แม้จะไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร จารึกไว้ในกระดาษแผ่นใดมาก่อน แต่พอถึงวันสงกรานต์ของทุกปีที่บ้านของโยมแม่ของผู้เขียนก็จะมีบรรดาเหล่าลูกหลานจากทุกสารทิศพากันมารดน้ำดำหัวเพื่อขอพรในวันขึ้นปีใหม่ของไทย เหตุการณ์เป็นไปในทำนองนี้มาหลายปีแล้ว จำได้ว่าพ่อเคยบอกไว้ก่อนเสียชีวิตว่า หากพ่อไม่อยู่แล้วให้ลูกหลานเคารพแม่เหมือนเคารพพ่อ คำแม่สอนจึงเหมือนคำสอนของพ่อไปโดยปริยาย วันนั้นผู้เขียนเองในฐานะลูกชายคนโตจึงทำหน้าที่เป็นประธานในการรดน้ำดำหัวโยมแม่ จากนั้นเหล่าลูกหลานก็พากันรดน้ำ ผู้ที่ทำหน้าประธานในวันนั้นก็เปียกปอนด้วยน้ำอบน้ำหอมไม่แพ้กัน
หลวงตาไซเบอร์ฯแม้จะบวชมานานกว่าสามสิบปีแล้วเป็นเหมือนคนที่ไร้ญาติขาดมิตร ต้องการจะสละปล่อยวางวิถีชีวิตทางโลก พยายามดำเนินตามแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่าที่จะทำได้ แต่ทว่าเครือญาติตัดอย่างไรก็ตัดไม่ขาด ยังมีโยมแม่ที่แก่ชราแล้ว ยังมีพี่ มีน้อง ยังมีลูกหลานที่ไม่เคยเห็นหน้าอีกมากมาย หากไม่แสดงตนให้ญาติเหล่านั้นรู้จักก็ดูเหมือนจะเป็นคนไร้ญาติขาดมิตรจริงๆ อย่างน้อยในวันนี้ยังมีโยมแม่ที่จะต้องคอยดูแล แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้เห็นหน้ากันทุกวัน แต่ก็พยายามไปเยี่ยมเยือนไม่ขาดปีละหลายครั้ง โยมแม่ยกไว้คนหนึ่งหากเอ่ยปากขออะไรพร้อมที่จะให้โดยไม่มีเงื่อนไข แต่โยมแม่ก็ไม่ค่อยเอ่ยปากขออะไรง่ายๆ แต่ในวันสงกรานต์ปีนี้โยมแม่โทรศัพท์มาบอกว่า “จะทำบุญบ้านและมีงานฉลองปริญญาของหลานสาววันที่ 14 เมษายน นิมนต์ท่านมหามาร่วมงานด้วย” สั้นๆเท่านั้นก็วางสาย หลวงตาไซเบอร์ฯ จึงวางงานทั้งปวงออกเดินทางในบัดเดี๋ยวนั้น
ผู้เขียนแม้จะเป็นเหมือนคนไร้บ้าน แต่พอถึงหน้าเทศกาลสงกรานต์หากไม่ติดงานสำคัญจริงๆ ก็จะกลับไปเยี่ยมโยมแม่รดน้ำดำหัวทุกปี ให้ของขวัญเล็กๆน้อย มีเงินติดมือให้โยมแม่ได้จับจ่ายใช้สอยแจกพวกหลานๆให้มีเงินซื้อขนม ส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้ซื้ออาหารหวานคาวใส่บาตรพระในตอนเช้า ในช่วงนี้บรรดาเหล่าลูกหลานจะพากันมารดน้ำดำหัวคุณยาย คุณย่า ตามแต่เขาจะเรียกขายตามสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง โยมแม่ก็จะถามข่าวคนนั้นคนนี้ว่าอยู่อย่างไร ทำงานที่ไหน จากนั้นก็ฟังเหล่าลูกหลานบอกเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟัง โยมแม่ก็จะให้คำแนะนำว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ “ทำงานหาเงินมาได้แล้วอย่าใช้จ่ายจนหมดตัว เก็บเงินเก็บทองไว้บ้างเผื่อเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาจะได้ไม่ลำบาก ทำงานอะไรก็ไม่ว่าแต่อย่าทำงานทุจริตเท่านั้น ยาย(ย่า) ไม่อยากได้เงินของลูกหลาน ได้เห็นหน้าก็พอใจแล้ว” โยมแม่มักจะจบคำสนทนาในลักษณะนี้
หลวงตาไซเบอร์ฯนั่งทำหน้างงๆในเวลาที่เหล่าญาติๆพากันมารดน้ำ ต้องคอยถามว่าคนนั้นเป็นใคร คนนี้ลูกใคร คนนั้นชื่ออะไร เพราะเมื่อทุกคนมากราบและรดน้ำ หลวงตาไซเบอร์ฯ จำไม่ได้ ส่วนคำเรียกขานก็แล้วแต่เขาจะเรียก “หลวงลุง หลวงน้า หลวงปู่ หลวงตา” ตามแต่เขาจะเรียกขาน เดี๋ยวนี้ความจำไม่ค่อยดีเด็กๆเขาเจริญเติบโตเร็วมาก เคยเห็นเป็นเด็กเล็กๆเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันกลายเป็นคุณพ่อ คุณแม่ของพวกเด็กๆกันหมดแล้ว พอเริ่มอายุมากขึ้นความจำมักจะสั้นลง แต่ความรักความเมตตากลับยืนยาวขึ้น ความจำสั้นแต่ความรักยาวประมาณนั้น
การได้อยู่ใต้ร่มเงาของเครือญาตินั้นเป็นความสุขประการหนึ่งที่ไม่อาจสรรหาคำอธิบายมาบรรยายได้ รู้สึกเป็นสุขที่ได้เห็นหน้าพวกเด็กๆที่กำลังเจริญเติบโต ได้ถามข่าวคนหนุ่มสาวที่เดินทางไปทำงานในต่างถิ่น ได้รับรู้และสัมผัสถึงความสุขที่เกิดจากความสำเร็จของลูกหลาน ได้รับฟังความทุกข์ยากลำบากของใครบางคน บางคนกำลังศึกษาเล่าเรียน บางคนทำเกษตรกรรมปลูกผักปลูกหญ้าขาย อาชีพนั้นแล้วแต่ใครจะเลือกทำตามความถนัด หลานสาวคนหนึ่งพึ่งเรียนจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ารับปริญญาบัตรเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา งานสงกรานต์ปีนี้จึงคึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นงานเทศกาลตามประเพณีแล้ว ยังเป็นงานฉลองปริญญาของหลานยายไปในตัวด้วย
คนอื่นๆวมถ่ายภาพคนละภาพสองภาพ แต่คุณยายของหลานสาวถ่ายภาพกับหลานสาวที่อุตส่าห์ใส่ชุดครุยปริญญาเป็นกรณีพิเศษ ถ่ายภาพแล้วถ่ายอีก จนเจ้าหลานสาวเริ่มจะเหงื่อซึมเต็มหน้า แต่ก็เป็นเหงื่อแห่งความปีติยินดี โยมแม่บอกว่า “ชีวิตชาวไร่ชาวนาของหญิงชราคนหนึ่ง ตอนนี้พอใจแล้วมีลูกชายเรียนจบปริญญาเอก มีหลานสาวเรียนจบปริญญาตรี เท่านั้นชีวิตก็มีความสุขมากเกินพอแล้ว” พูดจบก็ยกผ้าขึ้นน้ำตาแห่งความปีติที่ล้นเอ่อออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นยิ้มทั้งน้ำตา
ญาติสนิทมิตรสหายแม้จะมีฐานะต่างกันอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นญาติตัดกันไม่ขาด ในพระพุทธศาสนาบุญเหมือนญาติผู้เป็นที่รัก ที่จะคอยต้อนรับผู้ทำบุญในเวลาที่จากโลกนี้ไป ญาติย่อมชื่นชมยินดีกับญาติผู้จากไปนานแล้วกลับมาเยี่ยมเยือนด้วยความยินดีฉันใด บุญที่ทำไว้ก็จะต้อนรับผู้ที่ล่วงลับที่จากโลกนี้ไปด้วยความชื่นชมฉันนั้น ดังพุทธภาษิตที่แสดงไว้ในปิยวรรค ธรรมบท ขุททกนิกาย (25/26/37) ความว่า “ญาติ มิตร และเพื่อนผู้มีใจดี ย่อมชื่นชมต่อบุรุษผู้จากไปสิ้นกาลนาน กลับมาแล้วโดยสวัสดีแต่ที่ไกลว่ามาแล้ว บุญทั้งหลาย ย่อมต้อนรับ แม้บุคคลผู้ทำบุญไว้ ซึ่งจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น ดุจญาติต้อนรับญาติที่รัก ผู้มาแล้ว ฉะนั้น” ญาติต้อนรับญาติ บุญที่ทำไว้ดีแล้วย่อมต้อนรับคนมีบุญ
บุญจึงเป็นเหมือนญาติผู้ใจดีที่คอยต้อนรับผู้ทำบุญไว้ด้วยความชื่นชม ญาติผู้ใหญ่ผู้ใจดีคอยต้อนรับและแสดงความชื่นชมยินดีเมื่อลูกหลานประสบความสำเร็จในชีวิต ให้คำแนะนำเมื่อลูกหลานเดินผิดทาง คอยช่วยเหลือเกื้อหนุนเมื่อลูกหลานตกทุกข์ได้ยาก ความเย็นของน้ำอบน้ำหอมในวันสงกรานต์ที่ราดรดลงบนฝ่ามือของญาติผู้ใหญ่เย็นสบายสดชื่น เหมือนบุญที่ทำไว้ดีแล้วจะคอยเป็นความเย็นในเวลาที่ร้อนใจ น้ำชำระกาย บุญชำระใจ บุญจึงเหมือนญาติผู้ใหญ่ใจดีที่คอยต้อนรับเหล่าลูกหลานที่มาเยือน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
18/04/56