ช่วงนี้อากาศแปรปรวนบ่อย บัดเดี๋ยวหนาว บัดเดี๋ยวร้อน บางวันมีฝนตกลงมาอีกเลยไม่รู้ว่าเป็นฤดูไหนกันแน่ วันหนึ่งเดินเล่นไปที่ศาลาท่าน้ำหน้าวัด สายลมพัดแรงต้นไม้ไหวเอนลู่ ใบไม้ปลิวว่อนดูเหมือนฝนกำลังจะตก ใกล้ศาลาท่าน้ำริมคลองหน้าวัดปลูกมะม่วงพันธุ์สุโขทัยไว้สองต้น ต้นหนึ่งกำลังออกดอก อีกต้นกำลังแตกกิ่ง มะม่วงสองต้นนี้มีคนนำมาถวายในงานมหาชาติเมื่อปีที่ผ่านมาพร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณให้ฟังว่า "มะม่วงพันธุ์นี้มีผลใหญ่มาก บางลูกหนักร่วมหนึ่งกิโลกรัม" อยากรู้ อยากดู อยากเห็นว่าจะจริงตามคำบอกหรือไม่จึงได้นำไปปลูกไว้ หากวันใดว่างก็จะเดินไปดูว่ามะม่วงสองต้นนั้นยังอยู่หรือไม่ ต้นไม้ขาดน้ำก็เหมือนคนขาดเงิน ขณะนั้นลมแรงพัดมาเห็นมีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวมาตกใกล้ๆจึงหยิบขึ้นมดู เป็นบทกลอนไม่รู้ใครเขียน ไม่รู้มาจากไหน พิจารณาเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์เหมือนเคยได้ยินได้ฟังมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ทราบว่าใครแต่งไว้ หากใครทราบว่าใครเป็นคนประพันธ์แจ้งมาให้ทราบจะขอบคุณอย่างยิ่ง คนเขียนโดยไม่ได้ระบุชื่อ ขอคารวะ บางครั้งแม้เศษกระดาษข้างถนนก็เป็นครูสอนเราได้ ขอเรียกว่า "ครูข้างถนน" ก็แล้วกัน ลองอ่านดู
อยากมีเงิน
อยากมีเงินต้องทำงานจึงพานพบ
อยากเรียนจบต้องขยันหมั่นศึกษา
อยากมีรักต้องฝักใฝ่เวียนไปมา
อยากมีหน้าเสนอหน้าอาสาคน
อยากมีเกียรติต้องเลิกชั่วอย่ากลัวอด
อยากมียศต้องกล้าแข็งทุกแห่งหน
อยากเป็นหนึ่งต้องพึ่งตัวของตน
อยากเป็นคนต้องมีธรรมประจำใจ
ความพอ
ความไม่พอใจจนเป็นคนเข็ญ
พอแล้วเด่นเป็นเศรษฐีมหาศาล
จนทั้งนอกจนทั้งในไม่ได้การ
จงคิดอ่านแก้จนเป็นคนพอ
ถ้าเราได้ทุกอย่างดั่งที่คิด
สิ้นชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างช่างปะไร
กรรมของใครก็ของมันเท่านั้นเอง ฯ
ครูข้างถนน
เศษกระดาษข้างถนนบนทางผ่าน
เก็บมาอ่านมีสาระน่าสนใจ
นำเผยแผ่ให้เป็นกลอนไว้สอนใจ
ใครเขียนไว้หากรู้ชื่อถือเป็นครู
ในทุกที่หากสนใจได้สังเกต
อาจพบเหตุแห่งความรวยอันสวยหรู
ส่วนจะทำหรือไม่ให้ตรองดู
อาจมีครูสอนเราอยู่ "ครูข้างถนน" ฯ
หลวงตาไซเบอร์ฯ
เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนาราม
รวบรวม
26/01/55
หมายเหตุ:เศษกระดาษข้างถนน ปลิวมาตกข้างศาลาหน้าวัด ไม่ทราบที่มา ไม่รู้คนเขียน ส่วน “ครูข้างถนน” เขียนเอง