หากมีความตั้งใจจริงแม้การเดินทางจะลำบากอย่างไรก็ต้องหาทางไปให้ถึงจุดหมายปลายทางตามที่ตั้งไว้จนได้ ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่พยายามจะไม่ออกเดินทาง เพราะเห็นความลำบากมาหลายครั้ง ไหนจะเป็นเวลาที่จะต้องเสียไปในระหว่างการเดินทาง และเห็นสภาพความเดือดร้อนของผู้คนทำให้หดหู่ในหัวใจ แม้จะดูจากข่าวทางโทรทัศน์แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สู้กับการได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง เพราะเราได้เห็นสภาพที่แท้จริงโดยที่ยังไม่ผ่านปรุงแต่งจากสถานีโทรทัศน์ บางครั้งก็เป็นสภาพแท้จริงที่แสนรันทดหดหู่ แต่บางครั้งก็เป็นไปตามที่นักข่าวอยากให้เป็น
เช้าวันจันทร์ตัดสินใจแน่วแน่ว่าถึงอย่างไรก็จะต้องหาทางไปยังมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา นครปฐมให้ได้ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมพยายามหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ถึง ได้ยินข่าวว่าน้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว จึงตัดสินใจออกเดินทางตั้งแต่เช้า ขึ้นรถแท็กซี่ไปลงที่ตั้งฮั้วเส็ง คนขับบอกผมส่งได้แค่นี้ คงไปไม่ไหว เพราะน้ำยังท่วมสูงอยู่ จึงหารถแท็กซี่คันใหม่ บอกเป้าหมายว่าต้องการไปให้ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดลให้มากที่สุด คนขับบอกว่าต้องขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนี จากนั้นให้นั่งรอรถว่าจะมีใครเดินทางไปยังเป้าหมายเดียวกับเราบ้าง เวลาที่เสียไปมักจะอยู่ตรงการรอรถนี่แหละซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะมีรถไปยังเส้นทางที่เราต้องการจะไป รถทหารก็นานๆจะออกสักคันต้องรอคนโดยสาร แต่วันนั้นรอไม่ถึงสามสิบนาทีก็มีรถยนต์ส่วนตัวของเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งที่นครปฐมกำลังจะไปยังศาลาย ทหารจึงฝากให้ติดรถไปด้วย
รถวิ่งตามถนนบรมราชชนนีไปเรื่อยๆ ถนนบางแห่งน้ำท่วมสูงถึงเอว บางแห่งแค่ระดับเข่า ไม่ได้วัดเป็นเซ็นติเมตร แต่วัดด้วยสายตา สองข้างทางยังมีประชาชนที่เดินลุยน้ำไปซื้ออาหารเป็นระยะๆ แต่ร้านค้าสองข้างทางปิดกิจการหมดแล้ว ใครจะไปคิดว่าบนถนนที่เคยมีรถวิ่งจะมีเรือแล่นสวนไปมา เรือกับรถวิ่งบนถนนสายเดียวกัน ยังมีรถขนาดใหญ่และที่มีพื้นสูงวิ่งฝ่าน้ำไปเรื่อยๆ ถนนบางแห่งน้ำก็ท่วมไม่ถึง รถวิ่งผ่านได้ แต่เรือต้องหยุดไปต่อเรืออีกทอดหนึ่ง การเดินทางช่วงแรกสิ้นสุดที่ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ที่นั่นยังมีประชาชนคอยโบกรถว่าจะมีคันไหนไปยังเป้าหมายที่ตนต้องการบ้าง แม้จะมีรถของทหารเรือคอยบริการ แต่บางครั้งก็ไม่ได้ผ่านเส้นทางที่เราต้องการจะไป วิธีที่ดีที่สุดคือ "การรอคอย" ประโยคที่ว่า "ยอมให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้" ใช้ได้เป็นอย่างดีในสภาวการณ์เช่นนี้
นั่งรอรถทหารที่คอยให้บริการแก่ประชาชนเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังศาลายา ช่วงนั้นรถขาดช่วงต้องนั่งรอนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เจ้าของร้านขายกล้วยทอดนำกล้วยทอดมาถวายหนึ่งถุงนั่นคืออาหารเพลในวันนั้น ถามหญิงคนขายกล้วยทอดบอกว่าพอขายได้ บ้านพักที่อยู่ใกล้ๆวัดปุรณาวาสน้ำยังก็ท่วมขัง ตรงนั้นเป็นสี่แยก ด้านหนึ่งไปอ้อมใหญ่ อีกทางหนึ่งไปไหนไม่ได้ถาม แต่อีกทางไปยังศาลายา ในที่สุดการรอคอยก็ประสพผล เมื่อมีรถยนต์ส่วนตัวของชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าจะไปศาลายา ทหารเรือที่เฝ้าประจำการอยู่ที่นั่นจึงฝากให้โดยสารไปด้วย ตรงนั้นน้ำลึกมากต้องค่อยประคองรถ แต่ก็ขึ้นบนสะพานมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยมหิดลไม่ได้ จึงต้องอ้อมไปอีกทางผ่านหน้าพุทธมณฑลและย้อนกลับเข้ามา มองไปยังบริเวณพุทธมณฑลอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติน้ำยังท่วมขังได้ทราบว่าได้ย้ายที่ทำงานไปที่วัดราชาธิวาสวิหาร สามเสนซอย 9 ใครที่มีธุระติดต่อขอเชิญไปที่วัดราชาธิวาส ถนนก็กลายเป็นทางเรือ จากสภาพที่ได้เห็นคิดว่าคงอีกนานกว่าที่จะกลับมาใช้งานได้ตามปรกติ
บริเวณภายในมหาวิทยาลัยมหิดล น้ำไม่ท่วม เพราะมีกำแพงดิน กระสอบทรายวางเรียงรายล้อมรอบมหาวิทยาลัย บริเวณภายนอกมหาวิทยาลัยยังมีน้ำท่วมขังเป็นบางส่วน ถนนด้านหน้าไม่มีน้ำท่วมแล้ว รถยนต์สัญจรไปมาได้สะดวก แต่ทว่าถนนศาลายา-นครชัยศรียังมีน้ำท่วมขังเป็นบางช่วง แต่รถก็สามารถฝ่าไปได้ ถึงหน้ามหาวิทยาลันนาฏศิลป์ รถก็ต้องหยุด เพราะทางด้านหน้ามีน้ำท่วมขังสูง จึงต้องโดยสารเรือในอัตราค่าโดยสาร 30 บาท ระยะทางไม่น่าจะถึงหนึ่งกิโลเมตร
หน้ามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยยังมีน้ำท่วมสูง แต่พอเดินเข้าไปภายในมหาวิทยาลัย อาคารวรรณิสสรศรัทธาอันเป็นที่ทำงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์และที่ตั้งสถานีวิทยุน้ำไม่ท่วม เดินไปได้สักพักผ่านหน้าธรรมสถานมีน้ำท่วมบริเวณด้านหน้าหน่อยหนึ่ง จนกระทั่งถึงอาคารสำนักงานอธิการบดี มองดูนาฬิกาเป็นเวลา 11.45 น. อุบาสิกาท่านหนึ่งนิมนต์ให้ไปฉันเพลพร้อมทั้งบอกว่าอธิการบดีกำลังฉันภัตตาหารเพล วันนี้เลยได้ฉันเพลสองรอบ รอบแรกเป็นกล้วยทอดจากแม่ค้าริมถนนเลียบคลองทวีวัฒนา และรอบที่สองที่อาคารสำนักงานอธิการบดี ฉันพร้อมกับอธิการบดีและพระภิกษุอีกสองรูป อธิการบดี มมร บอกสั้นๆว่า "ฉันเท่าที่มี มีเท่าที่เห็น"
ฉันเพลเสร็จจึงได้นั่งเรือสำรวจบริเวณรอบมหาวิทยาลัย ผ่านอาคารสุชีพ ปุญญานุภาพซึ่งเป็นที่ทำงานของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ และห้องประชุมใหญ่ น้ำท่วมสูงประมาณถึงหน้าอก บริเวณหอสมุดสมเด็จพระญาณวโรดมก็ยังท่วมสูง แต่พื้นชั้นหนึ่งน้ำลดลงสามารถทำความสะอาดได้แล้ว อาคารที่ทำงานของบัณฑิตวิทยาลัย และอาคารที่ทำงานของคณะต่างๆยังท่วมสูงถึงบันได้ขั้นที่สาม บริเวณห้องอาหารพอเพียง หอฉันสันโดษ น้ำท่วมสูงประมาณสะเอวถึงระดับคอ
บริเวณหอพักสมาธิน้ำท่วมสูงบางแห่งท่วมสูงถึงระดับมิดศีรษะ เรือค่อยๆแหวกกระแสน้ำไปถึงอาคารหอพักเห็นมีคนพักพาอาศัยอยู่บ้าง ได้แต่ยกมือทักทาย การช่วยเหลืออยู่ภายใต้การดูแลของอธิการบดี ยังพอมีข้าวปลาอาหารพอประทังชีวิตไปได้ การโดยสารจากหอพักมายังสำนักอธิการบดีต้องใช้เรือเป็นพาหนะอย่างเดียว
ขากลับบริเวณที่ก่อสร้างหอพักปัญญา ซึ่งพึ่งวางศิลาฤกษ์ไปไม่นานเมื่อครั้งครอบรอบวันเกิดหกสิบปีอธิการบดี เกิดอุบัติเหตุเพราะอยากได้ภาพบริเวณอาคารหอพักจึงเอี้ยวตัวกลับยื่นกล้องให้พระมหาศิลป์เพื่อจะได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักภาพ โดยไม่ทันระวังเรือขนาดเล็กพลิกคว่ำเครื่องยนต์จมน้ำทันทีจึงเปียกปอนไปทั้งสองรูป ยังดีที่ว่ากล้องยังไม่ตกน้ำ และระดับน้ำไม่สูงนักขนาดระดับประมาณหน้าอก แต่หากลงจากถนนก็ท่วมสูงมิดศีรษะ พยายามสำเร็จบริเวณนั้นเพราะถึงอย่างไรก็เปียกแล้ว ปริมาณน้ำลึกตื้นไม่เท่ากัน มองไปทางอาคารที่ทำงานเห็นแต่ท้องน้ำซึ่งเริ่มมีพืชพรรณต่างๆเช่นผักบุ้ง ผักแว่นเป็นต้นชูยอดอ่อนรับแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันอย่าเพลิดเพลิน พังหากเป็นเวลาปรกติบริเวณนี้คือถนน แต่ในยามนี้กลายเป็นท้องน้ำดูแลสุดสายตาจากหอพักสมาธิไปจนถึงอาคารสำนักงานอธิการบดี ระยะทางประมาณสองกิโลเมตร "มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร) ในยามนี้ต้องมาเปลี่ยนจากพื้นดินกลายเป็นบึงขนาดใหญ่ แล้วอีกนานเท่าใดจึงจะพลิกฟื้นคืนกลับมาเป็นปรกติ โอหนอ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนจริงๆ"
เรือยนต์ลำใหญ่อีกลำที่ตามมาห่างๆจึงได้ช่วยนำเครื่องยนต์ขึ้นเรือและบันทุกกลับ ในที่สุดเรือยนต์ก็กลายเป็นเรือพาย เหมือนเมื่อครั้งที่เดินทางไปกลางบึงที่หนองบัวลำภูเมื่อเดือนตุลาคม เรือยนต์ก็กลายเป็นเรือพายในลักษณะเดียวกัน แต่คนพายเปลี่ยนไป หากมองด้วยการลงวัดระยะน้ำด้วยความบังเอิญเพราะเรือล่ม ก็ต้องบอกว่าหากปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยจะต้องถูกน้ำท่วมไม่น้อยกว่าสองเดือน น้ำไม่ไหลไปเลยนิ่งสนิทอยู่กับที่ มีปลาตายลอยให้เห็นเป้นระยะๆ ไม่นานน้ำก็คงเน่า ใครจะไปคิดว่าบริเวณที่เคยเป็นพื้นดินสูงจะกลับกลายเป็นบึงขนาดใหญ่ได้ในชั่วระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน บริเวณที่เคยเป็นศูนย์พักพิงเมื่อเดือนตุลาคม บัดนี้ถูกน้ำท่วมทั้งหมด อธิการบดีนำทีมอาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาช่วยกันปิดทางน้ำโดยการขนกระสอบทรายปิดทางน้ำจากบริเวณบึงฝั่งตรงข้าม น้ำมันเข้าทางนี้หากปิดทางน้ำได้ก็มีแนวโน้มว่าน้ำจะลดลง จากนั้นเมื่อน้ำไม่มีทางเข้าก็จะเริ่มสูบน้ำออก อธิการลงลุยน้ำเอง คนอื่นใครเล่าจักนิ่งเฉยอยู่ได้ หากใช้เครื่องสูบน้ำสักสิบเครื่องน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน น้ำจึงจะแห้งสนิทและพร้อมที่จะเริ่มใช้เป็นสถานที่ทำงานได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหากปล่อยไว้ให้น้ำลดตามธรรมชาติคงใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามเดือน
พยายามพายเรือไปยังอาคารที่ทำงานเพื่อตรวจดูสิ่งของว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ ทางที่เคยเดินเข้าไปได้อย่างสะดวกก็ต้องนั่งเรือเข้าไปน้ำท่วมสูงประมาณเอว ถึงบันไดขั้นที่สามของชั้นที่หนึ่ง ที่ชั้นสองอันเป็นห้องทำงานประจำมีหญิงชราและลูกสาวพร้อมทั้งสุนัขอีกหลายพักอาศัยอยู่และเป็นผู้คอยดูแลทรัพย์สิน เสียงสุนัขเห่าดังลั่น เจ้าของห้องทำงานต้องกลายมาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับสุนัข เพราะมันไม่รู้จัก ห้องทำงานถูกยึดไปแล้ว เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเดือนทุกอย่างแปรเปลี่ยนไป วันนั้นเวลาล่วงเลยมาจนใกล้สนธยาแล้ว ขากลับดีหน่อยที่มีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศพากลับมาถึงวัดบวรนิเวศวิหารได้โดยสะดวก ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วว่าเขาพามาเส้นทางไหนบ้างเห็นลัดเลี้ยวมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าแล้ว ตอนนี้มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยย้ายที่ทำงานมาใช้อาคารกวีบรรณาลัยภายในวัดบวรนิเวศวิหารเป็นการชั่วคราว จนกว่าน้ำจะลด จากสภาพที่ได้เห็นจะเริ่มทำงานได้คงต้องเป็นปีหน้า ส่วนความเสียหายตอนนี้ยังประมาณการไม่ได้ แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านบาท
ช่วงเวลานี้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลการเดินทางแม้จะลำบากเพราะเส้นทางบางแห่งถูกน้ำท่วม แต่หากตั้งใจจริงก็สามารถไปถึงจุดหมายจนได้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยมักจะนั่งแพไม้ไผ่พายไปรอบๆบริเวณมหาวิทยาลัยเป็นประจำ แม้จะทุกข์ยากแต่ก็ยังเห็นรอยยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มของผู้ที่สูญเสียก้ตาม อย่างน้อยก็ยังเป็นยิ้มที่พร้อมจะสู้กับอุทกภัยต่อไป กลุ้มไปก็เท่านั้นสู้ยิ้มสู้ภัยด้วยหัวใจอันกล้าแกร่ง ทุกคนก็สูญเสีย ประเทศก็เสียหาย มหาวิทยาลัยหลายแห่งน้ำก็ยังไม่ลด รวมทั้งมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยที่ยังคงรอวันเวลาที่น้ำจะลด
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
29/11/54