หากติดตามข่าวสารทุกวันตอนนี้ค่อนข้างจะมั่นใจได้ว่ากรุงเทพมหานครคงหนีไม่พ้นที่จะถูกน้ำท่วม เพียงแต่ว่าส่วนไหนเขตไหนจะท่วมมากหรือน้อย แม้คนที่เคยอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯส่วนหนึ่งจะทะยอยอพยพหนีน้ำท่วมออกต่างจังหวัดบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งยังมีความเชื่อว่าคงเอาตัวรอดได้จึงไม่ยอมอพยพไปไหน บางคนถึงกับประกาศว่าจะยอมตายอยู่ที่นี่ แม้ทางราชการจะประกาศให้ย้ายออกจากพื้นที่ก็ยังไม่ยอมเชื่อว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายถึงขั้นวิกฤต มันยากที่จะเชื่อว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพมหานครจริงๆ เพราะแม้จะเคยเกิดขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ทว่าไม่เคยเห็นว่าอุทกภัยครั้งนี้ร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
คิดว่าน้ำจะท่วมโลกจริงหรือ หรือว่าใกล้จะถึงวันสิ้นโลกแล้วจริงๆ หากเป็นเมื่อก่อนคำถามนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระ หรือพูดกันเล่นๆ แต่พอมีเหตุการณ์ภัยภิบัติเกิดขึ้นในโลกนี้บ่อยๆเข้า คำถามเรื่องวันสิ้นโลกดูเหมือนจะกลับมารบกวนผู้คนอีกครั้ง บางคนเชื่อจริงๆว่าอีกไม่นานโลกจะแตก
ลองไล่เรียงดูเหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับน้ำที่เกิดขึ้นในบางส่วนของโลก ต้นปีเกิดสึนามิถล่มญี่ปุ่นมีคนล้มตายและเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ภูเขาไฟระเบิดที่อินโดนีเซีย น้ำท่วมฟิลิปปินส์ น้ำท่วมประเทศจีน เวียตนาม ลาว เขมร เมียนมาร์ และน้ำท่วมประเทศไทย เกิดความเสียหายคณานับไม่ถ้วน ประเทศทางตะวันตกก็ไม่น้อยหน้าอิตาลีน้ำก็ท่วม อเมริกาท่วมอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ประเทศไทยมีนี้น้ำท่วมน่ากลัวที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข่าวสารรวดเร็วมาก น้ำท่วมที่ไหนก็มีข่าวที่นั่น บางแห่งที่คิดว่าน้ำจะท่วมก็มีภาพจำลองเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ดูก่อนแล้ว
พอมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นจึงต้องย้อนกลับไปยังคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลก ที่โด่งดังที่สุดคือคำทำนายของชนเผ่ามายาที่ระบุวันเวลาไว้อย่างชัดเจนว่า "ดวงตาทั้งเก้าจะโคจรขึ้นมาด้วยความหมองหม่น... และเมื่อข้า( ข้า แทนเทพเจ้าโปลอน ยอกต์ เคอาห์) ปรากฎร่างอยู่เหนือท้องทะเลอันมืดมิด ข้าจะถูกเห็นด้วยถ้วยอัคคีเพื่อเป็นสักขีแห่งมนุษย์โลกรุ่นล่าสุดที่ต้องเผชิญกับสภาพย่ำแย่คล้ายผลไม้ที่หมดสภาพ ณ เวลานั้นโลกจะท่วมไปด้วยฝน ดวงตะวันจะถูกลบเลือนด้วยพายุคลั่ง และลแวท้ายที่สุดของมีค่าจะถูกส่งผ่านมาเพื่อเป็นของรางวัลแก่ชีวิตต่างๆ และหนึ่งในรางวัลนั้นอาจเป็น ผืนดินเพื่อตั้งหลักชีวิตกันใหม่ ปัจจุบันสมัยดาวจักรราศีที่ 13(เทพ ophiuchus) จะเคลื่นคล้อยมาสู่พร้อมกับสนทนาและนำบรรดาของมีค่าที่ตัวข้าฯ ได้เคยเจรจามาก่อนหน้านั้นแล้วกับบรรพบุรุษของพวกเจ้า (ชาวมายัน) หลังจากนั้นเทพสำคัญจะมาเยี่ยมบริวารทั้งหลายอีกคราว (ดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ในระบบ) และบางที "เรื่องราวหลังความตาย" (วันสิ้นโลก) ก็จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาระหว่างกัน...." (รวิโรจน์,คำทำนายโลก มหาวิบัติมนุษยชาติกับวันสิ้นโลก,กรุงเทพฯ:อนิเมทกรุ๊ป,2554,หน้า 17)
อ่านแล้วเข้าใจยากเพราะมีเรื่องของเทพเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เทพองค์นั้นคนไทยก็ไม่คุ้นเคย แต่มีส่วนเกี่ยวเนื่องมาจากชนเผ่ามายา ซึ่งชนเผ่านี้เชื่อกันว่า "ตั้งอยู่ในอเมริกากลาง ปกครองด้วยเทวกษัตริย์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่นครวากา ปัจจุบันคือเอลเปรู อาณาจักรนี้เคยเจริญรุ่งเรืองแผ่ไพศาลมาก มีอายุยาวนานนับได้ 2000 ปี แต่ปัจจุบันเหลือไว้เพียงซากสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตจนน่าทึ่งไว้เป็นมรดกโลก ในอดีตมีเมืองสำคัญหลายเมืองเช่นเมืองติกัล เพตอน ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของประเทศกัวเตมาลา เมืองปาเลงกอ ปัจจุบันอยู่ในภาคใต้ของเม็กซิโก เมืองโคปัน ปัจจุบันอยู่ในประเทศฮอนดูรัส (ดร.อนุทิช ชูอรรถ, 2012 มหาอุทกภัยท่วมโลก,กรุงเทพฯ:เม็กกูรู,2552,หน้า 58)
ชาวมายามีเทคนิคในการคำนวณนับวันเดือนปีหรือที่เรียกว่าปฎิทินใช้เอง ชาวมายาสามารถคำนวณได้ว่าดาวศุกร์ใช้เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์กินเวลา 584 วัน แต่โลกของเรานั้นอยู่ใกล้กว่าจึงใช้เวลาเพียง 365.2420 วัน ปัจจุบันเราสามารถคำนวณเวลาของดลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ได้ว่าใช้เวลา 365.2422 วัน ซึ่งคาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปฏิทินของชาวมายาสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 หรือปีพุทธศักราช 2555" จึงมีผู้เชื่อว่านั่นคือการกำหนดวันสิ้นโลก
กำหนดไว้ชัดเจนขนาดนั้น หากเกิดขึ้นจริงก็คงต้องเตรียมตัวทัน แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นจริงเตรียมตัวไว้ก็คงไม่เป็นไร บางคนอาจจะถูกล้อเลียนว่า "พวกกระต่ายตื่นตูม ตื่นเต้นจนเกินเหตุ" แต่ถ้าการตื่นตัวทำให้รอดพ้นจากอันตรายได้ ก็ไม่ควรต่อต้านในการเตรียมตัว เชื่อไว้บ้างคงไม่ถูกกล่าวหาว่างมงายหรือทำให้กลัวจนเกินเหตุ
น้ำท่วมโลกหรือวันสิ้นโลกจะเป็นไปตามคำทำนายหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่อาจทราบได้ แต่ในพระพุทธศาสนาได้สอนว่า "สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกฎแห่งสามัญลักษณะนั่นคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง คงอยู่ในสภาพเดิมได้ไม่นาน และไม่อยู่ในอำนาจที่เราจะกำหนดได้ โลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว ตื่นเต้นตามโลกไปก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ สู้ทำใจยอมรับสภาพที่โลกกำลังเปลี่ยน เตรียมพร้อมไว้ เวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึงก็ไม่ตื่นตูม ตกใจ เพราะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/12/13) มีพุทธภาษิตเตือนไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาทว่า “ผู้มีปัญญาพึงทำที่พึ่งที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้ ด้วยความหมั่นความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความฝึกตน ชนทั้งหลายผู้เป็นพาล มีปัญญาทราม ย่อมประกอบตามความประมาท ส่วนนักปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาท เหมือนทรัพย์อันประเสริฐสุด” คนไม่ประมาทแม้น้ำก็ท่วมก็ยังมีที่พึ่ง
กรุงเทพมหานครในยามนี้ถนนโล่ง รถราวิ่งไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวก ยกเว้นแต่ถนนบางสายที่ถึงแม้จะเรียกรถแท็กซี่สักกี่คันก็ไม่ยอมไป คนขับบอกว่ารถกลัวน้ำ ถนนบางสายถูกปิดตายไปไม่ได้ต้องใช้เรือแทนรถ แต่ถนนบางสายทั้งแห้งและว่าง กรุงเทพมหานครจึงเป็นเมืองที่เดาใจได้ยาก น้ำเหนือก็มีแนวโน้มว่าจะบ่าไหลทะลักเข้ามาไม่หยุด น้ำทะเลก็พร้อมที่จะหนุนขึ้นสูง เจ้าพระยากำลังสำลักน้ำ คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯยามนี้กำลังเครียดเพราะหวาดระแวง ประชาชนที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเต็มไปด้วยความหวาดผวา เพราะไม่่รู้ว่าเมื่อไหร่น้ำจะทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ช่วงนี้ทางรัฐบาลประกาศหยุดราชการหลายวัน กรุงเทพฯจึงเงียบเหงาจะไปไหนมาไหนก็กลัวน้ำท่วม การเดินทางไปต่างจังหวัดหนีจากความกังวลใจกับภัยน้ำท่วมน่าจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามแม้จะพักอยู่ชั้นสามอย่างไรน้ำก็คงท่วมไม่ถึง แต่น้ำที่อยูในความรู้สึกจากการที่ได้รับข่าวสารต่างๆเหมือนถูกท่วมมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ได้เวลาออกเดินทางหนีน้ำท่วมแล้ว แต่ยังไม่รู้จะไปไหนกำหนดไว้ในใจมีสองจังหวัดให้เลือกหนองบัวลำภูและเชียงใหม่ ทางไหนสะดวกจะไปทางนั้น
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
27/10/54