เช้าวันพุธหน้าอาคารรัฐสภามีประชาชนเป็นจำนวนมาก กลุ่มหนึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ ที่กำลังเดินเข้ารัฐสภา กลุ่มหนึ่งเป็นนักศึกษาที่มาศึกษาดูงานรัฐสภา ถนนด้านหน้าข้างๆกับสวนสัตว์ดุสิต(เขาดิน)มีรถยนต์วิ่งไปมาไม่ขาด แต่ไม่ถึงกับรถติดมากนัก ถนนฝั่งตรงข้ามอาคารรัฐสภา มีประชาหลายร้อยคนบ้างก็ยืนถือป้าย บ้างก็กำลังพูดผ่านไมโครโฟน แต่จับประเด็นค่อยได้ นักข่าวยกกล้องขึ้นถ่าย พรุ่งนี้คงเป็นข่าวหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ นักข่าวเขาเลือกสรรข่าวที่เขาอยากนำเสนอมากกว่า ข่าวนี้คงไม่เด่นและดังเท่ากับข่าวทัวร์นกขมิ้น
สวนสัตว์ดุสิตหรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันติดปากว่า “เขาดิน” กับอาคารรัฐสภาอยู่คนละฟากของถนนอู่ทองใน ด้านหนึ่งเป็นสวนสัตว์ อีกด้านหนึ่งเป็นรัฐสภา แต่ก่อนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจึงมี “ตัวเงินตัวทอง” แอบลอบเข้าไปยังรัฐสภา เพราะสถานที่สองแห่งนี้อยู่ใกล้กันอาจจะมีสิงสาราสัตว์หลุดออกจากสวนสัตว์เข้ารัฐสภาบ้างเป็นเรื่องธรรมดา อาจมีสัตว์หลายชนิดเช่นเต่า นก กิ้งก่า เป็นต้น แต่บังเอิญว่า “ตัวเงินตัวทอง” มันแอบเล็ดลอดเข้ามาบ่อยที่สุด เมื่อรัฐสภาย้ายไปที่แห่งใหม่ใกล้ๆกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวเงินตัวทองคงไม่ติดตามไป
ช่วงนั้นหลวงตาไซเบอร์ฯ เป็นพระสงฆ์รูปเดียวยืนรอข้ามถนนเมื่อเห็นว่ายังข้ามไม่ได้เพราะมีรถวิ่งไปมา จึงหันหลังกลับไปสนทนาถามข่าวกับประชาชนที่ยืนออกันบนริมถนน มีชายคนหนึ่งถามว่า “หลวงพ่อมาทำอะไรที่รัฐสภา” ก่อนตอบคำถามจึงย้อนถามด้วยความเคยชินว่า “พวกท่านมาทำอะไรที่นี่” ตอนนี้หลายคนแย่งกันตอบ คนหนึ่งบอกว่ามาจากภาคใต้มาฟังคำตอบเรื่องการบริหารจัดการหาดแม่รำพึงว่าจะทำอย่างไร เพราะหากพัฒนาต่อไปก็จะเกิดมลภาวะเป็นอันตรายต่อชุมชน จากนั้นก็ยกป้ายที่เขียนเตรียมไว้ยกชูให้ดู ป้ายเขียนว่า “อุตสาหกรรมมีแต่มลพิษ ชุมชนมีแต่โรค” อีกแผ่นหนึ่งเขียนไว้ค่อนข้างยาวว่า “เราสนับสนุน พ.ร.บ. กอสส.ฉบับประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” แผ่นข้างๆเขียนอธิบายไว้อีกว่า “เพราะเพียงเพื่ออยากร่ำรวยบนความเจ็บป่วยล้มตายของชุมชน เดิมถึงเราจะยากจนแต่เราก็ไม่ถึงกับตาย” ยังมีอีกหลายป้าย
ประชาชนหลายคนเริ่มเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย อีกคนหนึ่งบอกว่ามาจากบุรีรัมย์ จึงพูดเล่นๆว่า “ทำไมไม่ไปหาเนวิน มาทำไมที่รัฐสภา” ชาวบ้านคนนั้นบอกว่า “อยู่คนละฝ่าย เขาไม่ช่วย เขาไม่ได้เป็นผู้แทน” วันนี้มาตามเรื่องเขื่อน ตอนนั้นแทบจะไม่รู้อะไรเลยว่าปัญหาหาดแม่รำพึงคืออะไร เขื่อนที่บุรีรัมย์มีหรือไม่ เพราะไม่ค่อยได้ติดตามข่าวการเมือง เพียงแต่ทราบว่าวันนี้คณะรัฐมนตรีประชุมสัญจรที่อุดรธานี แต่ทำไมมีประชาชนมาชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภาจำนวนมากก็ไม่ทราบ ก่อนเดินข้ามถนนได้ยินเสียงแว่วๆมาเข้าหูว่า “นึกว่าหลวงพ่อจะมาร่วมชุมนุมด้วย”
ถ้อยคำของประชานเหล่านี้เผ็ดร้อนขึ้นเรื่อยๆส่วนมากมองไปที่ผู้มีอำนาจที่สามารถจะออกกฎหมายพระราชบัญญัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม คงทุกข์ยากลำบากจึงเดินทางมาเพื่อบอกให้รู้ว่าเขากำลังลำบาก ต้องพึ่งพาบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ทว่าคำพูดของประชานเหล่านี้เหมือนหอกที่กำลังทิ่มแทงไปยังข้าศึก บางครั้งก็เผ็ดร้อนจนคนธรรมดาแทบจะทนฟังไม่ได้ แต่ก็ต้องพยายามอดกลั้นไม่เถียงมาก เป็นคนควรอดทนถ้อยคำของคนอื่นให้ได้ ในพระพุทธศาสนาได้แสดงเรื่องวาจาของผู้คนไว้ว่าวาจาย่อมทิ่มแทงคนได้ ต้องอดกลั้นให้ได้ดังที่แสดงไว้ในสุนทรีสูตร ขุททกนิกาย ธรรมบท (25/107/100) ความว่า “ชนทั้งหลายผู้ไม่สำรวมแล้ว ย่อมทิ่มแทงชนเหล่าอื่นด้วยวาจาเหมือนเหล่าทหารที่เป็นข้าศึกทิ่มแทงกุญชร ผู้เข้าสงครามด้วยลูกศรฉะนั้น ภิกษุผู้มีจิตไม่ประทุษร้าย ฟังคำอันหยาบคายที่ชนทั้งหลายเปล่งขึ้นแล้วพึงอดกลั้น” เคยอ่านเรื่องสามก๊กพบว่าจิวยี่กระอักโลหิตตายเพราะถ้อยคำของขงเบ้ง วาจาบางครั้งก็แหลมคมยิ่งกว่าคมหอกคมดาบ
ถ้อยคำที่ควรกล่าวเรียกว่าวาจาสุภาษิต ดังที่แสดงไว้ในสุภาษิตสูตร ขุททกนิกาย (25/357/312) ความว่า “บุคคลพึงกล่าววาจาอันไม่เป็นเครื่องทำให้ตนเดือดร้อน และไม่พึงเบียดเบียนผู้อื่น วาจานั้นเป็นสุภาษิตแท้” อาจจะหาคำสุภาษิตได้จากในที่อื่นๆอีกมากมายหลายแห่ง แต่ที่หน้าสวนสัตว์เขาดินภาษาเขาแกร่งกร้าวมีพลัง
มาทราบทีหลังว่ามีการประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภาหลายคณะ ซึ่งหลวงไซเบอร์ฯมีชื่อเป็นผู้ร่วมถกและวิเคราะห์พระราชบัญญัติสถาบันแม่ชีกับเขาด้วย ในฐานะผู้อำนวยการมหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย บังเอิญว่าไม่มีแม่ชีท่านใดอยู่ใกล้จึงต้องไปเอง คณะอนุกรรมาธิการการศาสนาและศิลปวัฒนธรรมนัดประชุมทุกวันพุธ ซึ่งวันนี้พิจารณาไปได้เพียงสามหมวด 30 มาตรา ยังมีอีกหลายครั้ง งานนี้ก็ถกกันหลายประเด็น กว่าจะตกลงกันได้แต่ละคำก็ใช้เวลานาน ภาษากฎหมายกับภาษาชาวบ้านเหมือนกับจะพูดกันคนละภาษา
เดินเข้ารัฐสภาก็ต้องไปรอคิวแลกบัตรเพราะเขากลัวว่าอาจจะไปก่ออาชญากรรม จากนั้นก็ต้องรอคิวเดินเข้าประตูเพราะต้องตรวจอีกก่อนจะปล่อยให้ผ่านเข้าไปได้ วันนี้มาการจัดงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีจึงมีประชาชนเข้ามาชมมากกว่าปรกติ เดินออกจากรัฐสภาก็ต้องคืนบัตร
ออกจากรัฐสภาก็ยังพบกับประชาชนที่ยืนออกันริมถนนข้างสวนสัตว์ พวกเขายังอยู่ต่อ ยังเรียกร้องต่อไป ก่อนจะขึ้นรถโดยสารไปทำงานต่อที่ศาลายา นครปฐมยังคิดในใจว่า “อาชีพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนของประชาชนยากที่จะทำตามใจของทุกฝ่ายได้” กฎหมายก็เฉกเช่นเดียวกัน อาจจะจะเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์และฝ่ายที่เสียประโยชน์ หรือว่าการเกิดเป็นประชาชนคนไทยต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เลือกว่าจะอยู่อย่างสงบหรือเลือกที่จะชุมนุมประท้วงเรียกร้องในสิ่งที่กลุ่มตนต้องการ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
23/02/55
หมายเหตุ:ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต