การเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ที่ไม่เคยไป โดยไม่มีกล้องถ่ายภาพก็ยากที่จะมีคำอธิบาย ภาพบางภาพสามารถแทนถ้อยคำได้ตั้งพันคำ ดูเพียงภาพก็เข้าใจได้ ยังดีที่วันนั้นมีกล้องติดมือไปด้วย แต่ก็ยังเสียเงินให้ช่างภาพเจ้าของพื้นที่ถ่ายภาพให้ด้วยวัตถุประสงค์สามประการคืออยากให้เขามีงานทำที่สุจริตและสองอยากเห็นมุมภาพที่เขาถ่าย เพราะสถานที่แต่ละแห่งย่อมมีมุมที่แสดงออกถึงความงามของสถานที่ที่เจ้าของพื้นที่เขาคุ้นเคย ในเวลาเที่ยงวันจะหามุมที่สวยที่สุดสำหรับคนผ่านทางเพียงชั่วครู่ย่อมยากที่จะหาพบ ส่วนข้อสุดท้ายจะได้มีชื่อของสถานที่บนภาพถ่ายนั้นเพราะถึงอย่างไรช่างภาพก็ต้องบอกสถานที่ที่ถูกต้องบนกรอบภาพ
วันนั้นหลังเที่ยงวันได้เดินทางไปยังวัดอูลัน ดานู บราตัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในบาหลี เจ้าอาวาสวัดหย่งคัง ประเทศไต้หวันที่ร่วมเดินทางไปด้วยพอได้เห็นทะเลสาบดาเนา บราตันถึงกับเปล่งอุทานออกมาในตอนนั้นว่า “เหมือนทะเลสาบสุริยันจันทรา ที่ไต้หวันไม่ผิดเลย เพียงแต่มีขนาดต่างกันเท่านั้น” ทะเลสาบดาเนา บราตันมีขนาดเล็กกว่าทะเลสาบสุริยันจันทรา แต่ทว่าความงดงามของสถานที่ทั้งสองแห่งกินกันไม่ลง สวยงามพอๆกัน หากจะเปรียบเทียบกับที่เมืองไทยน่าจะใกล้เคียงกับหนองหาร สกลนคร แต่ที่หนองหารมีสิ่งมหัศจรรย์มากกว่าคือมักจะมีเงาของระลอกคลื่นโผล่มาให้เห็นในตอนเย็นๆจนผู้คนในถิ่นนั้นเชื่อกันว่าคือพญานาคที่แสดงตัวให้คนเห็น แต่ที่ทะเสสาบบราตันไม่มี
หนังสือหน้าต่างสู่โลกกว้างอินโดนีเซีย (หน้า 228)ระบุว่า “ทะเลสาบดาเนา บราตัน เป็นปากปล่องภูเขาไฟกุนุง จาตูร์ที่ดับแล้วและมีหมอกปกคลุม ทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญสำหรับพื้นที่เกษตรกรรมรอบๆ ชาวเบอดูกุลบูชาเทวีดานูหรือเทพีแห่งทะเลสาบที่ปูรา ดานู บราตัน วัดซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ”
ทะเลสาบดาเนา บราตันเป็นทะเลสาบที่มีมนต์ขลัง ฉากหลังคือทุ่งข้าวขั้นบันไดที่ค่อย ๆ ลาดต่ำลง อยู่ที่เบดูกัลป์ เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงซึ่งมีรีสอร์ทที่พักให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการธรรมชาติแบบทุ่งหญ้า ท้องนา และภูเขาได้เข้าพักด้วย ในตอนเช้าหากปราศจากหมอกจะได้เห็นวิวที่สวยงามของยอดเขาคินตามณี เมาต์อากุง เป็นต้น
ปูรา อูลันดานู บราตัน เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบดาเนา บราตัน มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟสูงมีหมอกลอยฟ่องไปตามภูเขาจึงเหมือนกับทะเลสาบที่อยู่ใต้หมู่เมฆ วัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ทำพิธีทางศาสนาพุทธและฮินดู รวมทั้งอุทิศแด่เทวี ดานูเทพแห่งสายน้ำ มีลักษณะเด่นตรงศาลาสูงซึ่งมีหลังคาทรงสูง มุงด้วยหญ้าคล้ายฟางซ้อนกันถึง 11 ชั้น สวยงามมาก ถามพระธรรมทูตที่อินโดนีเซียก็ตอบไม่ได้ว่าบนหลังคาที่มองดูเหมือนฟางมุงหลังคาทำมาจากอะไร เพราะมีให้เห็นตามหลังคาวัดต่างๆทั่วไป
ทะเลสาบที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลหนึ่งพันสามร้อยเมตร นับว่าสูงมากหากเทียบกับทะเลสาบในที่อื่นๆ ทะเลสาบที่เกิดจากปล่องภูเขาไฟอันร้อนระอุ แต่พอกาลเวลาผ่านไปความร้อนก็กลายเป็นความเย็นและยังให้ความอุดมสมบูรณ์แก่พืชพันธุ์ธัญญาหาร ร้อนกับเย็นเป็นของคู่กัน เวลาที่ภูเขาไฟกำลังระอุก็ต้องเตรียมการอพยพหลบหนีลาวาที่จะพ่นออกมาจากปล่องภูเขา แต่เมื่อความร้อนดับสนิทก็กลายเป็นแหล่งน้ำที่สร้างคุณประโยชน์แก่คนหมู่มาก ธรรมชาติไม่ได้โหดร้ายอย่างเดียวแต่ยังมีความปราณีแฝงอยู่ด้วย
วันนั้นเจ้าของห้องอาหารบาตัว ซารี ที่คินตามณีนิมนต์พระสงฆ์ไทยไปฉันภัตตาหารเพล จึงต้องเดินทางจากที่พักกลางหุบเขาที่ยังจำชื่อไม่ได้ ถามใครก็ไม่มีใครตอบได้ว่าคืนที่ผ่านมาเราพักกันที่ไหน จำได้เพียงแต่ว่าเจ้าของที่พักถวายห้องพักในที่พักกลางหุบเขาให้พระสงฆ์ไทยจำนวน 15 ห้อง วันนั้นจึงมีพระสงฆ์ไทยเข้าพักจำนวน 30 รูป หากเป็นเวลาปรกติคิดราคาที่พักห้องละหนึ่งล้านรูเปียร์ต่อหนึ่งคืน เป็นห้องพักอยู่ในหุบเขามีนาข้าวกำลังเหลืองอร่ามงดงาม ตอนกลางคืนนอนฟังเสียงกบเสียงเขียดร้องระงมทุ่ง ห้องพักที่อยู่ใต้หุบเขานั้นถวายให้พระสงฆ์พักทั้งหมดไม่มีแขกอื่นเข้าพักในเขตนั้นเลย คืนที่ผ่านมาจึงนอนฟังเสียงกบเขียดร้องเพลงบรรเลงกล่อมนอน อากาศเย็นสบายไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ ยุงก็ไม่รบกวน กลางคืนฝนตกพรำๆ กบเขียดออกมาร้องบทเพลงในราวไพร ลมพัดมาแผ่วๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมดีแท้
พอรุ่งเช้าพระอาทิตย์ทอแสงสะท้อนกับภูเขาและทุ่งนาเกิดเป็นภาพสะท้อนสีทองบนยอดเขา นาข้าวที่กำลังออกรวงเหลืองอร่ามลดหลั่นเหมือนขั้นบันไดก็สะท้อนกับแสงแดด เกิดเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง กล้องที่อยู่ในมือจึงกดชัดเตอร์ไม่ยั้ง ธรรมชาติมีความงามการบันทึกภาพด้วยกล้องถ่ายภาพแม้จะได้ภาพเหมือนจริง แต่ทว่าการบันทึกด้วยความทรงจำเป็นภาพในจินตนาการที่ไม่อาจลืมเลือนได้ ความทรงจำของมนุษย์นั้นหากจำเรื่องที่ดีๆย่อมมีจะมีความสุขไปด้วย บางครั้งมนุษย์มักจะจำในเรื่องที่อยากลืม และมักจะลืมในเรื่องที่อยากจำ ความงดงามของธรรมชาตินั้นต่างกันเป็นความทรงจำที่อยู่ได้นาน เพราะเกิดจากการรับรู้ของคนที่มีความสุข
ที่พักริมทางแห่งนี้ดำเนินงานโดยชาวพุทธ ภายในอาณาบริเวณมีห้องปฏิบัติธรรมเป็นเพียงห้องโถงขนาดใหญ่ เหมือนศาลาการเปรียญ ภายในไม่มีเครื่องประดับใดๆนอกจากพระพุทธรูปองค์ประธาน ถามพนักงานต้อนรับเขาบอกว่ามักจะมีพระสงฆ์มาแสดงธรรมอยู่เสมอ เจ้าของเขาชอบปฏิบัติธรรม อ๋อลืมบอกไปสถานที่แห่งนั้นชื่อว่า “Saranam” อ่านว่า “สรณัม” หรือ “สรณัง” หากเป็นภาษาบาลีมาจากคำว่า “สรณ” แปลว่าความระลึก ที่ระลึก ที่พึ่ง หากเป็นภาษาอินโดนีเซียค้นดูจากพจนานุกรมภาษาอินโดนีเซียที่ซื้อถือติดมือไปด้วย มาจากคำว่า “sarana” แปลว่าช่องทาง หนทาง ทรัพย์สิน ความมั่งคั่ง หรือสิ่งก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก
ก่อนจากยังหันกลับไปมองว่าอย่างน้อยการเดินทางมาบาหลีครั้งนี้ก็ได้นอนพักที่ห้องพักในราคาคืนละหนึ่งล้านมาแล้ว ไม่อยากคิดเป็นเงินไทยเพราะอยากจำคำว่า “คืนละหนึ่งล้าน” อย่าลืมว่าข้าราชการที่จบปริญญาตรีของอินโดนีเซียมีเงินเดือนเพียงสองล้านรูเปียร์ กรรมกรทำงานก่อสร้างทั่วไปได้ค่าแรงประมาณเดือนละหนึ่งล้านรูเปียร์ จ่ายค่าห้องพักของที่นี่ได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น สำหรับคนผ่านทางแล้ว แม้จะนอนฟรีคืนเดียวก็ยังตราตรึงอยู่ในใจไปนาน
ทะเลสาบสีครามสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นประกาย ตัดกับหมู่เมฆหมอกที่ลอยผ่านภูเขาเป็นฉากหลังที่งดงาม นาข้าวที่กำลังออกรวงเหลืองอร่ามทั่วท้องทุ่ง มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่าน บางช่วงมีหมอกลอยผ่านไปเหนือทะเลาสาบ เหมือนกำลังอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ ทะเลสาบสีคราม นาข้าวตามขั้นบันไดบนไหล่เขา และภูเขาไฟที่ระเบิดแล้ว ภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพที่มีอยู่จริงเป็นความงดงามแห่งธรรมชาติที่บาหลี อินโดนีเซีย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
27/06/55