ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

           โบราณว่าไว้ว่าผู้ที่จะทำบุญที่ได้ผลมากนั้นจะต้องเป็นผู้ “สร้างอาราม สร้างสะพาน ปลูกต้นไม้ ขุดน้ำบ่อ ก่อศาลา คือผู้ที่ได้ชื่อว่าคนมีบุญ เป็นผู้ที่ได้บุญมาก” นั่นเพราะสิ่งเหล่านั้นมีคุณประโยชน์ต่อชนหมู่มาก  อารามเป็นที่พักสำหรับพระสงฆ์จะได้มีสถานที่สำหรับประพฤติปฏิบัติธรรม สะพานสำหรับผู้คนสัญจรไปมาได้สะดวก ต้นไม้ให้ร่มเงาและดอกผล บ่อน้ำนั้นสำหรับคนหมู่มากได้ดื่มกิน ผู้ใดสร้างสิ่งเหล่านี้โบราณจึงถือว่าเป็นคนมีบุญ
 

          ตอนเช้ากำลังจะไปสอนหนังสือพระนวกะที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม เดินผ่านเจ้าอาวาสกำลังกวาดลานวัด ท่านบอกว่า “ท่านมหาฯช่วยเป็นเจ้าภาพปลูกต้นไม้ในสวนป่าสักหนึ่งต้นนะ” ตอนนั้นพระลูกวัดกำลังเห็นเจ้าอาวาสทำความสะอาดวัด แต่ตนเองกลับเดินผ่านเฉยเพราะมีภาระที่กำลังรออยู่นั่นเองจึงช่วยงานท่านไม่ได้ จึงรับปากตอบตกลงท่านไป จากนั้นก็เดินผ่านไป ก็แค่ต้นไม้หนึ่งต้นคงไม่เท่าไหร่ราคาคงไม่กี่บาท ตอนนั้นอยากปลูกสักห้าต้นด้วยซ้ำ

 

          หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดมัชฌันติการามมีดำริที่จะสร้างสวนป่าเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการปฏิบัติธรรม เพราะปัจจุบันป่าที่เหมาะกับการปฏิบัติธรรมนั้นหายาก บางครั้งต้องเดินทางไกลไปถึงต่างจังหวัด วัดป่านั้นเหมาะกับการปฏิบัติเพราะมีธรรมชาติร่มรื่น แต่วัดที่อยู่ในเมืองใหญ่มักจะมีแต่พื้นปูน หรือหากจะมีห้องปฏิบัติธรรมก็จะเป็นห้องปรับอากาศที่อากาศพอเหมาะ แม้จะฝืนธรรมชาติแต่เพื่อความสะดวกก็ยังดีกว่าอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวน ทำให้จิตใจสงบยาก แต่การมีป่าไม้ในเมืองหลวงถ้าทำได้จะเป็นผลดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเป็นปอดของชุมชน เพราะทุกคนได้สัมผัสกับธรรมชาติและสูดอากาศอันบริสุทธิ์
          หลวงพ่อเจ้าอาวาสฯ เริ่มลงมือปฏิบัติการณ์แล้วโดยเร่งระดมปลูกต้นไม้ เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนพื้นที่ที่เคยโล่งเตียนก็กลายเป็นป่าขึ้นมาเหมือนเนรมิต เพราะต้นไม้ที่นำมาปลูกนั้นเป็นต้นไม้ที่โตแล้ว เพียงแต่นำรากลงดินและพยายามรดน้ำพรวนดิน อีกไม่นานก็ทรงตัวอยู่ได้ ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าฝนยิ่งง่ายต่อการดูแลรักษา ฝนตกลงมาต้นไม้ก็สดชื่น ไม่ต้องลงแรงอะไรมาก

 

          คนที่ปลูกต้นไม้สร้างสวนไม้ดอกไม้ให้ผลชื่อว่าเป็นคนมีบุญ  เพราะต้นไม้ให้ร่มเงาหลบแดดบังฝนได้ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของชนหมู่มาก ยิ่งในยุคที่ป่าหายาก หากมีสวนป่าก็จะเกิดความร่มรื่น ป่าไม้ให้ร่มเงา ไม้ดอกให้ความสวยงาม ส่วนไม้ผลให้ผลของต้นไม้เป็นอาหาร โบราณปลูกผักผลไม้ไว้รับประทานเอง ปลูกผักปลูกหญ้าเอาไว้ให้นกกาได้กิน ที่เหลือเอาไว้ขาย สมัยก่อนข้าวปลาอาหารผลไม้ต่างๆขอกันกินได้ แต่ปัจจุบันแทบทุกอย่างถูกตีค่าเป็นเงินตราไปเกือบหมดแล้ว
          ที่ได้ชื่อว่าคนมีบุญนั้นคือคนเช่นไร ในพระพุทธศาสนาได้แสดงคนที่สร้างประโยชน์ให้เกิดแก่คนหมู่มากชื่อว่าเป็นคนมีบุญ ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตอบคำถามแก่เทวดาองค์หนึ่งในวนโรปสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (15/145/43)  ครั้งหนึ่งเทวดาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ชนพวกไหนมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อทั้งกลางวันและกลางคืน ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลเป็นผู้ไปสวรรค์”


          พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า (15/146/44)   “ชนเหล่าใดสร้างอาราม(สวนไม้ดอกไม้ผล) ปลูกหมู่ไม้(ใช้ร่มเงา) สร้างสะพาน และชนเหล่าใดให้โรงน้ำเป็นทานและบ่อน้ำ ทั้งบ้านที่พักอาศัย ชนเหล่านั้นย่อมมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์”
          แปลมาจากภาษาบาลีว่า  “อารามโรปา วนโรปา      เย ชนา เสตุการกา
                                           ปปญฺจ อุทปานญฺจ          เย ททนฺติ อุปสฺสยํ
                                           เตสํ ทิวา จ รตฺโต จ         สทา ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ
                                           ธมฺมฏฺฐา สีลสมฺปนฺนา      เต ชนา สคฺคคามิโนติ ฯ

 

 

          การนำต้นไม้ที่โตแล้วมาปลูกมีผลดีคือโตเร็วเห็นผลทันที แต่ก็มีผลเสียคือขาดความแข็งแรงเพราะยังไม่ได้หยั่งรากลึกลงยังดิน เมื่อประสบกับกระแสลมแรงอาจหักโค่นได้ง่าย เหมือนมนุษย์บางคนที่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานรวดเร็วเกินไปรากฐานยังไม่มั่นคงแข็งแรงพอ เมื่อประสบกับปัญหาก็อาจจะทนทานกับกระแสแห่งโลกธรรมไม่ได้  ส่วนต้นไม้ที่เกิดอยู่กับที่ค่อยๆหยั่งรากลึกซอนไซไปในดินดูดซึมเอาสารอาหารไปหล่อเลี้ยงลำต้น กิ่งก้าน สาขา ดอก ใบและผล แม้จะเจริญเติบโตช้า แต่ทว่ามีความทนทานแข็งแรง สามารถที่จะยืนต้นทนสู้ท้าทายกับลมฝนได้อย่างทระนง คนก็เฉกเช่นเดียวกัน ค่อยๆก้าวไปทีละก้าวถึงจะช้าแต่ทว่าหนักแน่นมั่นคงเข้มแข็งกร้าวแกร่ง
          ตอนเย็นกลับมาจากทำงานที่มหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา นครปฐม ต้องเดินผ่านหน้ากุฏิเจ้าอาวาส ท่านกำลังกวาดใบไม้แห้งที่หล่นเกลื่อนหน้ากุฏิ จึงยกมือไหว้และเอ่ยถามท่านว่า “หลวงพ่อครับ ต้นไม้ราคาต้นละกี่บาทครับ” ตอนนั้นพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อปลูกต้นไม้สักหนึ่งต้น

 

          หลวงพ่อเจ้าอาวาสฯ ยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะบอกว่า “มีหลายราคาต้นเล็กก็หนึ่งพันหรือสองพันบาท ต้นใหญ่ก็ประมาณหนึ่งหมื่นบาท ท่านมหาฯ เป็นเจ้าภาพต้นใหญ่ก็แล้วกัน” ตอนนั้นรู้สึกเหงื่อซึมจนซุ่มจีวร ทั้งๆที่อากาศกำลังเย็นสบาย จึงต่อรองว่า “พบกันครึ่งทางก็แล้วกันนะครับ ตอนนี้ติดหนี้ไว้ก่อน มีเงินเมื่อไหร่จะค่อยๆผ่อนส่ง” เดินตัวปลิวกลับกุฏิเตรียมสอนหนังสือสามเณรในเวลาหนึ่งทุ่ม  รำพึงกับตัวเองคนเดียวว่า “จะได้ชื่อว่าคนมีบุญกับเขาทั้งทีด้วยการปลูกต้นไม้สักต้น ก็ต้องแลกมาด้วยเงินหลายบาท” ทำไงได้รับปากหลวงพ่อเจ้าอาวาสฯไปแล้ว  โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่า แม้แต่การจะได้ชื่อว่า “คนมีบุญ” ก็ต้องแลกมา

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
14/08/55

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก