วันเด็กอีกปีแล้วแต่ปีนี้รู้สึกเงียบๆคงเพราะไม่ได้เดินทางไปไหน โรงเรียนที่ตั้งอยู่ข้างวัดก็ไม่ได้จัดงานวันเด็ก เขาจัดมาก่อนหน้าหนึ่งวันแล้ว วัดก็เงียบเหงาเพราะเถรานุเถระต่างก็เดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ศรี มหาวีโร ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ครั้นจะไปเที่ยวงานวันเด็กความเป็นเด็กก็ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมันหลบซ่อนอยู่ภายในเหมือนกำลังหลับใหล สิ่งที่ทำได้จึงต้องหาดูว่าคำขวัญวันเด็กในปีนี้ว่าอย่างไร สมัยเป็นเด็กไม่เคยจำคำขวัญได้สักที พอกลับมาค้นดูจึงรู้ว่าคำขวัญในสมัยนั้นคือ“เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี”ก่อนหน้านั้นไม่เคยรู้จักเพราะเป็นสมัยปฏิวัติต้องเริ่มต้นที่คำขวัญที่ว่า"ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า" แต่ที่จำได้ดีและได้นานที่สุด ตอนนั้นอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นหนุ่มแล้วคือ “เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ”
ทุกคนต้องเคยเป็นเด็กมาก่อนที่จะเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นคนชราภาพ จากนั้นก็เหลือไว้แต่ชื่อ บางคนผ่านไปเพียงไม่กี่ปีคนก็ลืมกันแล้ว คนโบราณจึงนิยมนำอัฐิหรือกระดูกของคนตายมาใส่ไว้ในเจดีย์หรือไม่ก็ใส่ในช่องกำแพงพระอุโบสถ บางคนอาจจะมีภาพถ่ายและมีประวัติชาตะ เมื่อไหร่ มรณะเมื่อใด ถึงประเพณีในวันสำคัญเช่นสงกรานต์ก็จะพากันมาบังสุกุลอัฐิครั้งหนึ่ง จุดธูปเทียนบอกกล่าวว่ายังจำได้แต่ไม่มีเวลามาหา เพราะทำงานคนละอย่างกัน
ในแต่ละปีนายกรัฐมนตรีก็จะให้คำขวัญในวันเด็ก ซึ่งมักจะเป็นถ้อยคำสั้นๆสื่อถึงสิ่งที่เด็กควรกระทำในแต่ละปี ในปี พ.ศ.2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ให้คำขวัญในวันเด็กว่า “สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี” ฟังแล้วรู้สึกดี สองสามปีมานี้ได้ยินคำว่า “ความสามัคคี” บ่อยมาก อะไรคือความสามัคคีที่นายกรัฐมนตรีอยากให้เป็น และอยากให้เด็กเข้าใจ หากคนในสังคมมีความรักสามัคคีกัน แม้จะมีความเห็นขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็อยู่ร่วมกันได้
ความรู้คู่ปัญญา แสดงว่าความรู้กับปัญญานี้แยกกันแต่ให้มาด้วยกัน นัยของความหมายนั้นอาจจะบ่งถึงบางทีคำว่าความรู้บ่งถึงว่ามาจากการศึกษาซึ่งวัดกันได้ว่าจบชั้นไหน ระดับไหน จึงจะเรียกว่าคนมีความรู้ แต่บางครั้งคนที่เรียนจบในระบบการศึกษาสูงๆอาจจะไม่มีปัญญาก็ได้ เรียกว่าเป็นคนมีความรู้แต่ไม่มีปัญญา
ส่วนปัญญานั้นเกิดจากภายในต้องสร้างเอง บางครั้งคนมีปัญญาอาจจะไม่ได้เรียนจบในระบบการศึกษาใดๆเลย แต่เขามีปัญญา ๆด้พบกับคนขับรถรับจ้างคนหนึ่ง แกบอกว่าผมเรียนจบชั้นประถมปีที่สอง จึงสมัครงานอื่นไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าอย่างน้อยต้องจบชั้นประถมปีที่สี่หรือประถมปีที่หก ผมไม่ได้เรียนต้องย้ายหนีตามพ่อแม่ไปหลายจังหวัดจึงขี้เกียจเรียน จึงกลายเป็นคนตกค้างในสังคมไทยไป เวลาที่เขาบอกว่าจบชั้นไหนผมก็เพียงแต่เขียนว่า “ประถมปีที่สอง” แต่ก็ทำงานหาเงินได้ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวส่งลูกชายเรียนถึงระดับปริญญาตรี กำลังจะจบในอีกไม่กี่ปีนี้
อีกคนหนึ่งที่เป็นนักร้องโด่งดังในอดีต จบเพียงชั้นประถมปีที่สอง อ่านหนังสือไม่ออก แต่เธอมีความจำดี จนได้รับการขนานนามว่า “ราชินีลูกทุ่ง” เพลงที่เธอร้องยังคงเป็นอมตะตราบจนถึงปัจจุบัน
ผู้เขียนจำได้ว่าเคยเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับอาจารย์ท่านหนึ่งในช่วงสั้นๆ ตอนนั้นอาจารย์อายุมากแล้ว อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก จากนั้นก็ไม่ได้เรียนต่อที่ไหน ไม่จบปริญญาตรี แต่ได้รับเชิญให้บรรยายในระดับปริญญาตรีและระดับปริญญาโท เขียนตำราภาษาอังกฤษไว้หลายเล่ม วิชานี้นักศึกษาสอบผ่านได้ยากมาก แต่ผู้ที่สอบได้คะแนนในระดับสูง มักจะเก่งภาษาอังกฤษ บางคนเรียนจบถึงระดับปริญญาเอก เคยไปนั่งฟังอาจารย์สอนวิชาโครงสร้างภาษาอังกฤษโดยที่ไม่ได้ลงทะเบียนเรียน เพราะตอนนั้นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ท่านนั้น เพราะท่านบอกว่า “ผมจะสอนเป็นปีสุดท้าย เทอมหน้าหาคนมาสอนแทนผมด้วย” อยากรู้ว่าวิชานี้อาจารย์สอนอย่างไรจึงขอเข้านั่งฟัง แต่ไม่ได้ต่อเนื่อง อาจารย์อธิบายตามหลักการที่อาจารย์ถนัดนั่นคือเขียนโครงสร้างไว้ก่อน จากนั้นจึงหาคำภาษาอังกฤษมาใส่ จากนั้นก็อธิบายตามโครงสร้างไปเรื่อย จนนักศึกษาสามารถหาคำใหม่มาแต่งเป็นประโยคได้ ก่อนจะขึ้นโครงสร้างใหม่
อาจารย์ท่านนั้นเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่ยังมีผลงานตามร้านหนังสือต่างๆให้คนได้อ่าน เป็นหนังสือที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ ปัญญากับความรู้แม้จะมีนัยคล้ายกันแต่ก็แตกต่างกัน คนมีความรู้อาจจะไม่มีปัญญา แต่คนมีปัญญาต้องมาจากความรู้ ถ้าหากความรู้มาควบคู่กับปัญญานั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากเห็น อยากมี อยากได้ ส่วนจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน
“คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี” เรื่องนี้เป็นความคาดหวังของบรรดาผู้ใหญ่ที่อยากเห็นเด็กไทยรักษาความเป็นไทยไว้ แต่คำว่า “ความเป็นไทย”นั้นให้คำนิยามได้ยาก จะนิยามความหมายว่าอย่างไร ความเป็นไทยอยู่ตรงไหนตอบยาก ถ้าจะอธิบายความเป็นอินเดียดูง่ายๆจากเครื่องแต่งตัว ผู้หญิงอินเดียส่วนหนึ่งยังคงนุ่งสาหรี่เหมือนกับในอดีตเมื่อพันปีก่อน แม้จะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปบ้าง แต่ยังคงเป็นสาหรี่ คนทุกระดับชั้นจะนุ่งสาหรี่คล้ายกัน แต่ราคาต่างกัน “การนุ่งผ้าสาหรี่” คือความเป็นอินเดียอย่างหนึ่ง เห็นที่ไหนก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นคนอินเดียหรือมีเชื้อสายอินเดีย
แต่สำหรับคนไทยแล้ว หากไปอยู่ในต่างประเทศ เดินสวนกันไปมาหากไม่พูดภาษาไทยแทบจะดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นคนไทย ภาษาพูดเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง การแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง หากคนไทยอยู่ในประเทศไต้หวันหรือฟิลิปปินส์ แม้จะเดินสวนกันไปมาก็แทบจะดูไม่ออก
ใส่ใจเทคโนโลยี เรื่องนี้ไม่ว่ากัน น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า สินค้าทางเทคโนโลยีบางอย่างผลิตจากประเทศไทยมีคุณภาพระดับมาตรฐานสากลด้วย ครั้งหนึ่งกำลังเดินดูสินค้าแผนกอิเลคทรอนิก ที่ประเทศสวีเดน หลายท่านจับกล้องยี่ห้อหนึ่งที่ผลิตในประเทศไทย ไม่กล้าซื้อเพราะเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย แต่ชาวสวีเดนคนหนึ่งเห็นว่ามีคนไทยอยู่ด้วยจึงยกกล้องและหันมายกให้ดูป้ายว่า “Made in Thailand” เขายกนิ้วให้บอกว่าเป็นสินค้าที่ดีมาก ในขณะที่ข้างๆกันมีสินค้ายี่ห้อเดียวกันผลิตจากประเทศจีน แม้จะเหมือนกันทุกประการ แต่ราคาต่างกันมากครึ่งต่อครึ่ง
วันเด็กปีนี้รู้สึกเงียบๆ เพราะเด็กที่โรงเรียนคงไปเที่ยวที่อื่น ไม่ได้จัดงานที่โรงเรียน และวันนี้ก็ไม่กล้าออกไปไหน ขอเป็นเด็กที่กำลังชราภาพ หรืออาจจะเรียกตามสำนวนกำลังภายในว่า “เฒ่าทารก” วันนี้พยายามปลุกความเป็นเด็กขึ้นมาในวันเด็ก แต่ความเป็นเด็กเหมือนกับหายสาบสูญไปกับกาลเวลา เหลือไว้แต่กลิ่นอายแห่งความทรงจำที่ลางเลือน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
14/01/55
คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ จากนายกรัฐมนตรีในปีต่าง ๆ
ในปี พ.ศ. 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นคุณค่าความสำคัญ ของเด็กจึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิด สำหรับเด็ก นายกรัฐมนตรี ในสมัยต่อ ๆ มา จึงได้ถือปฎิบัติสืบต่อมาดังต่อไปนี้
พ.ศ.2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม - จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
พ.ศ.2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
พ.ศ.2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
พ.ศ.2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
พ.ศ.2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
พ.ศ.2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
พ.ศ.2507 - งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
พ.ศ.2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
พ.ศ.2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
พ.ศ.2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
พ.ศ.2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
พ.ศ.2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
พ.ศ.2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
พ.ศ.2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
พ.ศ.2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
พ.ศ.2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ.2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง
พ.ศ.2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
พ.ศ.2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช - เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
พ.ศ.2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
พ.ศ.2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ.2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
พ.ศ.2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ.2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
พ.ศ.2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ.2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
พ.ศ.2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
พ.ศ.2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
พ.ศ.2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
พ.ศ.2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
พ.ศ.2536 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2537 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2538 - นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
พ.ศ.2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
พ.ศ.2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ.2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ.2543 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ.2544 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ.2545 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
พ.ศ.2546 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
พ.ศ.2547 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
พ.ศ.2548 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
พ.ศ.2549 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
พ.ศ.2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
พ.ศ.2551 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ.2552 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
พ.ศ.2553 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ.2554 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ
พ.ศ.2555 - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - "สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"
ที่มา:http://hilight.kapook.com/view/17298