เว็บไซต์ไซเบอร์วนารามเกิดขึ้นจากการได้พบกับพระธรรมทูตรูปหนึ่ง ท่านบอกว่าการทำเว็บไซต์ไม่ได้ยากอะไร เปิดวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็ดำเนินการได้แล้ว จ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่เพียงปีละ 100 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3000 บาท วันนั้นจำได้ว่าตัดสินใจทดลองดู บังเอิญมีเงินจึงจ่ายเงินทันที และวันต่อมาก็ปรากฏมีเว็บไซต์ในชื่อไซเบอร์วนารามเกิดขึ้น จากนั้นจึงหาซื้อตำราศึกษาเรียนรู้จากตำราและลงมือเขียน เบื้องต้นได้นำเอาบทความเก่าๆที่เคยเขียนมาลงใหม่ เมื่อหมดแล้วก็เขียนขึ้นใหม่และเขียนมาเรื่อยๆ จนจะครบรอบสองปีในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555 พระธรรมทูตรูปนั้นเป็นผู้ดูแลระบบและยังช่วยออกแบบโครงสร้างให้ด้วย โดยมีพระมหาบุญไทย ปุญญมโนเป็นเจ้าของเว็บไซต์ เป็นเว็บมาสเตอร์และเป็นผู้เขียนเรื่องนำเสนอ
เมื่อสองวันที่ผ่านมาผู้ดูแลเว็บไซต์แจ้งมาว่าใกล้เวลาที่จะต้องจ่ายค่าพื้นที่ในการทำเว็บไซต์แล้ว ท่านถามว่า “ยังอยากทำต่ออยู่หรือไม่” จึงตอบกลับไปทางอีเมล์ว่า “ยังอยากทำต่ออีกสักปี” แต่จะไม่เขียนมาก อาทิตย์ละสองสามครั้งก็ยังดี อย่างน้อยเว็บไซต์ก็ยังมีการเคลื่อนไหว “หากจะทำต่อก็ต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งต้องจ่ายเป็นรายปี หากไม่จ่ายเว็บไซต์จะถูกปิด” กำลังหาเงินค่าเช่าอยู่ คิดว่าปลายเดือนคงมีเงินพอ การเปิดเว็บไซต์นั้นไม่ยาก แต่ที่ยากคือการรักษาเว็บไซต์ให้คงอยู่
พอรุ่งอีกวันผู้ดูแลเว็บไซต์บอกว่ามีคนจ่ายค่าเช่าให้แล้ว ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน แต่โอนเงินมาให้แล้ว เจ้าของเว็บไซต์ไซเบอร์วนารามก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่จ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ให้ ต้องขอสารภาพว่าตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา ทำเว็บไซต์อยู่คนเดียว เป็นหมดทุกประการทั้งเว็บมาสเตอร์ เจ้าของเว็บไซต์ ตลอดจนคนเขียน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเวลาและอารมณ์ของคนเขียน หากวันไหนคิดไม่ออกก็ไม่เขียน หรือหากคิดออกวันหนึ่งหลายเรื่องก็จะนำเสนอเพียงเรื่องเดียว ตั้งใจว่าจะไม่นำเสนอเกินวันละหนึ่งเรื่อง แต่ระยะหลังมาสองสามวันจึงขยับสักครั้ง เกิดสภาวะที่เขียนไม่ออกนั่นเอง
ยังมีอีกท่านหนึ่งเป็นเจ้าภาพส่งหนังสือ “Readers Digest” มาให้อ่านทุกเดือนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ทุกเดือนก็จะส่งมาให้ถึงวัด ยังคงอ่านอยู่ ช่วงนี้สายตาย้อนคืนกลับอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้แว่นขยาย จึงอ่านหนังสือต่างๆได้อย่างเพลิดเพลิน การเขียนหนังสือนี่แปลก หากไม่อ่านก็ไม่มีอะไรจะเขียน การอ่านจึงเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดในการเขียนหนังสือ
ยังมีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกอีกหลายท่านที่ไม่ได้ตอบกลับ แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามอ่านและคอยส่งข้อความให้กำลังใจในการเขียนและการนำเสนอ คำแนะนำและท้วงติงของทุกท่านจะนำมาพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สองปีมานี้เน้นอยู่สองเรื่องคือ “พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม” แต่อาจจะแทรกประวัติและประสบการณ์ของผู้เขียนลงไปบ้างเพื่อให้เกิดอรรถรส เป็นเหมือนเครื่องปรุงที่ทำให้อาหารมีรสชาติขึ้น และเพิ่ม "บันทึกการเดินทาง" เข้ามาอีกอย่าง เพราะในแต่ละปีเริ่มจะเดินทางมากขึ้น หากไม่ออกนอกพื้นที่ ก็จะเดินทางภายในจิตใจของตัวเอง
ขออนุโมทนาอีกครั้งกับคนที่ไม่เคยรู้จักทั้งสองท่านและขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม คนหนึ่งส่งหนังสือมาให้อ่านฟรี อีกคนหนึ่งจ่ายค่าเช่าพื้นที่ในการทำเว็บไซต์ให้ แม้จะไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคย พระพุทธศาสนามีสุภาษิตบทหนึ่งในธรรมบท ขุททกนิกาย (25/25/42) ความว่า “วิสฺสาส ปรมา ญาติ” แปลว่า "ญาติทั้งหลายมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง" แต่มีคนนิยมแปลให้เข้าใจง่ายว่า “ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง” โดยแปลตามภาษาบาลีคำหนึ่งที่ว่า “ชิมจฺฉา ปรมา โรคา” แปลว่า “ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง” ซึ่งมาจากแหล่งเดียวกัน
สุภาษิตบทนี้หากจะเขียนให้เต็มบทจะได้ความว่า “อาโรคยา ปรมา ลาภา สนฺตุฏฺฐี ปรมํ ธนํ วิสฺสาส ปรมา ญาติ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” แปลว่า “ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ทรัพย์มีความสันโดษเป็นอย่างยิ่ง ญาติทั้งหลายมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง”
ชิ้น เช้า ฝู โหลย (การเดินทางอันแสนลำบากผ่านมากว่าพันปี)
ป้ายหินที่เกาะกลางทะเลสาบสุริยันจันทรา ไต้หวัน
เจ้าภาพท่านนั้นบอกว่าติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆแต่ไม่ประจำ ขอให้มีโรคน้อย ให้มีทรัพย์สมบัติพอประมาณ มีญาติที่รักกัน และมีความสงบสันติสุขตามสมควรตลอดปีนี้ ขออนุโมทนาขอบคุณอีกครั้ง อย่างน้อยก็ช่วยต่ออายุของเว็บไซต์เล็กๆเว็บไซต์หนึ่งให้คงอยู่บนโลกออนไลน์ต่อไปได้ ไซเบอร์วนารามยังยึดมั่นในหลักการเดิมคือ “ไม่เขียนด่า ไม่ว่าร้ายผู้อื่น เขียนไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก” ยังคงโลดแล่นอยู่บนโลกออนไลน์ต่อไปอย่างน้อยหนึ่งปี สุดท้ายก็ต้องบอกว่า "ขอให้เจ้าภาพและผู้อ่านทุกท่านจงเจริญ.....สาธุ"
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
18/01/55