หญิงวัยกลางคนมาพร้อมกับลูกสาวในชุดนักเรียนอนุบาลและหลานชายอีกคนหนึ่งตัวโตแล้วส่วนอีกคนยังตัวเล็กๆ ดูภายนอกคงมีสุขภาพแข็งแรงเพราะอ้วนถ้วนสมบูรณ์ดี แสดงเจตจำนงว่าจะถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์รูปใดก็ได้ขอให้ท่านรับให้หน่อย มองซ้ายมองขวาไม่เห็นพระสงฆ์รูปอื่นจึงรับสังฆทานที่เธอและลูกสาวถวาย พอถวายเสร็จหญิงคนนั้นตั้งจิตอธิษฐานเสียงดังว่า“ขอให้ข้าพเจ้ารวยกว่าคน อย่าจนเกินใคร อย่าเจ็บอย่าไข้ ขอให้ไปเกิดในสวรรค์” ฟังเธออธิษฐานจบจึงได้อนุโมทนาให้พรตามธรรมเนียม
หญิงคนนั้นบอกว่ากำลังป่วยด้วยโรคเบาหวานพยายามรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ แต่ก็ยังไม่หายสนิท หากรับประทานอาหารที่เป็นของแสลงก็จะแสดงอาการออกมาแทบทุกครั้ง ทุกวันนี้พยายามทำบุญ บำเพ็ญธรรม ทำกรรมฐานเพื่อจะได้มีความสงบภายใน ชาตินี้ต้องชดใช้กรรมไปก่อน หากชาติหน้ามีจริงและหากได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกก็ขอให้เกิดมารวย มีสุขภาพแข็งแรง อย่ามีโรคภัยเบียดเบียน
เริ่มตั้งแต่ข้อแรกก็สำเร็จได้ยากแล้ว “ขอให้รวยกว่าคน” ต้องเป็นเศรษฐีซึ่งโอกาสที่จะเป็นคนรวยที่สุดในโลกนั้นหากอยู่เมืองไทยคงสำเร็จได้ยาก คนไทยติดอันดับเศรษฐีของโลกเพียงไม่กี่คน คนจะรวยจะจนนอกจากจะมาจากการกระทำในปัจจุบันแล้ว ส่วนหนึ่งยังจะต้องมาจากกรรมในอดีตชาติอีกด้วย ภาษาพระเรียกว่า “ปุปเพกตปุญญตา” หมายถึงผู้ที่เคยทำบุญมาแล้วในอดีต บางคนตั้งความปรารถนาไว้แล้วก็เริ่มดำเนินการตามแผนระยะยาว หากไม่ท้อถอยเสียก่อนก็ย่อมจะประสบความสำเร็จได้

ผู้ให้ทานนั้นย่อมได้รับอานิสงส์ของการให้เบื้องต้นห้าประการดังที่แสดงไว้ในทานานิสังสสูตร อังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต(20/35/35) ความว่า “อานิสงส์แห่งการให้ทานห้าประการนี้คือ ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของชนหมู่มาก สัปบุรุษผู้สงบย่อมคบหาผู้ให้ทาน กิตติศัพท์อันงามของผู้ให้ทานย่อมขจรทั่วไป ผู้ให้ทานย่อมไม่ห่างเหินจากธรรมของคฤหัสถ์ ผู้ให้ทานเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”
ส่วนการตั้งความปรารถนานั้นบางครั้งก็เป็นเพียงถ้อยคำที่ฟังระรื่นหู จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วย สิ่งที่มนุษย์ปรารถนาในเบื้องต้นมักจะหนีไม่พ้นเรื่องของการมีอายุยืน มีผิวพรรณผ่องใส มีสุขภาพแข็งแรงและมีพลานามัยที่สมบูรณ์ ดังที่พระสงฆ์มักจะให้พรเสมอว่า “อายุ วัณโณ สุขัง พลัง” ในจักกวัตติสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (11/50/58) แสดงความเจริญไว้ห้าประการความว่า “เมื่อท่านทั้งหลายเที่ยวไปในโคจรซึ่งเป็นวิสัยอันสืบมาจากบิดาของตนจักเจริญทั้งด้วยอายุ จักเจริญทั้งด้วยวรรณะ จักเจริญทั้งด้วยสุข จักเจริญทั้งด้วยโภคะ จักเจริญทั้งด้วยพละ” อันนี้กล่าวถึงผู้ที่ดำเนินตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ ย่อมได้รับผลคือความเจริญห้าประการสรุปได้สั้นๆคือ “อายุ วรรณะ สุข โภคะ และพละ”
สิ่งที่มนุษย์ตั้งความปรารถนาแล้วสำเร็จตามที่หวังได้ยากแสดงไว้ห้าประการ ดังที่ปรากฎในอิฎฐสูตร อังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต (22/43/42) ความว่า “ธรรมห้าประการนี้น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยากในโลกคืออายุ วรรณะ สุขะ ยศ สวรรค์”

พระพุทธเจ้าแสดงขยายความไว้ว่า “ธรรมห้าประการนี้ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยากในโลก เรามิได้กล่าวว่าจะพึงได้เพราะเหตุแห่งความอ้อนวอน หรือเพราะเหตุแห่งความปรารถนา ถ้าธรรมห้าประการนี้ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้โดยยากในโลก จักได้เพราะเหตุแห่งความอ้อนวอน หรือเพราะเหตุแห่งความปรารถนาแล้วไซร้ ในโลกนี้ ใครจะพึงเสื่อมจากอะไร
ผู้ต้องการอายุ ไม่ควรอ้อนวอนหรือเพลิดเพลินอายุ หรือแม้เพราะเหตุแห่งอายุ ผู้ต้องการอายุ พึงปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่ออายุ เพราะปฏิปทาอันเป็นไปเพื่ออายุซึ่งปฏิบัติแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อให้ได้อายุ ผู้นั้นย่อมได้อายุที่เป็นของทิพย์ หรือเป็นของมนุษย์
ผู้ต้องการวรรณะ ผู้ต้องการสุข ผู้ต้องการยศ ผู้ต้องการสวรรค์ ไม่ควรอ้อนวอนหรือเพลิดเพลินวรรณะ สุข ยศ สวรรค์ หรือแม้เพราะเหตุแห่งวรรณะสุข ยศ สวรรค์เท่านั้น พึงปฏิบัติตามปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อวรรณะ สุข ยศ สวรรค์ จึงจะเป็นไปตามที่ปรารถนา
ชนผู้ปรารถนาอายุ วรรณะ ยศ เกียรติ สวรรค์ ความเกิดในตระกูลสูงและความเพลินใจ พึงทำความไม่ประมาทให้มากยิ่งขึ้น บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาทในการทำบุญ บัณฑิตผู้ไม่ประมาทแล้ว ย่อมยึดถือประโยชน์ทั้งสองไว้ได้ คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน และประโยชน์ในสัมปรายภพ ผู้มีปัญญา ท่านเรียกว่าบัณฑิต เพราะบรรลุถึงประโยชน์ทั้งสองนั้น

ผู้ที่ตั้งความปรารถนาอย่างใดอย่างหนึ่งจึงไม่อาจจะสำเร็จได้ด้วยการอ้อนวอน แต่ต้องดำเนินตามแนวทางของสิ่งที่ตนปรารถนา ดังที่แสดงไว้ในขุททกนิกาย ธรรมบท(25/18/ 21) ความว่า “ธรรมสี่ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีการอภิวาทเป็นปกติ ผู้อ่อนน้อมต่อผู้เจริญเป็นนิตย์” ธรรมทั้งหลายมีที่มาที่ไป ไม่ใช่มาจากการอ้อนวอนอย่างเดียว อุบาสิกาคนนั้นพร้อมทั้งลูกชายลูกสาวลากลับไปแล้ว แต่ถ้อยคำที่เธอตั้งความปรารถนานั้นกลับยังก้องอยู่ในความทรงจำ“ขอให้ข้าพเจ้ารวยกว่าคน อย่าจนเกินใคร อย่าเจ็บอย่าไข้ ขอให้ไปเกิดในสวรรค์” ในปัจจุบันชาตินี้แม้ตัวผู้เขียนเองก็คงไม่มีโอกาสได้รับ ถึงจะไม่จนแต่ก็ไม่เคยรวย แม้ดูเหมือนจะไม่ค่อยป่วยไข้แต่โรคภัยทั้งหลายก็ไม่เคยหนีหายไปไหน คงเฝ้ารอโอกาสที่ร่างกายอ่อนแอจึงจะแสดงตัวไม่วันใดก็วันหนึ่ง สิ่งที่ตั้งความปรารถนาไว้ในใจทุกวินาทีมีอยู่เพียงประการเดียวคือ “เมื่อหายใจเข้าแล้ว อย่าลืมหายใจออก” ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าสมปรารถนาแล้ว
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/07/54