ถ้าใจไม่ศรัทธาแม้อยู่ต่อหน้าพระพุทธองค์ บทสรุปคงได้แค่บทสนทนาเพลิน ๆ ดุจกามนิตที่ใกล้เกลือกินด่างกล่าวคำลาเต็มปากเต็มคำกับพระพุทธเจ้าว่า “ลาก่อนสหายเราจะไปเฝ้าพระพุทธองค์แล้วนะ” กามนิตเป็นบุรุษหนุ่มที่รอมแรมข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนไกล หวังจะมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อลิ้มรสโอสถธรรม ระหว่างทางก่อนถึงที่หมาย ได้เข้าขอพักค้างคืนที่หมู่บ้านช่างปั้นหมอที่โรงปั้นหมอ ก่อนจะเดินทางต่อไปในวันรุ่งขึ้น
ค่ำคืนนั้นเองพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จมาเพียงลำพังพระองค์ และได้เข้าพักค้างแรมร่วมกับกามนิต กามนิตเห็นนักบวชศีรษะโล้น ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนึกเพียงว่าคงเหมือนนักบวชทั่วไป ที่หวังแสวงหาโมกขธรรม และคงมาฟังธรรมะของพระพุทธองค์ที่จะแสดงในวันพรุ่งนี้ไม่ต่างจากตน
จึงไตร่ถามสาระทุกข์สุกดิบแลกเปลี่ยนทัศนะสนทนาทางโลกและทางธรรม ตามมารยาทของคนที่มาพักด้วยกัน การสนทนาล่วงเลยถึงเวลาใกล้รุ่ง นักบวชหนุ่มแปลกหน้าก็ขอตัวล่วงหน้าไปสู่ธรรมสภาตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนกามนิตล้มตัวลงนอนพักผ่อนเอาแรงชั่วแมวหลับ
เมื่อแสงอรุณสาดส่องสว่างเต็มที่ กามนิตก็ลุกขึ้นจากที่นอนรีบออกจากโรงปั้นหมอ มุ่งตรงไปสู่ธรรมสภากลางหมู่บ้าน หวังจะได้ไปฟังพระธรรมเทสนาของพระพุทธองค์ เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง ระหว่างทางที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินมุ่งตรงไปสู่ธรรมสภา
พ่อหนุ่ม ! พ่อหนุ่ม ! ระวัง! ระวัง! เสียงร้องเตือนจากชาวบ้านที่กำลังโกลาหลวิ่งหนีภัยจากวัวบ้า และนั้นคือเสียงเตือนสุดท้ายที่เขาได้ยิน กามนิตไม่ทันระวังถูกวัวบ้าวิ่งมาขวิด ถูกขวิดด้วยเขาทะลุอกล้มลงตามแรงปะทะหล่นลงกลางถนน และก่อนที่ลมหายใจจะหมดลง
ก่อนที่ความเจ็บปวดจะพาพญามัจจุราชหอบหิ้วชีวิตไป สายตากามนิตเหลือบเห็นนักบวชหนุ่มศีรษะโล้นที่สนทนากับเขาตลอดทั้งคืน นั่งอยู่ท่ามกลางธรรมสภาแวดล้อมด้วยพุทธศาสนิก คำอุทานเบา ๆว่า หรือว่านั้นคือพระพุทธองค์ พร้อมกับพนมมือ ยกขึ้นแสดงความเคารพก่อนสิ้นชีวิตไปกับคำอุทาน
อย่าได้ใสใจแต่สิ่งที่อยู่ภายนอก จนทำให้สิ่งที่คุณค่าใกล้ตัวหมดราคา
ศรัทธาบังใจ เครื่องสวมใส่บังความจริง และการตกแต่งเกินจริงบังปัญญา
นักบวชหนุ่มที่สนทนากับเขาทั้งคืนคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือบุคคลที่ใคร ๆ หวังเพื่อจะเข้าใกล้ หวังเพื่อจะสนทนาธรรม แต่กามนิตมองด้วยตาเนื้อรู้ได้เพียงสหายร่วมพักแรมระหว่างทาง ไม่สามารถมองทะลุถึงเนื้อธรรมะที่สนทนาตลอดคืน
ตลอดทั้งคืนที่กามนิตสนทนากับพระพุทธองค์ สิ่งที่เข้าไปในหัวสมองของเขาเป็นเพียงสหายผู้พูดจาดี มารยาทงาม เขามองเห็นนักบวชหนุ่มเป็นเพียงเพื่อนผู้กระหายธรรมเช่นตน เพราะกามนิตวาดภาพความจริงของพระพุทธองค์ไว้เกินธรรมดา คิดว่าต้องเป็นบุรุษผู้ที่มีรัศมีแผ่ไพศาล มีรูปร่างงดงามยิ่งกว่าคนธรรมดา มองภาพพุทธองค์คือบุรุษตามนิยาย
จึงทำให้พลาดโอกาสทำให้สาระชีวิตที่ควรจะถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ หรืออย่างน้อยได้รับแสงสว่างแห่งธรรมบ้าง ซึ่งจะต่างอะไรกับคนที่แสวงหาพระอรหันต์ วิ่งเข้าพระเกจิ ถือคล้องพระเต็มคอถือเครื่องลางเต็มเอว แต่ลืมดูแลแม่แก่ ๆ ที่อยู่บ้านให้ได้รับความสะดวกสบาย
จิตของกามนิตที่ถูกพอกด้วยศรัทธามากเกินปัญญา หลงตั้งโจทย์ว่าธรรมะต้องมาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น พื้นที่หัวใจจึงถูกแทนที่ด้วยม่านความอยากบาง ๆ ที่เกาะอยู่บนเจตนาดี ๆ ขโมยคุณค่าธรรมะที่กามนิตควรจะได้ ทำให้บทสนทนาทั้งคืนระหว่างพุทธองค์กับกามนิต
กลายเป็นฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวา ธรรมะโอสถที่ว่าแน่ ๆ แม้ว่าอยู่ตรงหน้าก็ไร้ฤทธิ์ เพียงเพราะติดล่มความคิดยึดติดกับตัวบุคคล
การพูดเองเอ้อเอง คิดเอาเอง ประเมินเอาเอง นึกว่าต้องเป็นอย่างนี้ ถึงแม้จะเป็นเจตนาดี แต่ก็เป็นเพียงสนิมในทิฏฐิ เจตนาดีที่ยึดอยู่กับตัวบุคคล ยึดติดอยู่กับสถานที่ ยึดติดอยู่รูปแบบเดิม ๆ ไม่สมสมัย กลายเป็นภาวะความอ่อนแอของการเปลี่ยนแปลง ที่ต่อไม่ติดกับความจริงในปัจจุบันให้เติบโตได้
จริงอยู่ศรัทธาสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุก ๆ คน ที่ยึดติดอยู่กับตัวบุคคล ยึดติดอยู่กับรูปแบบ แต่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการขยายพื้นที่ความรู้ให้มากขึ้น เปิดรับความแตกต่างไม่คิดเข้าข้างตนเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่าพระตถาคตจะเกิดขึ้น หรือไม่บังเกิดขึ้นก็ดี ธาตุ(ธรรมะ)นั้นตั้งอยู่แล้ว. ความเปราะบางทางศรัทธาที่ก่อตัวกลายเป็นอุปสรรคทางความคิด ยึดติดในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินควร ย่อมทำให้แสงสว่างความดีงามถูกปิดบัง ถูกลมแห่งกาลเวลาพัดพาโอกาสงาม ๆ หายไปในพริบตา เรียกว่าหลงจนจมเชื่อจนล้ม เพราะฉะนั้นอย่างได้ยึดติดคิดว่าการเดินทาง
โมกขสิทธิ์
11/05/55