่  เหล่านั้น ไฟไหม้เพียง 2 ผืนเท่านั้น คือ ผืนในที่สุด กับผืนนอก เมื่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคถูกไฟไหม้แล้ว ท่อน้ำก็ไหลหลั่งมาจากอากาศดับจิตกาธารของ พระผู้มีพระภาค น้ำพุ่งขึ้นแม้จากไม้สาละ ดับจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ดับจิตกาธารของพระผู้มีพระภาคด้วยน้ำหอมล้วนๆ 

             ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารากระทำสัตติบัญชรในสัณฐาคารแวดล้อมด้วย     ธนูปราการ สักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาคตลอดเจ็ดวัน   ด้วยการฟ้อนรำ ด้วยการขับ ด้วยการประโคม ด้วยพวงมาลัย 

พิธีแจกพระบรมสารีริกธาตุ

      
             พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตศัตรู เวเทหีบุตรได้ทรงสดับ  ข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินาราจึงทรงส่งทูตไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่า พระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์ เราควร    จะได้ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคบ้าง จักได้กระทำพระสถูปและการฉลอง    พระสรีระพระผู้มีพระภาค พวกกษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลี  ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินารา จึงส่งทูตไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่าพระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์ เราควรได้ส่วนพระสรีระพระผู้มี พระภาคบ้าง แม้พวกเราก็จักได้ทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค พวกกษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ ... พระผู้มีพระภาคเป็นพระญาติอันประเสริฐ    ของพวกเรา ... พวกกษัตริย์ถูลีเมืองอัลกัปปะ ... พระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์    แม้เราก็เป็นกษัตริย์ ... พวกกษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม ... พระผู้มีพระภาคเป็น กษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์ ... พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ ... พระผู้มี  พระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นพราหมณ์ ... พวกกษัตริย์มัลละเมืองปาวาได้     ทรงสดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินารา จึงทรงส่งทูต    ไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่า พระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์   เราควรจะได้ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคบ้าง จักได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค เมื่อกษัตริย์และพราหมณ์ว่ามาดังนี้แล้ว พวกเจ้ามัลละ   เมืองกุสินาราได้ตรัสตอบหมู่คณะเหล่านั้นว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานใน  คามเขตของพวกเรา พวกเราจักไม่ให้ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาค  




โทณพราหมณ์อาสาแจกพระบรมสารีริกธาตุ

             เมื่อพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตรัสอย่างนี้แล้ว โทณพราหมณ์   ได้พูดกะหมู่คณะเหล่านั้นว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขอพวกท่านจงฟังคำอันเอกของข้าพเจ้าพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย เป็นผู้กล่าวสรรเสริญขันติ การจะสัมประหารกันเพราะส่วนพระสรีระของพระพุทธเจ้าผู้เป็นอุดมบุคคลเช่นนี้ ไม่ดีเลย ขอเราทั้งหลายทั้งปวง จงยินยอมพร้อมใจยินดีแบ่งพระสรีระออกเป็น 8 ส่วนเถิด ขอพระสถูป      จงแพร่หลายไปในทิศทั้งหลาย ชนผู้เลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้า ผู้มีพระจักษุมีอยู่มาก       
             หมู่คณะเหล่านั้นตอบว่า ข้าแต่พราหมณ์ ถ้าเช่นนั้นขอท่าน    นั่นแหละจงแบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาคออกเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กันให้เรียบร้อยเถิด โทณพราหมณ์รับคำของหมู่คณะเหล่านั้นแล้ว แบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาค ออกเป็น 8 ส่วนเท่ากันเรียบร้อย จึงกล่าวกะหมู่คณะเหล่านั้นว่า ดูกรท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย ขอพวกท่านจงให้ตุมพะนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจักกระทำพระสถูป และกระทำการฉลองตุมพะบ้าง ทูตเหล่านั้นได้ให้ตุมพะแก่โทณพราหมณ์ 

 

             พวกเจ้าโมริยะเมืองปิปผลิวัน ได้สดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินารา จึงส่งทูตไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่า     พระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้ เราก็เป็นกษัตริย์ เราควรจะได้ส่วนพระสรีระ     พระผู้มีพระภาคบ้าง จักได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค  พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตอบว่า ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคไม่มี เราได้ แบ่งกันเสียแล้ว พวกท่านจงนำพระอังคารไปแต่ที่นี่เถิด พวกทูตนั้น นำพระอังคารไปจากที่นั้นแล้ว

พระสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุ

             ครั้งนั้น พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่า อชาตศัตรู เวเทหีบุตร  ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค ในพระนครราชคฤห์ พวกกษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลี ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มี      พระภาคในเมืองเวสาลี พวกกษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ ก็ได้กระทำพระสถูป  และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกบิลพัสดุ์ พวกกษัตริย์ถูลีเมือง อัลกัปปะ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองอัลกัปปะ พวกกษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลอง    พระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองรามคาม พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ ก็ได้ กระทำพระสถูป และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวฏฐทีปกะ พวก      เจ้ามัลละเมืองปาวา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค ในเมืองปาวา พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลอง    พระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกุสินารา โทณพราหมณ์ ก็ได้กระทำสถูปและ  การฉลองตุมพะ พวกกษัตริย์โมริยะเมืองปิปผลิวัน ก็ได้กระทำพระสถูปและการ   ฉลองพระอังคารในเมืองปิปผลิวัน     
             พระสถูปบรรจุพระสรีระมีแปดแห่ง เป็นเก้าแห่งทั้งสถูปบรรจุตุมพะ    เป็นสิบแห่งทั้งพระสถูปบรรจุพระอังคาร ด้วยประการฉะนี้ การแจกพระธาตุและ  การก่อพระสถูปเช่นนี้ เป็นแบบอย่างมาแล้ว  
             พระสรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ แปดทะนาน เจ็ดทะนาน บูชากันอยู่ในชมพูทวีป ส่วนพระสรีระอีกทะนาน     หนึ่งของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นบุรุษที่ประเสริฐอันสูงสุด พวก  นาคราชบูชากันอยู่ในรามคาม พระเขี้ยวองค์หนึ่งเทวดา  ชาวไตรทิพย์บูชาแล้ว ส่วนอีกองค์หนึ่ง บูชากันอยู่ในคันธาร  บุรี อีกองค์หนึ่งบูชากันอยู่ในแคว้นของพระเจ้ากาลิงคะ อีก องค์หนึ่ง พระยานาคบูชากันอยู่       
             ด้วยพระเดชแห่งพระสรีระพระพุทธเจ้า นั้นแหละ   แผ่นดินนี้ชื่อว่า ทรงไว้ซึ่งแก้วประดับแล้วด้วยนักพรตผู้   ประเสริฐที่สุด พระสรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีจักษุนี้ ชื่อว่าอันเขาผู้สักการะๆ สักการะดีแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์ใด     อันจอมเทพจอมนาคและจอมนระบูชาแล้ว อันจอมมนุษย์ผู้   ประเสริฐสุดบูชาแล้วเหมือนกัน ขอท่านทั้งหลายจงประนม มือถวายบังคมพระสรีระนั้นๆ ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลายหาได้ยากโดยร้อยแห่งกัป  
              พระทนต์ 40 องค์ บริบูรณ์ พระเกศา และ  พระโลมาทั้งหมด พวกเทวดานำไปองค์ละองค์ๆ โดยนำต่อๆ กันไปในจักรวาล ดังนี้แล

             ข้อความในมหาปรินิพพานสูตรจบลงอย่างนี้ ส่วนพระไตรปิฎกฉบับอรรถกถา หน้า 453-471 มีข้อความที่อธิบายขยายความออกไปอีกอย่างละเอียด ซึ่งมีเนื้อหาที่ไม่แปลกและแตกต่างจากฉบับภาษาไทยเท่านัก หากท่านใดต้องการจะอ่านเพิ่มเติมก็สามารถดูได้จากฉบับอรรถกถามหาปรินิพพานเอาเองเถิด
             การถวายพระเพลิงพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า มิได้มีพิธีพิเศษจากพระศพของพระมหาจักรพรรดิ์ ดังนั้นเมื่อเราศึกษาพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าจึงเป็นการได้ศึกษาพิธีศพของพระเจ้าจักรพรรดิ์ไปด้วย
             ชาวพุทธถือเอาวันถวายพระเพลิงของพระสัมมาสัมพุทเจ้า เรียกวันเช่นนี้ว่า “อัฏฐมีบูชา”จึงได้จัดพิธีเวียนเทียนขึ้นในวันแรม 8 ค่ำเดือน 6 หลังวันพุทธปรินิพพาน 7 วัน ปีนี้เป็นปีอธิกมาสหรือแปดสองหนจึงเลื่อนไปอีกหนึ่งเดือนเป็นวันแรมแปดค่ำเดือนเจ็ด ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2553  พิธีกรรมจะทำแบบเดียวกับวันวิสาขบูชานั่นเองคือตอนเช้าถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณร พอถึงตอนเย็นจะมีการทำวัตรสวดมนตร์ ฟังพระธรรมเทศนา และประกอบพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ บางวัดจะมีการปฏิบัติธรรมจนตลอดรุ่ง ในขณะนั้นก็จะมีการฟังพระธรรมเทศนาไปด้วย บางวัดก็เพียงแต่มีพิธีเวียนเทียนในตอนเย็นใครสะดวกจะไปร่วมงานวันคล้ายวันถวายพระเพลิงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ขอเชิญได้ตามสะดวก 

 

พระมหาบุญไทย ปุญฺญมโน
รวบรวมเรียบเรียง
05/06/53

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก