มนุษย์เรานั้นหากยังไม่ถึงที่ตายย่อมมีเหตุให้รอดพ้นจากความตายจนได้ บางครั้งดูเหมือนวันเวลาในโลกมนุษย์นั้นถูกกรรมกำหนดมาให้แล้ว แต่ทว่ากรรมที่ทำใหม่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะส่งผลให้อายุที่กำลังจะถึงฆาตรอดพ้นอันตรายทำให้มีอายุยืนยาวต่อไปได้อีกหลายปี หากเชื่อในกฏแห่งกรรมย่อมยกให้กรรมบันดาล ส่วนผู้ที่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะยกให้เป็นอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนเรานั้นหากดวงยังไม่ถึงฆาตจริงๆอาจจะมีคนที่ดวงชะตาถึงฆาตขอไปก่อนก็ได้
เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ปีนั้นหลวงตาไซเบอร์ไปเยี่ยมน้องสาวที่จังหวัดหนองบัวลำภู และจะเดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมอาจารย์ที่วัดโพธิสมภรณ์จังหวัดอุดรธานี จึงนั่งรถยนต์ที่น้องสาวจ้างเหมาให้ไปส่งที่จังหวัดอุดรธานี ถนนระหว่างหนองบัวลำภูและอุดรธานีมีบางช่วงที่เป็นภูเขารกทึบด้วยแมกไม้นานาชนิด เพราะทางการได้กำหนดให้เป็นเขตป่าสงวน ก่อนออกเดินทางมีสามเณรรูปหนึ่งนำรูปหล่อหลวงปู่ขาว อนาลโยมาให้ พลางบอกว่าผมก็ไม่รับประกันว่าของจริงหรือปลอม จึงได้อาราธนาหลวงปู่ใส่ย่ามไปด้วย หลวงปู่ขาว อนาลโยเคยมาพักที่วัดจันทรประสิทธิ์แห่งนี้ และหลวงปู่ก็มีส่วนในการสร้างวัดป่าประจำหมู่บ้านบ้านสร้างเสี่ยน ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภูแห่งนี้ด้วย
ในขณะนั่งรถชมสองข้างเดินเพลินๆ พอรถจะถึงวัดถ้ำกลองเพลเกิดคิดอยากจะกราบเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ขาว อนาลโยขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ตอนนั้นเจดีย์พึ่งเริ่มสร้างยังสร้างไม่เสร็จ หยิบรูปหล่อหลวงปู่ขึ้นมาดูจะจริงหรือปลอมไม่รู้ แต่น่าจะไปกราบหลวงปู่สักครั้ง จึงบอกคนขับให้แวะเข้าวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนมากนัก
วัดถ้ำกลองเพลซ่อนตัวอยู่ภายใต้หุบเขาภูพาน เต็มไปด้วยป่าไม้ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางหุบเขา จึงมีผลทำให้บริเวณวัดร่มเย็นมีสัตว์ป่านานนาชนิดแวะเวียนมาดื่มน้ำ พระภิกษุสามเณรบางรูปชอบที่จะนั่งตามริมขอบอ่างเก็บน้ำซึ่งมีกุฏิที่พักหลายหลังอยู่ใกล้ๆอ่างเก็บน้ำ อากาศจึงเย็นสบายตลอดปี วันนั้นฝนตกพรำตลอดทั้งวันแวะเข้าชมเจดีย์ที่เก็บบริขารและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติหลวงปู่ขาว อนาลโย พร้อมทั้งพระเถระกรรมฐานอีกหลายรูป การได้เห็นประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์ทำให้เกิดความอิ่มใจ มีพลังในการปฏิบัติและศึกษาธรรม เพราะได้เห็นตัวอย่างของครูบาอาจารย์ที่เคยปฏิบัติมาก่อนแล้ว ท่านเหล่านั้นมีหลายรูปที่อัฏฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ ซึ่งแต่ละรูปจะมีสีแตกต่างกัน นัยว่าพระธาตุเหล่านี้เกิดจากภูมิธรรมของแต่ละรูป ส่วนมากจะมีความเชื่อกันว่าพระเถระรูปใดที่บรรลุธรรมคือเป็นพระอรหันต์ อัฏฐิจะกลายเป็นพระธาตุ อัฏฐิหลวงปู่ขาว อนาลโยที่เห็นในวันนั้นกำลังจับตัวเป็นก้อน บางแห่งมีสีขาว บางแห่งคล้ายดินแห้ง
หลวงตาไซเบอร์คุ้นเคยกับวัดถ้ำกลองเพลมาก่อน เพราะในเขตอำเภอหนองวัวซอสมัยนั้นมีพระอุปัชฌาย์เพียงรูปเดียวคือพระครูประสิทธิคณานุการ วัดบุญญานุสิทธิ์ ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของผู้เขียนด้วย ปัจจุบันมรณภาพแล้ว เมื่อวัดแห่งใดมีการอุปสมบทก็ต้องนิมนต์พระอุปัชฌาย์จากวัดแห่งนี้ ผู้เขียนอุปสมบทใหม่ๆก็มักจะถูกเรียกให้เป็นพระอนุจรหรือพระติดตามพระอุปัชฌาย์ไปร่วมงานอุปสมบทบ่อยๆ วัดถ้ำกลองเพลก็เหมือนกันเมื่อใดที่มีพิธีอุปสมบทพระบวชใหม่ก็มักจะติดตามอุปัชฌาย์ไปเป็นประจำ จนรู้จักมักคุ้นกับครูบาอาจารย์ในยุคนั้นแทบทุกรูป สมัยนั้นวัดถ้ำกลองเพลอยู่ในอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี แต่ปัจจุบันอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
สมัยนั้นหลวงปู่ขาว อนาลโยยังมีชีวิตอยู่ แต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว พูดน้อยหรือบางวันแทบจะไม่พูดเลย มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศเดินทางไปกราบหลวงปู่ไม่เคยขาด ผู้ที่คอยต้อนรับประชาชนในสมัยนั้นก็คือหลวงปู่บุญเพ็ง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น แม้หลวงปู่ขาวจะไม่พูดแต่คนก็ยังไปกราบนมัสการ สิ่งหนึ่งที่หลายคนพูดเหมือนกันคือ แม้หลวงปู่จะไม่พูด แต่ได้เห็นรอยยิ้มหลวงปู่แล้วรู้สึกอิ่มใจ เพราะหลวงปู่ขาวมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
ผู้เขียนแม้จะไม่เคยจำพรรษาที่วัดถ้ำกลองเพล แต่ก็มักจะหาเวลาไปพักที่วัดแห่งนี้อยู่เป็นประจำ เพราะมีเพื่อนบวชจำพรรษาที่วัดถ้ำกลองเพลหลายรูป กิจกรรมอย่างหนึ่งของวัดถ้ำกลองเพลที่พระภิกษุสามเณรแทบทุกรูปจะต้องถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติโดยไม่ต้องมีใครบอกนั่นคือการสรงน้ำหลวงปู่ขาว วันละหนึ่งครั้งตอนเย็นๆประมาณสี่ห้าโมงเย็น จะมีพระภิกษุมารวมกันที่กุฏิหลวงปู่ จากนั้นก็จะพากันสรงน้ำหลวงปู่ วันใดที่มีพระภิกษุหลายรูปก็เพียงแต่ได้สัมผัสกายหลวงปู่ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว การได้อยู่ใกล้ชิดกับพระสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมเป็นบุญอย่างหนึ่ง จำได้ว่าครั้งหนึ่งขณะที่พระภิกษุกำลังพยุงร่างของหลวงปู่ไปที่บริเวณสรงน้ำนั้น มีสิ่งหนึ่งหล่นออกมาจากร่างกายของหลวงปู่ ได้ยินเสียงพระภิกษุรูปหนึ่งบอกว่า “หลวงปู่ให้ของดีรีบเก็บไว้” ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เก็บไว้นั้นคืออะไร ภายหลังที่หลวงปู่มรณภาพแล้ว ท่านอาจารย์รูปนั้นซึ่งปัจจุบันก็มรณภาพแล้วเหมือนกันได้บอกกับผู้เขียนว่า “สิ่งที่เก็บไว้ในวันนั้นพอเปิดดูอีกทีกลายเป็นพระธาตุสีม่วงอ่อนๆ”
วันนั้นหลังจากที่กราบเจดีย์ของหลวงปู่ขาวแล้ว จึงได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดอุดรธานี จองตั๋วรถยนต์โดยสารประจำทางจุดหมายอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้เวลาออกเดินทางประมาณหนึ่งทุ่มตรง ในขณะที่เวลาในขณะนั้นพึ่งบ่ายสองโมงเท่านั้น จึงเดินทางรอเวลาที่วัดโพธิสมภรณ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ได้พบครูบาอาจารย์หลายรูป จากนั้นก็บอกให้รถยนต์ที่มาส่งเดินทางกลับ
วัดโพธิสมภรณ์ตั้งอยู่ข้างๆหนองประจักษ์ฯ ปัจจุบันมีพระอุดมญาณโมลี(จันทร์ศรี จนฺททีโป) เป็นเจ้าอาวาส มีเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานีอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ด้วย สมัยนั้นคือพระศรีธรรมวงศาจารย์(ปาน ธมฺสาโร) ภายหลังได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชเมธากร ปัจจุบันมรณภาพแล้ว และเจ้าคณะจังหวัดรูปใหม่ก็ยังอยู่ที่วัดนี้ปัจจุบันคือพระราชวราลังการ(สิงห์ อินฺทปญฺโญ)
ใกล้เวลาหนึ่งทุ่มจึงเดินทางไปที่สถานีขนส่งประจำจังหวัด ก่อนรถจะออกเพียงสิบห้านาที กำลังจะก้าวขึ้นรถ พลันก็มีทหารท่านหนึ่งเดินมาสะกิดข้างเบาๆพลางบอกว่า “หลวงพี่ครับ ผมขอแลกที่นั่งกับหลวงพี่ ผมรีบผมจะขอไปก่อน หลวงพี่ไปรถคันหลังก็แล้วกัน”รถอีกคันเป็นเพียงรถสำรองหรือหากจะบอกว่ารถคันแรกที่กำลังจะออกเดินทางเป็นรถปรับอากาศรถนอนชั้นหนึ่ง แต่รถอีกคันที่ทหารคนนั้นขอเปลี่ยนเป็นเพียงรถปรับอากาศธรรมดาทั้งเก่ามากด้วย และยังมีกำหนดออกเดินทางเวลาสองทุ่มครึ่งห่างกันถึงชั่วโมงครึ่ง เมื่อเห็นสภาพรถแล้วใครๆก็ต้องปฏิเสธ
ทหารคนนั้นบอกว่าผมจ่ายเงินเพิ่มให้ก็ได้ ผมรีบจริงๆ เด็กประจำรถก็พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้า ในทำนองว่าตกลงกันเองก็แล้วกัน ผู้เขียนเองก็ต้องไปให้ถึงเชียงใหม่ไม่เกินเที่ยงวัน เพราะมีงานสำคัญรออยู่เหมือนกัน จำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นวันนั้นเท่านั้น
จึงจำใจต้องเปลี่ยนรถ แต่ไม่ได้รับเงินจากทหารคนนั้นแต่อย่างใด ยังแอบคิดในใจอยู่ว่าที่อื่นก็ยังว่างทำไมอยากมานั่งตรงที่เรานั่งก็ไม่รู้ แต่เมื่อเขาบอกว่าจะรีบไป คงรีบจริงๆ ในที่สุดก็ยกที่นั่งเบาะหน้าหลังคนขับให้กับทหารคนนั้นเดินทางไปก่อน ส่วนผู้เขียนก็นั่งรออีกชั่วโมงครึ่ง รอคนคันที่เก่ากว่า พอรถเริ่มเคลื่อนยังเห็นทหารคนนั้นยกมือไหว้ในทำนองขอบคุณ
รถยนต์โดยสารคันที่ผู้เขียนโดยสารไปด้วยไปถึงลำปางแล้ว แต่รถที่ออกเดินทางก่อนยังมาไม่ถึง จึงต้องจอดรอ แต่รถจอดมานานเกือบชั่วโมงแล้ว รถก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อสอบถามจากคนขับรถ เขาบอกสั้นๆว่า “รถโดยสารคันที่ออกเดินทางมาก่อนนั้นประสบอุบัติเหตุ มีคนเสียชีวิตสองคนคือคนขับและทหารที่นั่งหลังคนขับ”
คนขับรถพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่ผู้เขียนขนลุกและหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เพราะที่เสียชีวิตนั้นก็คือทหารคนที่ขอแลกที่นั่งกับผู้เขียนนั่นเอง “ผมรีบผมขอไปก่อน”ถ้อยคำที่เขาบอกสั้นๆในตอนนั้นเหมือนกับจะสื่อความหมายว่า “ผมไปก่อนจริงๆ”
วันนั้นถ้าไม่คิดอยากจะไปกราบหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่วัดถ้ำกลองเพล ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมีคนรีบไปก่อนหรือไม่ ขอโทษวันนั้นอาตมาก็ไม่ได้อยากให้ทหารคนนั้นแลกที่นั่งและเดินทางไปก่อนจริงๆ แต่ที่ยอมแลกที่นั่งเพียงเพราะเขาบอกว่าเขาจะรีบไป เวลาของมนุษย์ได้มาไม่เท่ากัน แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานมากแล้วคิดขึ้นมาเมื่อใดก็ยังขนลุก คนเราไม่ถึงที่ตายไม่วายชีวาจริงๆ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
27/04/54