ภาควิชาการจัดการเทคโนโลยี โปรแกรมเทคโนโลยีการผลิตและการจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษมมีหนังสือนิมนต์ให้ไปบรรยายให้นักศึกษาฟัง ตั้งหัวข้อมาให้เรียบร้อยว่า “ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในชีวิต” อันที่จริงเขานิมนต์เจ้าอาวาส แต่ท่านเจ้าอาวาสมีคำสั่งให้ไปบรรยายในหัวข้อดังกล่าวแทน งานนี้แม้จะพยายามปฏิเสธแล้วแต่ยังคงต้องไป ยังนึกภาพไม่ออกว่าวิชานี้เขาเรียนอะไรกัน งานจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจึงต้องหาข้อมูลเตรียมการไว้ก่อน
ยังไม่เคยมีความรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตเลยสักครั้ง ชีวิตลุ่มๆดอนๆหิวบ้างอิ่มบ้างตามสมควร เป็นลูกชาวนาเรียนหนังสือจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกก็เข้ามาอุปสมบทจึงต้องหาข้อมูลของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต กำลังพิจารณาว่าชีวิตใครควรจะเป็นแบบอย่างแห่งความสำเร็จ จะไปสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยก็ไม่มีสิทธิ์เข้าหายากต้องผ่านหลายขั้นตอน หรือจะไปขอสัมภาษณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็คงเข้าไม่ถึงอีกงานท่านมาก ขณะที่กำลังพิจารณาหาตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จอยู่นั้นพระมหาดอกเตอร์ท่านหนึ่ง(ขอสงวนนาม)ถือไอแพตเดินเข้ามานั่งคุยด้วย สนทนาไปสักพักจึงสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการคือท่านเองก็ไม่รู้ว่ากำลังถูกสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์เองก็ไม่ได้บอกว่ากำลังสัมภาษณ์ คุยเรื่องทั่วไปสักพักจึงวกเข้าสู่เรื่องที่กำลังอยากรู้ทันที
“ท่านอาจารย์ดอกเตอร์ครับ ทำอย่างไรจึงเรียนจบปริญญาเอก หากไม่เป็นการรบกวนช่วยบอกเคล็ดลับเพื่อเป็นวิทยาทานให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” ท่านดอกเตอร์หันมามองหน้าโปรยยิ้มที่มุมปากก่อนจะบอกว่า “เรื่องมันยาวจะมีเวลาฟังหรือ” จึงบอกท่านไปว่า “มีครับวันนี้ผมว่าง หากท่านดอกเตอร์มีเวลาช่วยเมตตาแนะนำได้ไหมครับ”
ท่านดอกเตอร์มองออกไปยังอาณาบริเวณภายในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา ที่หญ้ากำลังฟื้นตัวเขียวชอุ่มหลังจากถูกน้ำท่วมมานานนับเดือนเหมือนกำลังทบทวนความหลังก่อนจะเริ่มต้นด้วยคำคมสั้นๆว่า “การที่จะเรียนจบปริญญาเอกนั้นสำหรับผมมีคติประจำใจสั้นๆว่า “ต้องได้ตัวอย่างที่ดี มีวิธีปฏิบัติ จ้องกำจัดอุปสัค ปลูกความรักไม่เสื่อมคลาย ยอมพลีกายเพื่อการศึกษา” ดำเนินการไปตามขั้นตอนก็เรียนจบแล้วครับ
จากนั้นจึงขยายความต่อไปว่า “การได้ตัวอย่างที่ดี” เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด เพราะตัวอย่างเป็นเหมือนเป้าหมายที่เราจะต้องไขว่คว้าเดินทางไปให้ถึง สำหรับผมสมัยเด็กๆอยากเป็นอะไรตั้งหลายอย่างเช่นอยากเป็นนักการเมือง เวลาที่นักการเมืองหาเสียงผมชอบไปนั่งฟังรู้สึกว่าคนพวกนี้มีอุดมการณ์มีความรู้ความสามารถ ที่สำคัญคือเขาพูดเก่ง ผมเลยอยากเลียนแบบเป็นนักการเมือง แต่ด้วยอาชีพของพ่อคือชาวนา ผมไม่อาจจะเดินตามความฝันคือการเป็นนักการเมืองได้ หากไม่มีการศึกษา
พอโตมาหน่อยจึงได้อุปสมบท ตอนนั้นผมเรียนจบชั้นมัธยมชั้นปีที่หกแล้ว จึงสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขารัฐศาสตร์ เพราะผมอยากเป็นนักการเมือง แต่มีวิชาหนึ่งที่ผมสอบหลายครั้งก็ยังไม่ผ่านวิชาภาษาอังกฤษครับ คนเขียนตำราเป็นศาสตราจารย์ ดร.(ขอสงวนนาม) ผมก็คิดเล่นๆว่านอกจากเป็นนักการเมืองแล้วหากเป็นศาสตราจารย์ ดร.คงจะเข้าท่าดี แต่ผมเรียนไม่จบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงนะครับ ผมมาอุปสมบทก่อน แต่ความฝันยังมีอยู่ ผมยังอยากจะเป็นเหมือนศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ท่านนั้น ท่านเก่งจริงๆเขียนตำราอ่านง่าย แต่ผมสอบเมื่อไหร่ตกทุกที
อุปสมบทได้ไม่นานผมก็สมัครเข้าศึกษาต่อที่สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยของคณะสงฆ์ไทยนี่แหละ ผมเลือกเรียนวิชาเอกภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ผมจบปริญญาตรีผมก็มีเส้นทางเดินต่อได้ค่อยๆเรียนไปเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็จบปริญญาเอก เป็นดอกเตอร์แล้วครับ ความฝันเดินทางมาครึ่งทางแล้ว ยังเหลือแต่ตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ยังไม่ได้เป็น แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมถือว่า “การได้ตัวอย่างที่ดีเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ เดินทางมาถึงขั้นนี้ก็ถือว่ามาไกลมากแล้ว"
ฟังท่านดอกเตอร์เล่าให้ฟังในวันนั้นแล้วก็ได้ประเด็นในการไปบรรยายขยายความต่อไปได้อีกไกล การได้ตัวอย่างที่ดีเป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งคนเราต้องมี “ตัวอย่าง” ที่เราอยากเป็นอย่างน้อยหนึ่งคน ใครอยากจะเป็นอะไรเลือกได้ตามที่เราต้องการ
ท่านมหาดอกเตอร์ยังสาธยายต่อไปอีกว่า "แม้แต่พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายก็ได้ตัวอย่างที่ดีเมื่อครั้งที่เกิดเป็นสุเมธดาบสเห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกรแล้วอยากเป็นเหมือนพระพุทธเจ้าจึงทอดกายเป็นสะพานเหนือเปือกตมให้พระพุทธเจ้าเหยียบไป พระทีปังกรพุทธเจ้าจึงได้ทรงพยากรณ์ในท่ามกลางบริษัทดังที่ปรากฏในขุททกนิกาย อปทาน พุทธวงศ์ จริยาปิฎก(33/2/229) ความว่า “ท่านทั้งหลายจงดูชฏิลดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้ เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้”
ส่วนที่ปรากฎในอรรถขุททกนิกาย อปทาน เล่ม 8 ภาค 1 หน้า 39 ความว่า “ท่านทั้งหลายเห็นดาบสผู้มีตบะสูงผู้นี้ซึ่งนอนอยู่บนหลังเปือกตมหรือไม่ ดาบสนี้กระทำความปรารถนาอันยิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าจึงได้นอนอยู่ ความปรารถนาของดาบสนี้จักสำเร็จด้วยว่า ในที่สุดสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปแต่กัปนี้ไปดาบสนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม”
เห็นไหมว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าบรมศาสดาของพระพุทธศาสนาเมื่อครั้งที่เป็นสุเมธดาบสก็ยังได้ตัวอย่างคือพระพุทธเจ้าองค์ก่อน จึงตั้งความปรารถนาเพื่อจะได้เป็นพระพุทธเจ้า และบำเพ็ญบารมีอีกยาวนานกว่าสี่อสงไขยแสนกัปจึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ตั้งความปรารถนาข้ามภพข้าชาติกันเลยทีเดียว พวกเราตั้งจุดหมายปลายทางไว้ในชาตินี้แล้วเดินทางตามความฝันของตนเอง หากไม่เลิกความตั้งใจเสียก่อน ไม่นานก็ต้องสำเร็จตามจุดมุ่งหมายได้ ลูกชาวนายังเรียนจบปริญญาเอกได้เลย ทำไมคนอื่นจะทำไม่ได้ ที่ไม่สำเร็จเพราะทำไม่จริง
ผมเริ่มต้นให้เพียงเท่านี้ที่เหลือท่านมหาไปอธิบายขยายความต่อเอาเอง ที่จริงท่านไม่ต้องถามผมก็ได้ตัวท่านเองก็เบาซะเมื่อไหร่ ท่านพระมหาดอกเตอร์จบการสนทนาซะดื้อๆ ยังงั้น หลวงตาเลยต้องคิดต่อเอาเอง หากมีการเริ่มต้นได้โดยการได้ตัวอย่างที่ดี จากนั้นก็ต้องมีวิธีปฏิบัติตามสมควรเพื่อจะเป็นทางเดินไปสู่เป้าหมาย เมื่อมีอุปสัคปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องหาทางแก้ไข ที่สำคัญอีกสองอย่างคือต้องรักในทางที่เราเลือกแล้ว
ข้อสุดท้าย “ยอมพลีกายเพื่อการศึกษา" หรือจะเปลี่ยนเป็น "ยอมพลีกายเพื่องาน" ก็ย่อมได้ ไม่รู้ในตอนนั้นมีชื่อของสตีฟ จ๊อบส์ อดีตผู้บริหารบริษัทแอปเปิลที่พึ่งจากโลกนี้ไปไม่นานแทรกเข้ามาในความคิด ตามประวัติบุคคลคนๆนี้ทำงานโดยการทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสิ่งที่เขารัก ตามที่อ่านจากหนังสือ “เป็นที่หนึ่งไม่เหมือนใครสไตล์สตีฟ จ๊อบส์” เขาเคยกล่าวไว้ว่า “ผมต้องปฏิเสธสิ่งต่างๆนับพัน เพื่อให้มั่นใจว่าเราไม่ได้กำลังเดินผิดทาง หรือทุ่มเทความพยายามจนเกินไป งานของผมไม่ใช่การทำให้ทุกคนมีชีวิตอย่างสบาย แต่งานของผมคือการทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น”
คำพูดของเขาเท่ห์จริงๆ จะขายของแท้ๆยังบอกว่าทำเพื่อคนอื่น และเขาก็ทำจริงอย่างที่เขาพูด ท่านพระมหาดอกเตอร์ถือไอแพดเดินจากไปกลางเปลวแดดที่แผดร้อน เป็นไอแพดรุ่นที่สตีฟ จ๊อบส์พึ่งเปิดตัวได้ไม่กี่วันก็จากโลกนี้ไป หลวงตาได้แต่นั่งมองอยากได้แต่ไม่มีปัญญาซื้อ แต่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้เรื่องที่จะไปบรรยายให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษมฟังแล้ว
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
07/02/55