ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่รู้ทำอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนจะวุ่นวายไม่ค่อยมีเวลาอยู่วัดเลย อุบาสกอุบาสิกาปฏิบัติธรรมในช่วงวันพ่อ มหาปชาบดีจัดงานวันพ่อ ไปเยี่ยมเด็กบ้านพักฉุกเฉิน ที่วัดก็มีผู้พักพิงหลายกลุ่มเช่นนักกีฬาจากปทุมธานี ผู้อพยพหนีน้ำท่วมจากบางบัวทอง และสมาคมสมาพันธ์คนพิการในประเทศไทย นักเรียนเตรียมสอบนักธรรมและธรรมศึกษา แต่ทว่าในความวุ่นวายสับสนกลับมีเรื่องที่ทำให้คิดและเขียนได้มากกว่าปรกติ เพราะเขียนจากข้อเท็จจริงตามที่ได้พบ อย่างน้อยก็เป็นการบันทึกบนทางผ่านของกาลเวลา
เช้าวันหนึ่งบนบันไดทางเดินระหว่างชั้นสองและชั้นสามของโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดมัชฌันติการาม ซึ่งใช้เป็นสถานที่พักพิงของผู้คนหลายกลุ่มหลายประเภท เดินสวนกับชายตาพิการคนหนึ่ง เมื่อถามว่าจะไปไหน แกตอบโดยไม่ลังเลว่า “ผมจะไปกราบขอบคุณและกราบลาหลวงปู่กลับบ้านครับ” จึงบอกไปว่า กำลังเดินลงมาพอดี ไปคุยกันข้างล่าง จากนั้น “หลวงปู่” ที่ชายพิการคนนั้นเข้าใจก็จูงมือชายคนนั้นเดินลงมาจากอาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรมชั้นสาม พอลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง หลังจากหลวงปู่นั่งเรียบร้อยแล้วแกก็ก้มลงกราบสามครั้ง ผู้พิการอีกหลายคนทยอยเข้ามากราบด้วยและนั่งร่วมวงสนทนา
เช้าวันนั้นในขณะที่รออาหารเช้าซึ่งจะมาถึงในเวลาประมาณเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที เห็นว่ามีเวลาจึงเปิดวงสนทนากลางห้องโถงโรงเรียนที่ใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของสมาคมสมาพันธ์คนพิการในประเทศไทย ชายตาพิการคนนั้นเริ่มถามเกี่ยวกับวัดเช่นชื่อวัดอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน มีพระสงฆ์จำพรรษากี่รูป และคำถามสุดท้าย “อยากทราบว่าหลวงปู่อายุเท่าไหร่ครับ” ปรกติเรื่องอายุเขาไม่ถามกันและคนถามก็มักจะไม่ตอบ แต่เมื่อถามมาจึงตอบไป เมื่อทราบอายุของ “หลวงปู่” ตามที่เขาข้าใจ ชายคนนั้นพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิมว่า “หลวงปู่อายุน้อยกว่าผม ผมต้องเปลี่ยนใหม่จะเรียกว่ายังไงดี หลวงน้อง หลวงลุง หลวงตาหรือหลวงพี่ดีครับ” จึงบอกว่าเรียกยังไงก็ได้ตามสะดวก
ในขณะที่กำลังฟังคนเหล่านั้นสาธยายแผนการเดินทางในแต่ละวันซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม คนตัดสินใจคือนายกสมาคมฯ แล้วแต่ท่านจะพาไป พวกผมเป็นผู้ตามที่ดีต้องฟังผู้นำ ขณะนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้จนกระทั่งมีคนบอกให้นั่งลง ก่อนที่เธอคนนั้นจะถามว่า “หลวงปู่คะหนูอยากดื่มน้ำเย็นๆสักขวด จึงถามว่า “เมื่อคืนนอนพักที่ไหน เธอบอกว่าชั้นสอง ที่ชั้นสองมีตู้เย็นอยู่อันหนึ่งจำได้ว่าวันก่อนได้สั่งให้สามเณรนำน้ำมาแช่ไว้เต็มตู้ จึงบอกสาวสวยตาพิการคนนั้นไปว่า “อยู่ในตู้เย็นในห้องที่เธอนอนพักนั่นแหละ” เธอตอบแบบไว้เชิงว่า “หรือคะ หนูนึกว่าน้ำดื่มไม่ได้” จากนั้นเธอก็ขอให้ใครคนหนึ่งประครองกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่อจะได้ดื่มน้ำเย็นตามที่เธอต้องการ กำลังจะพูดว่าให้ใครขึ้นไปเอามาให้ก็ได้ ทำไมต้องเดินขึ้นไปเองเพราะเธอตาบอดทั้งสองข้าง
มีใครคนหนึ่งบอกว่า “เธอพึ่งอายุยี่สิบปี สวยที่สุดในขบวน เสียอย่างเดียวคือเธอตาบอดเท่านั้น แต่เธออัธยาศัยดีมาก ชอบดื่มน้ำเย็นและชอบร้องเพลง”
หลายคนพยายามเล่าประวัติของตนเองให้ “หลวงปู่” ที่นั่งฟัง ตอนนั้นพยายามจำแต่จำได้ไม่หมด พวกเขาคงไม่มาโกหกให้พระฟัง เช่นเรื่องของชายตาบอดคนหนึ่งบอกว่า “ผมเกิดมาก็ไม่เคยมองเห็นโลกเลยครับ โลกของผมคือโลกที่คนอื่นเล่าให้ฟัง จากนั้นผมก็ใช้จินตนาการไปตามภาพร่างที่มีคนเล่าให้ฟัง อย่างเช่นวัดนี้เมื่อคืนมีคนเล่าให้ผมฟังว่าวัดอยู่ในซอยลึก มีพระภิกษุสามเณรจำนวนมาก ผมฟังจากเสียงที่มาต้อนรับเมื่อคืนนี่นะครับ แต่ที่ผมเดาผิดมากคือหลวงปู่นี่แหละครับ ผมนึกว่าคงเป็นพระอายุมากกว่าหกสิบปี แต่ที่ไหนได้ยังเป็นหนุ่มอยู่เลย ผมขออนุญาตเรียกหลวงปู่ต่อไปก็แล้วกันนะครับ ผมอยากให้เป็นหลวงปู่จริงๆตามที่ผมจินตนาการไว้”
เมื่อถามว่า “จินตนาการไว้อย่างไร”
ชายตาพิการคนนั้นจึงบอกว่า “ผมได้ยินเสียงสั่งนั่นสั่งนี่ เดี๋ยวสั่งให้ไปซื้ออาหาร เดี๋ยวสั่งให้ไปหาน้ำแข็ง ประเดี๋ยวก็สั่งให้ไปซื้อกาแฟ ประเดี๋ยวก็ถามคนนั่นคนนี่ เสียงที่ผมได้ยินเมื่อคืนคือเสียงของพระที่มีอายุมากแน่ๆ และเสียงนั้นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนหลับ “ยังไม่นอนหรือ ปิดไฟก่อนนอนนะ ขอให้ทุกคนหลับสบาย” ในจินตนาการของคือเสียงของคนแก่ชัดๆ ผมจึงตัดสินใจเรียก “หลวงปู่” ตามที่ผมเข้าใจ” ตอนนั้นเสียงคงอ่อนล้าเต็มทีเพราะดึกมากแล้ว เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว หากเป็นเวลาปรกติคงหลับไปนานแล้ว
หญิงสาวตาพิการคนนั้นดื่มน้ำเสร็จย้อนกลับลงมาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยประโยคที่คนทั้งศาลาต้องรอฟังคำตอบ “หลวงปู่คะ หลวงปู่ว่าหนูสวยไหม” เล่นเอา “หลวงปู่” ต้องอึ้ง ข้อเท็จจริงคือเธอเป็นเด็กสาวที่หน้าตาค่อนข้างดี ตอนนั้นในวงสนทนาเงียบเหมือนนัดกันไว้ รอฟังคำตอบว่า “หลวงปู่” จะตอบว่าอย่างไร
อันที่จริงคำตอบก็ไม่ต้องคิดมา หากจะพูดเอาใจเธอหน่อยก็ต้องตอบว่า “สวย” แต่หลวงปู่กลับย้อนถามเพราะอยากทราบว่าเธอคิดเกี่ยวกับตัวเองอย่างไรในโลกที่ไร้แสงสว่างของเธอ “แล้วเธอคิดว่าเธอสวยไหม”
เธอยิ้มสดใสก่อนจะตอบว่า “มีคนบอกว่าหนูสวยพอๆกลับแพนเค้กเจ้าคะ” เสียงฮือฮาดังขึ้นทันใด เมื่อถามว่าแพนเค้กสวยขนาดไหน เธอตอบว่า “ก็สวยพอที่จะเป็นนางเอกละครช่องเจ็ดสีแหละค่า หากหนูตาไม่บอดก็คงเป็นนางเอกละครได้อย่างสบาย” พูดจบก็ยิ้มอย่างเปิดเผย เธอคงคิดว่าเธอสวยจริงๆอย่างที่คนอื่นบอก
คนเหล่านี้มองโลกด้วยจินตนาการ ไม่ได้มองโลกด้วยสายตา เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมองเห็นโลก ยังไม่เคยมองเห็นอะไรทั้งนั้น แต่เขามีจินตนาการที่สามารถคิดสร้างสรรค์จากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ ฟังจากน้ำเสียงที่เขาสัมผัสได้ทางโสตประสาท โลกของพวกเขายังคงสดสวย ยังเห็นรอยยิ้มพร้อมที่จะอยู่สู้กับโลกนี้อีกต่อไป นั่งคิดคนเดียวเงียบๆว่า คนพวกนี้แม้จะไม่เคยมองเห็นอะไรมาก่อนเลย แต่พวกเขามีจินตนาการที่พร้อมจะแต่งแต้มเติมสีให้โลกสวยให้เป็นไปอย่างที่พวกเขาอยากให้เป็น ในขณะที่คนตาดีอย่างฉันเองมองโลกด้วยสายตาจึงได้เห็นตามที่ชาวโลกอยากให้เห็น ทำให้เกิดการปรุงแต่งด้วยข้อมูลที่ได้รับทางจักษุสัมผัส ต่อไปคงต้องปิดหู ปิดตา ปิดปากสักระยะ ปล่อยให้โลกมันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น จะได้เห็นโลกตามที่มันเป็นจริงๆ
ในช่วงเวลาที่สมาคมสมาพันธ์คนพิการในประเทศไทยมาพักพาอาศัยอยู่ด้วยนั้น เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามได้รับการสถาปนาเป็น “หลวงปู่” เพราะชายตาพิการคนหนึ่งและคนอื่นๆแม้จะตาดีก็เลยพากันเรียก “หลวงปู่” ทั้งๆที่น่าจะเรียก “หลวงพี่” เลยกลายเป็นหลวงปู่ไปหลายวัน ช่วงนี้ผู้พักพิงเริ่มทยอยกลับกันแล้ว เพราะบางพื้นที่น้ำก็เริ่มลดลงเข้าสู่สภาวะปรกติ “หลวงปู่” ที่ชายพิการทางสายตาคนนั้นตั้งให้ จึงต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงเป็นผู้โดดเดียวเดียวดาย ผู้ที่กำลังเดินทางด้วยความหวังและตั้งใจเป็นผู้มองเห็นภัยในวัฏฏสงสารวัฏในโลกอันวุ่นวายนี้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/12/54