คนป่วยที่จะต้องเดินทางไกลนับเป็นความทุกข์ประการหนึ่ง แม้จะพยายามบอกกับตัวเองว่าร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกประการแต่ทว่าเจ้าความป่วยไข้ไม่เข้าใครออกใครสามารถเจ็บป่วยได้ทุกเวลา มีอาการเจ็บคอและไอมาตั้งแต่งานพิธีประทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยแล้ว หากรุ่งขึ้นอีกวันได้พักผ่อนอาการคงไม่เป็นไร แต่ตามกำหนดการจะต้องเนทางไปที่ประเทศศรีลังกา จึงปฏิเสธไม่ได้ต้องเดินทางทั้งๆที่อาการป่วยพึ่งเริ่มต้น
ต้องบอกว่าการเดินทางไปศรีลังกาครั้งนี่ทุลักทะเลน่าสงสารตัวเองเป็นที่สุด ทั้งเหนื่อยกายและจะต้องคอยระมัดระวังไม่ให้อาการของโรคกำเริบหนักขึ้นอีก ศรีลังกาในฤดูนี้อากาศก็เอาแน่ไม่ค่อยได้อากาศร้อนระอุ บางวันแดดร้อนอยู่ดีมีฝนตกลงมาหน้าตาเฉย กลางวันร้อนมาก พอตกกลางคืนอากาศหนาว ร่างกายปรับตัวไม่ทัน กลางคืนต้องนอนพร้อมทั้งมีอาการไออยู่บ่อยๆ นอนไปไอไปจึงนอนไม่ค่อยหลับ พอรุ่งเช้าก็เกิดอาการเพลีย บางครั้งเดินไม่ไหวก็หลบอยู่ในรถไม่ไปไหน
ร่างกายนี้เป็นรังของโรคย่อมจะเกิดอาการป่วยไข้ได้ตลอดเวลา แม้ว่าบางครั้งเจ้าตัวจะไม่รับรู้ว่าตัวเองมีโรคหรือกำลังป่วยอยู่ก็ตาม ร่างกายย่อมผุผังเปื่อยเน่าไปตามกาลเวลา ดังที่แสดงไว้ในชราวรรค ขุททกนิกาย ธรรมบท(25/21/24) ได้แสดงความจริงเกี่ยวกับอัตภาพไว้ว่า “ท่านจงดูอัตภาพอันบุญกรรมทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็นแผล อันกระดูกสามร้อยท่อนปรุงขึ้นแล้ว กระสับกระส่าย อันมหาชนดำริกันโดยมาก ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง รูปนี้คร่ำคร่าแล้ว เป็นรังแห่งโรค ผุพัง กายของตนอันเปื่อยเน่าจะแตกเพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด” ในเวลาเจ็บป่วยจึงหันมาพิจารณาอัตภาพร่างกายนี้ ตัวเราเองก็ถูกโรคทั้งหลายรุมเร้าเฝ้ารบกวนมาโดยตลอดและใกล้เวลาที่จะต้องลาจากโลกนี้ไปแล้ว ไยยังมัวเมาในประมาทอยู่เล่า
ในจตุตถปัณณาสก์ อินทรียวรรค อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต(21/157/140) ได้แสดงโรคไว้สองประการดังข้อความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย โรคสองอย่างนี้คือโรคทางกาย โรคทางใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้ปฏิญาณความไม่มีโรคด้วยโรคทางกาย ตลอดปีหนึ่งมีปรากฏ ผู้ปฏิญาณความไม่มีโรคตลอดสองปีบ้างสามปีบ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยีสิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปีบ้าง ผู้ปฏิญาณความไม่มีโรคแม้ยิ่งกว่า ร้อยปีบ้างมีปรากฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดปฏิญาณความไม่มีโรคทางใจแม้ครู่หนึ่ง สัตว์เหล่านั้นหาได้ยากในโลก เว้นจากพระขีณาสพ” คนที่ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคทางกายอาจจะมีอยู่บ้าง แต่ทว่าคนที่ไม่ป่วยด้วยโรคทางใจหาได้ยากยิ่ง
วันหนึ่งจะต้องเดินขึ้นถ้ำที่วัดดัมบูลา ซึ่งอยู่สูงมากในใจก็อยากดู เพราะไปศรีลังกาเมื่อปีก่อนไม่ได้เดินทางขึ้นไป การได้กลับมาเยือนครั้งนี้จึงอยากจะเดินไปสัมผัสกับถ้ำที่ได้ชื่อว่ามีชื่อเสียงใกล้เคียงกับถ้ำเอโลราและถ้ำอชันตาที่อินเดีย ต้องพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของสามถ้ำนี้ให้ได้ แม้ร่างกายจะอ่อนเพลียอย่างไรก็ตัดสินใจเดินขึ้นถ้ำดัมบูลลาจนได้
วันนั้นฝนตกพรำๆค่อยๆเดินขึ้นตามขั้นบันไดเหงื่อไหลโทรมกายพร้อมกับน้ำฝนจนดูไม่ออกว่าเป็นน้ำฝนหรือเหงื่อกันแน่ ในมือถือกล้องถ่ายภาพน้ำหนักเกือบสามกิโลกรัม และหนักขึ้นเรื่อยๆในรอบหลายปีมานี้กล้องตัวนี้มักจะติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่เดินทางออกต่างประเทศก็ได้อาศัยกล้องคู่มือตัวนี้บันทึกภาพเหตุการณ์และโบราณสถานต่างๆไว้ แต่วันนี้เจ้ากล้องตัวนี้มีน้ำหนักมากเป็นพิเศษจนยกมือขึ้นถ่ายภาพแทบไม่ไหว
ทางสูงชันขึ้นตามลำดับค่อยๆก้าวเดินไปที่ละก้าว ไม่รีบร้อนจึงเป็นบุคคลผู้ล้าหลัง ตอนนั้นคิดถึงอานิสงส์ของการเดินจงกรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ภิกษุเดินจงกรม เพราะทำให้มีความอดทนในการเดินทางไกลได้ ดังที่ปรากฎในอังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต (22/29/26) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการจงกรมห้าประการคือ(1) ภิกษุผู้เดินจงกรมย่อมเป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล (2)ย่อมเป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร (3)ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย (4) อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้วย่อมย่อยไปโดยดี (5)สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรมย่อมตั้งอยู่ได้นาน”
วันนี้ก็ได้เห็นอานิสงส์ของการเดินบ่อยๆ แม้จะไม่ใช่การเดินจงกรมแต่ก็เป็นการเดินทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าเพราะพิษไข้ไม่หมดแรงไปก่อน ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงถ้ำดัมบูลลาบนหน้าผาจนได้ กลุ่มนักเดินทางเริ่มสวดมนต์ ผู้เขียนร่วมสวดมนต์ได้สักพักก็เริ่มไอและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเดินออกจากกลุ่มถือกล้องหาถ่ายภาพสักพักอาการไอก็เบาบางลง
ถ้ำดัมบูลลาเป็นที่ตั้งของวิหารศิลาคือวัดดัมบูลลาอันลือชื่อที่มีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 5 กษัตริย์วาลากัมบาทรงเคยพำนักในถ้ำที่ดัมบุลลา ช่วงที่พระองค์เสด็จพลัดถิ่นจากเมืองอนุราธปุระ ต่อมาเมื่อพระองค์ เสด็จกลับขั้นครองราชย์อีกครั้ง พระองค์ได้ทรงสร้างวิหารศิลาที่ทรงคุมค่าที่สุดในศรีลังกาบางคนถึงกับบอกว่าเป็นอชันต้าแห่งศรีลังกา ภายในถ้ำดัมบูลลามีถ้ำทั้งหมด 5 ถ้ำ ภายใน ถ้ำแรก มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยาว 47 ฟุตแกะสลักจากแท่งหิน ถ้ำที่ 2 มีพระพุทธรูปขนาดเท่าองค์จริงประดิษฐาน อยู่ถึง 150 องค์ นอกจากนี้ถ้ำอื่นๆยังมีภาพวาดสีน้ำบนเพดาน และรูปปั้นของพระพุทธรูป และพระพุทธเจ้าอยู่รอบๆ ซึ่งภาพสีน้ำ บนเพดานมีอายุอยู่ในศตวรรษที่ 15-18 ถือเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของชาวสิงหลชม ถ้าดัมบุลลาวัดที่เจาะภูเขาเป็นถ้า สลักเสลาเป็นพระพุทธรูปไสยยาสน์ สร้างเจดีย์ภายในถ้ำมีอายุเกือบ 2,000 ปี มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สวยงามได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกด้านศิลปวัฒนธรรม
ความงามเหล่านั้นถูกบันทึกลงในกล้องถ่ายภาพ ภาพแล้วภาพเล่า ตอนนั้นพยายามค้นหาพระพุทธรูปปางมารวิชัย แต่ในถ้ำดัมบูลลามีน้อยมาก เพราะพระพุทธรูปนั่งที่แกะสลักจากหินส่วนมากเป็นพระปางสมาธิ ส่วนพระพุทธรูปยืนมีหลายอิริยาบถ
ได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ที่มาพร้อมหลังสายฝนพรำ ทำให้หายใจสะดวก อาการไข้หวัดที่คิดว่าจะหนักขึ้น แต่พอได้สูดอากาศบนยอดเขากลับหายไปดื้อๆ มีเพียงอาการไอที่ยังคงรบกวนอยู่บ้าง แม้จะป่วยด้วยโรคทางกาย แต่ทว่าจิตใจยังเข้มแข็ง สู้อุตส่าห์ทานทนกับการเดินทางจนกระทั่งสามารถกลับมาถึงเมืองไทยได้อย่างปลอดภัย วันนี้หายป่วยแล้วพร้อมที่จะทำงานตามหน้าที่ต่อไป
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
02/04/55