ฝนโปรยปรายมาพร้อมกับสายลมหนาวจากอิทธิพลของพายุนกเตนมาหลายวันแล้ว ทำให้สุขภาพร่างกายปรับตัวไม่ทัน มีอันทำให้เจ็บป่วยลงอย่างกะทันหัน เริ่มจากเป็นหวัดธรรมดา จากนั้นก็มีอาการปวดศีรษะ พอกินยาแก้หวัดเข้าไปทำให้ง่วงนอน อีกอย่างช่วงนี้มีงานเข้ามามาก ไหนจะต้องเร่งงานเพื่อให้ทันกับเวลา แต่เมื่อมีอาการป่วยมาเยือนจึงจำเป็นต้องหยุดพักบ้าง ทำงานช้าไปยังดีกว่าไม่มีโอกาสได้ทำงาน
ร่างกายมนุษย์ก็เหมือนรถยนต์ที่วิ่งมานาน หากไม่ตรวจเช็คสภาพอยู่บ่อยๆมีหวังพาผู้โดยสารลงข้างทางก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง กรุงเทพมหานครยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ พอฝนตกปัญหาที่ตามมาคือรถติดและบางครั้งอาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตามท้องถนนให้เห็นอยู่เสมอ รถยนต์ต้องมีความพร้อมจึงควรจะขับขี่ใช้สอย ร่างกายมนุษย์เล่าก็เฉกเช่นเดียวกันต้องมีเวลาหยุดพักและตรวจซ่อมจึงจะพร้อมที่จะใช้งาน
ฝนตกแม้ในกรุงเทพฯจะไม่ค่อยได้ยินเสียงกบเขียดร้อง แต่ที่ชนบทยังมีเสียงกบ เขียด อึ่งอ่างร้องระงมไปทั่วท้องทุ่ง ในช่วงนี้ชาวนาคงมีความสุขที่มีน้ำได้ทำนา ความสุขของชาวนาที่รอฝนจากฟากฟ้าเมื่อฝนมาก็หน้าบาน เพราะจะได้มีน้ำทำนา ส่วนคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ไม่ค่อยได้พึ่งพาฝนฟ้าเท่าใดก็จะบ่นพร่ำรำพันเพราะฝนตกทำให้การจราจรติดขัด จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกสบาย ฝนก็ตกตามฤดูกาล ไฉนไยเล่าจะไปโทษฟ้าและฝนด้วยเล่า
มีเรื่องเล่าว่าชายชราคนหนึ่งมีลูกสาวสองคนและลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวคนโตแต่งงานกับชาวนาจึงยึดอาชีพทำนาตามสามี ส่วนลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับช่างปั้นหม้อคนหนึ่ง จึงยึดอาชีพตามสามี นานๆจะได้ไปเยี่ยมพ่อสักครั้ง ชายชราผู้เป็นพ่อพักอยู่กับลูกชายที่รับราชการเป็นครูในกรุงเทพมหานคร จึงย้ายมาอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ซึ่งก็เป็นครูเหมือนกัน ชายชราจึงมีหน้าที่เลี้ยงหลาน ตอนเช้าพาหลานส่งโรงเรียน ตอนเย็นก็ไปรับหลานกลับบ้าน ดำเนินชีวิตในวัยชราอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
วันหนึ่งเกิดคิดถึงลูกสาวคนโตจึงเดินทางไปเยี่ยม บังเอิญช่วงนั้นฝนไม่ค่อยตก เกิดความแห้งแล้ง ชาวนาไม่มีน้ำทำนา ลูกสาวจึงบ่นให้พ่อฟังว่า “พ่อช่วยสวดคาถาขอฝนให้หน่อย ช่วงนี้ฝนไม่ค่อยตก ไม่มีน้ำทำนา ข้าวกล้าเหี่ยวแห้งรอวันเฉาตายแล้ว” ชายชราพักอยู่กับลูกสาวเจ็ดวันจึงลาลูกสาวกลับกรุงเทพฯ แต่คิดได้ว่าน่าจะไปเยี่ยมลูกสาวคนเล็กเสียหน่อย ไหนๆก็ออกจากรุงเทพฯมาแล้ว จึงแวะเยี่ยมลูกสาวคนเล็ก
บังเอิญช่วงนั้นฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จะเป็นเพราะคาถาที่ชายชราสวดหรือพายุเข้าก็สุดจะเดา ชายชรายิ้มในใจอย่างมีความสุขที่ฝนตกลูกสาวคนโตจะได้มีย้ำทำนาเสียที แกเผลอร้องเพลงศรคีรี ศรีประจวบที่มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า “ฝนตกบ้านน้องฟ้าร้องถึงบ้านพี่ หัวใจพี่โดนขยี้แตกสลาย บุกน้ำข้ามโคลนผ่าสายฝนมาแทบตาย น้องมาหนีตามชายไปกับสายฝนพรำ.....” แกกำลังคิดถึงสมัยวัยรุ่นที่ตามไปจีบสาวบ้านทุ่งท่ามกลางสายฝน ต่อมาก็ได้กลายเป็นแม่ของลูกสามคน พอคิดถึงตอนนี้ชายชรายิ้มอยู่คนเดียวบนรถยนต์โดยสาร ในขณะที่คนโดยสารอื่นๆต่างหันมามอง แกก็ก้มหน้าหัวเราะหึหึ เหมือนแสดงคำขอโทษที่ทำให้คนอื่นเกิดความรำคาญ แต่มีผู้โดยสารท่านหนึ่งบอกว่า “ร้องต่อสิลุง เพราะดี เข้ากับบรรยากาศด้วย ฝนกำลังตกพอดี”
ไม่นานรถก็ถึงจุดหมาย เมื่อลูกสาวคนเล็กพบหน้าพ่อก็เริ่มบ่นให้พ่อฟังว่า “ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ปั้นหม้อดินไม่ได้เลย ดินมันเละ พอปั้นเสร็จจะนำหม้อดินไปตากแดดฝนก็ตกลงมาอีก หม้อไม่แห้ง ขายก็ไม่ได้ ทำไมฝนมันตกชุกอย่างนี้ พ่อช่วยสวดคาถาไม่ให้ฝนตกที หนูจะได้ทำงานปั้นหม้อได้ ถ้าตกอย่างนี้แย่แน่นอน”
ชายชราสะดุ้งโหยงเพราะคำพูดของลูกสาวคนเล็ก อาทิตย์ก่อนลูกสาวคนโตบอกให้สวดคาถาขอฝน อยากให้ฝนตกจะได้มีน้ำทำนา แต่พอมาวันนี้ลูกสาวคนเล็กบอกให้สวดคาถาไม่ให้ฝนตก แล้วข้าจะทำยังไงดี” ชายชราคิดในใจเงียบๆ
ชายชราลาลูกสาวคนเล็กกลับกรุงเทพฯเมืองที่ไม่ต้องกังวลเรื่องฝนตกหรือฝนไม่ตก เพราะลูกชายและลูกสะใภ้ทำงานเป็นข้าราชการที่ไม่ต้องคำนึงถึงฝน จะตกหรือไม่ไม่เป็นปัญหา เพราะไม่มีผลกระทบกับอาชีพเลย
การทำตามใจของคนหนึ่งอาจจะมีผลกระทบกับอีกคนหนึ่ง อย่างเช่นถ้าฝนตกลูกสาวคนโตก็จะชอบใจ ในขณะที่ลูกสาวคนเล็กเศร้าใจ ปัญหานี้ข้าจะถามใครชายชราคิดถึงบทกวีของคาลิล ยิบราลขึ้นมาตอนหนึ่งว่า “ถามฟ้าหรืออย่าเลย ฟ้าก็เฉยเฉกเช่นกัน เคลื่อนคล้อยไปวันๆ เหมือนเราท่านนรชน” ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ อยู่ใต้ฟ้าอย่าฝืนธรรมชาติ ปล่อยให้ธรรมชาติทำหน้าที่ของเขาไป ส่วนเราก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ชายชราได้บทสรุปในตอนท้าย
วันนั้นแม้ฝนจะตกพรำตลอดทั้งวันก็ยังเห็นชายชราพาหลานไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามพึ่งฟื้นไข้ ลุกขึ้นมานั่งเขียนตามปกติเหมือนกัน ฝนยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย แต่จิตใจกลับสงบเยือกเย็น ปล่อยธรรมชาติทำหน้าที่ของเขาไป ส่วนตัวเราก็ทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
01/08/54