พิธีเวียนเทียนในพระพุทธศาสนานั้นตามปกติมีสี่วันคือวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันอัฏฐมีบูชา ซึ่งหลายคนอาจลืมวันอัฏฐมีบูชาไป แต่ไปนับวันออกพรรษาแทน วันอัฏฐมีบูชานั้นเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายหลังจากวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้เจ็ดวันนั่นคือวันแรมแปดค่ำเดือนหก พิธีจัดขึ้นที่มกุฏพันธเจดีย์ เมืองกุสินารา ปีนี้ตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน 2553
ปัจจุบันงานศพมักจะจัดในวัด พิธีงานศพโดยทั่วๆ ไปจะเริ่มต้นจากเมื่อมีศพมาตั้งที่วัดแล้ว ตอนเย็นจะเริ่มต้นจากสวดพระอภิธรรมโดยพระสงฆ์ 4 รูป หรือบางวัดอาจจะมีการแสดงพระธรรมเทศนาก่อน 1 กัณฑ์ เสร็จจากพิธีสงฆ์แล้วเจ้าภาพจะจัดอาหารเครื่องดื่มเลี้ยงดูผู้มาร่วมงาน จะตั้งศพสวดพระอภิธรรมกี่วันก็แล้วแต่เจ้าภาพ
ในวันฌาปนกิจงานจะเริ่มต้นด้วยการถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ จากนั้นสวดมาติกาบังสุกุล และรอเวลาที่จะทำพิธี โดยแห่ศพเวียนรอบเมรุ ยกขึ้นตั้ง บังสุกุล จากนั้นก็วางดอกไม้จันทน์ และทำพิธีเผา รุ่งขึ้นเก็บอัฏฐิ เป็นเสร็จพิธี แต่ละพื้นที่อาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง เช่นที่ภาคเหนือ ถ้าเป็นศพเจ้านายหรือคนสำคัญมีคนเคารพนับถือมาก ในวันเผาจะทำเป็นปราสาทสวยงามและทำพิธีฌาปนกิจพร้อมทั้งปราสาท ส่วนในกรุงเทพงานพระราชทานเพลิงศพก็จะทำอย่างยิ่งใหญ่
ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานได้มีการจัดพิธีถวายพระเพลิง ซึ่งจัดขึ้นหลังพุทธปรินิพพาน 7 วัน ที่มกุฏพันธเจดีย์ ในการจัดพิธีนั้นมีปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค(10/152 -162/ 126-136) ในงานถวายพระเพลิงมีลำดับที่น่าศึกษาดังต่อไปนี้
มัลละกษัตริย์ทราบข่าวพุทธปรินิพพาน
ในสมัยนั้นพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราประชุมกันอยู่ที่สัณฐาคาร ด้วยเรื่องปรินิพพานนั้นอย่างเดียว ลำดับนั้นท่านพระอานนท์ เข้าไปยังสัณฐาคาร ของพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ครั้นเข้าไปแล้ว ได้บอกแก่พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่า ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานแล้ว ขอท่าน ทั้งหลายจงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด พวกเจ้ามัลละกับโอรส สุณิสาและประชาบดี ได้ทรงสดับคำนี้ของท่านพระอานนท์แล้ว เป็นทุกข์เสียพระทัยเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ในใจ บางพวกสยายพระเกศา ประคองหัตถ์ทั้งสองคร่ำครวญอยู่ ล้มลงกลิ้งเกลือกไปมาดุจมีบาทอันขาดแล้ว ทรงรำพันว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จ ปรินิพพานเสียเร็วนัก พระสุคตเสด็จปรินิพพานเสียเร็วนัก พระองค์ผู้มีพระจักษุ ในโลกอันตรธานเสียเร็วนัก
พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตรัสสั่ง พวกบุรุษว่า ดูกรพนาย ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงเตรียมของหอมมาลัยและเครื่องดนตรีทั้งปวง บรรดามีในกรุงกุสินาราไว้ให้พร้อมเถิด พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ทรงถือเอาของหอมมาลัยและเครื่องดนตรีทั้งปวงกับผ้า 500 คู่ เสด็จเข้าไปยัง สาลวันอันเป็นที่แวะพักแห่งพวกเจ้ามัลละ และเสด็จเข้าไปถึงพระสรีระพระผู้มีพระภาค ครั้นเข้าไปถึงแล้วสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาคด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม ดาดเพดานผ้า ตกแต่ง โรงมณฑล ยังวันนั้นให้ล่วงไปด้วยประการฉะนี้
พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้มีความดำริว่า การถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาคในวันนี้พลบค่ำเสียแล้ว พรุ่งนี้เราจักถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาค พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราสักการะ เคารพ นับถือ บูชา พระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม ดาดเพดานผ้า ตกแต่ง โรงมณฑล ยังวันที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ที่หก ให้ล่วงไป
เก็บพระพุทธสรีระไว้ 7 วัน
ครั้นถึงวันที่เจ็ด พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้มีความดำริว่า เราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม จักเชิญไปทางทิศทักษิณแห่งพระนคร แล้วเชิญไปภายนอกพระนครถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาคทางทิศทักษิณแห่งพระนครเถิด
สมัยนั้น มัลลปาโมกข์ 8 องค์ สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้าใหม่ ด้วยตั้งพระทัยว่า เราจักยกพระสรีระพระผู้มีพระภาค ก็มิอาจจะยกขึ้นได้ ลำดับนั้นพวกเจ้ามัลละ เมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า ข้าแต่ท่านอนุรุทธะ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ให้มัลลปาโมกข์ 8 องค์นี้ ผู้สระสรงเกล้าแล้ว ทรงนุ่งผ้าใหม่ ด้วยตั้งใจว่า เราจักยกพระสรีระพระผู้มีพระภาคก็มิอาจยกขึ้นได้ ฯ พระอานนท์ ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย ความประสงค์ของพวกท่านอย่างหนึ่ง ของพวก เทวดาอย่างหนึ่ง
มัลลกษัตริย์ได้ถามว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็ความประสงค์ของพวกเทวดาเป็นอย่างไร”
ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย ความประสงค์ของพวกท่านว่า เราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัย และของหอม จักเชิญไปทางทิศทักษิณแห่งพระนคร แล้วเชิญไปภายนอกพระนคร ถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มีพระภาคทางทิศทักษิณแห่งพระนคร ความประสงค์ ของพวกเทวดาว่า เราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอมอันเป็นทิพย์ จักเชิญ ไปทางทิศอุดรแห่งพระนคร แล้วเข้าไปสู่พระนครโดยทวารทิศอุดร เชิญไปท่าม กลางพระนคร แล้วออกโดยทวารทิศบูรพา แล้วถวายพระเพลิงพระสรีระพระผู้มี พระภาค ที่มกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ ทางทิศบูรพาแห่งพระนคร
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพวกเทวดาเถิด
สมัยนั้น เมืองกุสินาราเดียรดาษไปด้วยดอกมณฑารพโดยถ่องแถวประมาณแค่เข่าจนตลอดที่ต่อแห่งเรือน บ่อของโสโครกและกองหยากเยื่อ ครั้งนั้น พวกเทวดาและพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระ พระผู้มีพระภาค ด้วยการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม มาลัยและของหอม ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เชิญไปทางทิศอุดรแห่งพระนคร แล้วเข้าไปสู่พระนครโดยทวารทิศอุดร เชิญไปท่ามกลางพระนคร แล้วออกโดยทวารทิศบูรพาแล้ววางพระสรีระพระผู้มีพระภาค ณ มกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ ทางทิศบูรพาแห่งพระนคร
วิธีปฏิบัติในพระสรีระของพระพุทธเจ้า
พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านพระอานนท์ พวกข้าพเจ้าจะปฏิบัติอย่างไรในพระสรีระพระผู้มีพระภาค
พระอานนท์ตอบว่า ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย พวกท่านพึงปฏิบัติในพระสรีระพระตถาคตเหมือนที่เขาปฏิบัติในพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิฉะนั้น
ข้าแต่ท่านอานนท์ ก็เขาปฏิบัติในพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไร
ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย เขาห่อพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิด้วยผ้าใหม่ แล้ว ซับด้วยสำลี แล้วห่อด้วยผ้าใหม่ โดยอุบายนี้ ห่อพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิด้วย ผ้า 500 คู่แล้ว เชิญพระสรีระลงในรางเหล็กอันเต็มด้วยน้ำมัน ครอบด้วย รางเหล็กอื่น แล้วกระทำจิตกาธารด้วยไม้หอมล้วน ถวายพระเพลิงพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว สร้างสถูปของพระเจ้าจักรพรรดิไว้ที่หนทางใหญ่ 4 แพร่ง เขาปฏิบัติในพระสรีระพระเจ้าจักรพรรดิด้วยประการฉะนี้แล พวกท่านพึงปฏิบัติในพระสรีระพระตถาคต เหมือนที่เขาปฏิบัติในพระเจ้าจักรพรรดิ พึงสร้างสถูป ของพระตถาคตไว้ที่หนทางใหญ่ 4 แพร่ง ชนเหล่าใดจักยกขึ้นซึ่งมาลัยของหอมหรือ จุณ จักอภิวาท หรือจักยังจิตให้เลื่อมใสในพระสถูปนั้น การกระทำเช่นนั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน
ลำดับนั้นพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตรัสสั่งพวกบุรุษว่า ดูกรพนาย ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงเตรียมสำลีไว้ให้พร้อมเถิด พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ห่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคด้วยผ้าใหม่ แล้วซับด้วยสำลี แล้วห่อด้วยผ้าใหม่ โดยอุบายนี้ ห่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคด้วยผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็ก อันเต็มด้วยน้ำมัน ครอบด้วยรางเหล็กอื่น แล้วกระทำจิตกาธารด้วยไม้หอมล้วน แล้วจึงเชิญพระสรีระพระผู้มีพระภาคขึ้นสู่จิตกาธาร