ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        ช่วงนี้มนุษยโลกเกิดเป็นอะไรกันทั้งบ้านทั้งเมืองก็ไม่รู้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติของประเทศไทยทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือในรัฐสภา โรงเรียนเปิดเทอมแล้วเด็กนักเรียนบางคนยังหาที่เรียนไม่ได้เลย โรงเรียนที่ผู้ปกครองอยากให้เรียนก็เต็มแล้ว เมื่อไม่ได้อย่างที่ใจคิดก็เดินขบวนประท้วง ชาวนาบางจังหวัดต้องช่วยกันพังคันกั้นดินเพราะเกรงว่าหากกั้นน้ำไว้มากเกินไปอาจจะถูกน้ำท่วมเสียหายอีก ในขณะที่รัฐบาลก็วางแผนในการป้องกันน้ำท่วม เลยกลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งกั้น ฝ่ายหนึ่งพัง นี่เฉพาะในประเทศไทย ที่ประเทศอื่นๆหากติดตามข่าวจะเห็นความวุ่นวายของโลกเกิดขึ้นให้เห็นอยู่แทบทุกวัน ได้แต่ปลงอนิจจังความไม่เที่ยงของโลกว่า “โลกนี้ช่างวุ่นวายจริงหนอ”
 

        เย็นวันหนึ่งเดินเล่นที่หน้าวัดกำลังมองน้ำครำในคลองที่ส่งกลิ่นเหม็นลอยมากระทบจมูก กำลังคิดว่าทำไมคลองน้ำในกรุงเทพมหานครจึงมีแต่น้ำเสีย หากน้ำในลำคลองใสสะอาดอาจจะมีเด็กๆมากระโดดน้ำเล่นแต่นี่เมื่อน้ำเสียคงไม่มีใครอยากเล่นน้ำโคลนในคลองเน่า หันหลังกำลังจะเดินขึ้นกุฏิก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาชวนสนทนา คุยกันไปได้สักพักชายหนุ่มคนนั้นจึงบอกว่า “หลวงพ่อครับผมเรียนจบทางด้านบริหารธุรกิจ แต่อยากเป็นครู เป็นอาจารย์สอน หลวงพ่อพอจะหาโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยสักแห่งให้ผมสอนได้ไหมครับ” 

 

        ชายหนุ่มคนนั้นพึ่งเรียนจบปริญญาโทมาใหม่ๆยังหางานทำตามสาขาที่เรียนจบมาไม่ได้  วันนั้นจึงได้แต่เพียงบอกว่า “ลองหางานอื่นๆทำไปก่อน เพราะการเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยปัจจุบันเขาจะรับเฉพาะผู้ที่เรียนจบมาตรงกับสาขาที่เปิดสอนเท่านั้น จบบริหารธุรกิจจะมาสอนปรัชญาหรือพระพุทธศาสนา ก็คงไม่ใช่วิสัยที่จะทำได้ง่าย แม้จะมีความรู้สามารถที่จะสอนได้ แต่หากไม่ตรงกับสาขาวิชานั้นๆก็ยากที่จะเป็นอาจารย์ได้ ถ้าอาจารย์ใบ้หวยก็ว่าไปอย่าง ไม่ต้องเรียนจบจากไหนก็เป็นอาจารย์ได้”
        ชายหนุ่มคนนั้นจากไปไม่นานก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งเข้ามาหาบอกว่า “ดิฉันกำลังเดือดร้อนเงินไม่พอใช้ งานที่ทำอยู่ก็ไม่มีความมั่นคง คือดิฉันทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายปี ทำมาหลายปีแล้วเงินเดือนเท่าเดิม แต่ปีนี้ยังไม่มีสัญญาจ้างเลย เงินเดือนที่เคยได้ตอนนี้ก็ยังจ่ายไม่ได้ หลายเดือนมาแล้วต้องกู้หนี้ยืมสินส่งดอกเบี้ย จนไม่มีจะส่งแล้ว” คนนี้ไม่รู้จะตอบเขายังไง เรื่องเงินเรื่องทองเป็นเรื่องที่ตอบยาก จึงได้แต่ยิ้มอย่างเดียวเป็นยิ้มจืดๆ
        อีกคนหนึ่งอยู่ในวัยเรียนบอกว่า “ผมอยากเรียนทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ แต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ได้ เมื่อไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมก็แพงมาก พ่อแม่หาเงินส่งให้เรียนไม่ไหว ผมยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าปีนี้ผมจะเรียนหรือไม่เรียนดี” นักศึกษาท่านนี้คงอยากพูดให้ฟังเฉยๆ  เรื่องเรียนต่อหรือไม่เรียนต่อนั้นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล หากเรียนในสาขาที่ไม่ชอบ แม้จะจบมาแล้วก็คงไม่อยากทำงานในสาขาที่ตนเองศึกษาเล่าเรียนมา หากคิดเพียงแต่ว่าเรียนอะไรก็ได้ จบแล้วค่อยว่ากันก็คงได้ บางครั้งเราเองก็เลือกในสาขาที่อยากเรียนไม่ได้ การเลือกในการศึกษานั้นชีวิตใครชีวิตมัน ทางใครทางมัน

 

        สุภาพสตรีที่ทำงานเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งโทรศัพท์แทรกเข้ามาเล่าให้ฟังว่า “ช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องปิดโทรศัพท์ เพราะมีผู้ปกครองโทรศัพท์มาฝากเด็กให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย วันละหลายคน หนักๆเข้าไม่รู้จะช่วยยังไงจึงต้องปิดโทรศัพท์ไม่รับสายจากใคร หลวงพ่อยังสบายดีอยู่หรือไม่” 
        จึงตอบไปสั้นๆว่า “ยังพออดพอทนได้”
        หลวงพ่อจากต่างจังหวัดที่คุ้นเคยรูปหนึ่งโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า “ผมกำลังสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ แทนหลังเก่าที่ผุพัง แต่ยังขาดเงินในกาก่อสร้าง ท่านมหาช่วยบอกบุญผู้มีจิตศรัทธาให้บริจาคสร้างศาลาให้ด้วยนะครับ ผมจะส่งรายการก่อสร้างมาให้” จึงได้รับปากหลวงพ่อไป แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะหาเงินที่ไหน ยุคสมัยนี้เงินทองไม่ได้หาง่าย
        หลวงพี่จากต่างจังหวัดอีกรูปหนึ่งโทรศัพท์แทรกเข้ามาว่า “ผมกำลังสร้างรั้วล้อมวัด สร้างไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วครับ แต่เงินหมดก่อน ท่านอาจารย์ช่วยบอกบุญหาคนมีจิตศรัทธาให้ด้วยนะครับ” ตัวเองก็ยังแทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่เหมือนกัน แต่ก็รับปากหลวงพี่ไป รั้วรอบวัดสร้างไปเรื่อยๆคงไม่เป็นไร มีเงินเมื่อไหร่ค่อยสร้างก็ได้
        สนทนาทางโทรศัพท์สองสามสาย ไม่รู้ว่าวันนั้นมีอะไรจึงมีคนคิดถึงอยากจะโทรศัพท์มาสนทนาด้วย เดินขึ้นกุฏิเปิดโทรทัศน์ นั่นไงข่าวเกี่ยวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกำลังวุ่นวายกับการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศาลและอัยการมีความเห็นไม่ตรงกัน ไปคนละทิศละทาง ตอนนี้ไม่รู้จะเชื่อใคร คนอีกหลายกลุ่มกำลังจะชุมนุมประท้วงทั้งสีเหลือง สีแดง และหลากสี ได้แต่ปลงสังเวชคนเดียวเงียบๆว่า “โลกนี้วุ่นวายจริงหนอ”

 

        บนโต๊ะเต็มไปด้วยซองผ้าป่าและซองอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย บางซองหมดอายุไปแล้ว งานเขาเสร็จไปนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ส่ง กำลังรอปัจจัยที่กำลังจะมาอยู่เหมือนกัน มีใครไม่รู้บอกว่า “เงินทองไปเที่ยว ประเดี๋ยวก็กลับมา” แต่สำหรับอาตมาเงินไม่ใช่แค่ไปเที่ยว แต่ไปอย่างถาวร ไม่ค่อยย้อนกลับมาหาเยือน 
        มาย้อนคิดว่าทำไมโลกนี้จึงวุ่นวาย เป็นเพราะโลกหรือเป็นเพราะมนุษย์หรือเป็นเพราะสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เดินไปที่ตู้พระไตรปิฎกเปิดหาข้อมูลเรื่องของโลกก็ได้พบกับคำตอบบางส่วน “โลกวุ่นวายเพราะตัณหาพาไป โลกถูกผูกไว้ด้วยความเพลิดเพลิน” ดังที่พระพุทธเจ้าตอบคำถามของเทวดา ครั้งหนึ่งเทวดาได้ทูลถามพระพุทธเจ้า ในตัณหาสูตร    สังยุตตนิกาย สคาถวรรค  (15/183/53)  ถึงเรื่องของโลกความว่า “เทวดาทูลถามว่า  “โลกอันอะไรหนอย่อมนำไป อันอะไรหนอย่อมเสือกไสไป  โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคืออะไร”
        พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “โลกอันตัณหาย่อมนำไป อันตัณหาย่อมเสือกไสไป โลกทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคือตัณหา”
        ตัณหาแปลว่าความอยาก ความกระหาย ความดิ้นรน โลกเป็นไปตามอำนาจของความอยาก ความดิ้นรน เมื่อความอยากเกิดขึ้นเกิดจึงทำให้สนองความอยากของตนเอง หากได้ตามที่ใจปรารถนาก็พอบรรเทาความอยากไปได้ แต่ถ้าความอยากมากเกินไป โลกนี้ก็วุ่นวาย ตัณหาจัดเป็นสมุทัยคือสาเหตุให้เกิดทุกข์ หากไม่มีตัณหาในจิตมนุษย์ก็ไม่ต้องดิ้นรน เมื่อไม่ดิ้นรนก็ไม่ต้องวุ่นวาย ไม่ทุกข์ ส่วนหนึ่งโลกวุ่นวายเพราะใจเราไปยึดมั่น ปล่อยวางบ้างก็คงดี หากยังปล่อยไม่ได้ก็อย่าถือให้มั่นนัก

 

        ความเพลิดเพลินผูกโลกไว้ ดังที่แสดงไว้ในพันธนสูตร สูตร    สังยุตตนิกาย สคาถวรรค  (15/187/54) แสดงไว้ว่าความเพลิดเพลินเป็นเครื่องผูกโลกไว้  ครั้งนั้นเทวดาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “โลกมีอะไรหนอเป็นเครื่องผูกไว้ อะไรหนอเป็นเครื่องเที่ยวไปของโลกนั้น เพราะละเสียได้ซึ่งอะไร จึงตัดเครื่องผูกได้หมด   
        พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “โลกมีความเพลิดเพลินเป็นเครื่องผูกไว้ วิตกเป็นเครื่องเที่ยวไปของ โลกนั้น เพราะละตัณหาเสียได้ขาด จึงตัดเครื่องผูกได้หมด”
        อ่านหนังสือพระไตรปิฎกและค้นหาคำตอบในใจตนเอง ใจก็สงบปิดโทรศัพท์ ปิดโทรทัศน์ ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ดูข่าว นั่งนิ่งๆพยายามไม่คิดถึงเรื่องอะไร ปัญหาบางอย่างหากแก้ได้ก็เป็นการดี หากแก้ไม่ได้แม้จะคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ปัญหาบางอย่างไม่ต้องแก้มันคลี่คลายของมันเอง เหมือนไฟที่หมดเชื้อก็ย่อมดับไปเอง หากเติมเชื้อไฟอยู่เรื่อยไฟก็ยิ่งจะลุกโพลงไม่มีวันดับ  จิตใจของมวลมนุษยชาติก็เฉกเช่นเดียวกัน หากเติมเชื้อแห่งความร้อนด้วยอำนาจแห่งตัณหา มีแต่จะร้อนรนไปไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้งหยุดพักจิตพักใจบ้าง ทำใจให้นิ่ง เดี๋ยวความจริงก็ปรากฏ ถึงโลกนี้จะวุ่นวายอย่างไร หากยังมีลมหายใจก็ต้องอยู่กับโลกนี้ให้ได้  แม้โลกจะวุ่นวาย แต่ใจไม่ร้อนรน ก็พอทนอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน 
08/06/55

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก