ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

               กรุงเทพฝนตกหนักมาสองวันแล้ว อากาศหนาวมากจนไม่อยากอาบน้ำ ที่ศาลายา นครปฐม อุณภูมิภายนอกหนาวเย็นกว่าอยู่ในห้องแอร์เสียอีก กระแสลมพัดแรง ฝนพรำตลอดทั้งวัน แต่ทว่าที่ห้องประชุมรัฐสภากลับร้อนระอุไปด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีหลายกระทรวง ที่ได้ฟังมากที่สุดคือกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเฉาะเรื่องเทคโนโลยีสามจีได้ฟังทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลโต้กันจนจบ ส่วนเรื่องอื่นๆไม่ค่อยได้ฟัง  
              เคยไปที่ร้านขายโทรศัพท์บอกว่าอยากได้โทรศัพท์ระบบสามจี เจ้าของร้านบอกว่า จะซื้อไปทำไม ไม่รู้ว่าภายในปี 2554 จะได้ใช้หรือไม่ เพราะบริษัททั้งหลายกำลังแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่รู้ใครจะเป็นผู้ชนะการประมูลและเป็นผู้ให้บริการ เขาบอกมาอย่างนั้นจึงต้องใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าที่ทำหายบนรถแท็กซี่ก็ยังมีคนนำมาส่งคืน มันคงเก่าจนไม่มีใครอยากได้แล้วหรือไม่ก็คนที่เก็บได้คงใจบุญจริงๆ

               คำว่า “สามจีหรือ 3G” มีคำอธิบายไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยสำนักงานปลัดกระทรวงสรุปว่า  “เทคโนโลยีสื่อไร้สายในยุคที่ 3 หรือ 3 จี นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และเทคโนโลยี ในปัจจุบันเข้าด้วยกันเช่นพีดีเอ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปและอินเตอร์เน็ต ทั้งยังจะมีการส่งผ่านข้อมูลมัลติมีเดียความเร็วสูง ซึ่งได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจากยุคเจเนอเรชั่นที่ 2 และ 2.5 ซึ่งจะมีเพียงบริการระบบเสียงและการส่งผ่านข้อมูลเท่านั้น แต่ 3 จีก้าวล้ำไปมากกว่ามีการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีภาพและเสียงเข้ากันอย่างลงตัว สำคัญคือการส่งผ่านข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วกว่าการส่งผ่านข้อมูลอินเตอร์เนตได้หลายสิบเท่า เทคโนโลยี 3 จี สามารถรับส่งข้อมูลที่ 384 กิโลบิตต่อวินาที สามารถรองรับการสื่อสารด้วยอินเตอร์เน็ตโปรโตคอลแบบเรียลไทม์ ซึ่งหมายถึงว่าผู้ใช้จะสามารถที่ผู้ใช้มือถือจะท่องอินเทอร์เน็ต และคุยโทรศัพท์ได้ในเวลาเดียวกัน ไม่เท่านั้นยังจะใช้บริการสื่อสารเสียงและภาพเคลื่อนไหว บริการกระจายภาพและเสียงไปยังหลายจุด อุปกรณ์ปลายทางหลากหลายขึ้น แม้เทคโนโลยีดังกล่าวจะยังมาไม่ถึงแต่เทคโนโลยี 3จีเป็นเรื่องใกล้ตัวที่กำลังจะอวดโฉมสู่คนไทยในเร็วๆนี้ (ที่มา:http://www.mict.go.th/ewt_news.php?nid=1189&filename=index

               อ่านแล้งยังงงๆต้องทดลองใช้ก่อนจึงจะเข้าใจชัดเจน แต่เมื่อใช้คล่องแทบทุกอย่างมาอยู่บนโทรศัพท์มือถือคงเห็นมนุษย์ในรูปแบบใหม่ๆอีกหลายอย่างที่จะมีผลตามมา เรื่องของเทคโนโลยีมีออกมาใหม่ๆแทบทุกวันตามไม่ค่อยทัน ฟังฝ่ายค้านอภิปรายบอกว่ารัฐมนตรีร่วมมือกับบริษัทด้านโทรคมมนาคมโกงและปล้นประชาชน ผลประโยชน์ไม่ลงตัวจึงไม่สามารถนำระบบสามจีออกมาใช้ได้ สส.ฝ่ายค้านยกเหตุผลต่างๆนานา โกงกันอย่างอย่างมีวิธีการอย่างไร ทำกันที่ไหน ใครได้ประโยชน์ ฟังแล้วน่าเชื่อถือ 
               ทางฝ่ายรัฐบาลก็บอกว่าเรื่องมันมีปัญหามาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆโน่น มิใช่เกิดในรัฐบาลชุดนี้ ต่างก็โยนกันไปกันมาฟังดูก็มีเหตุผล คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการคงรำคาญ เพราะต่างก็ยกตัวเลขเป็นหมื่นล้านแสนล้าน คนไม่ค่อยมีเงินอย่างชาวบ้านทั่วไปฟังแล้วคงปวดหัว ข้อกล่าวหาอย่างหนึ่งที่ฝ่ายค้านกล่าวหารัฐมนตรีท่านนี้คือเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มในที่ลับ เรื่องในที่ลับแสดงว่าเขาไม่อยากเปิดเผย
               มีภาษาที่ได้ยินบ่อยๆอยู่คำหนึ่งว่า “ที่รโหฐาน” หมายถึงในที่ลับ ในที่เปลี่ยว แต่เวลานำมาพูดเป็นภาษาไทยกลับฟังดูเหมือนที่ใหญ่โตโอฬาร คำว่า “รโห” เป็นอัพยยศัพท์ในภาษาบาลีแปลว่าอย่างลับๆ ในที่ลับ ในที่เปลี่ยว หากมีคนบอกว่าพบกันในที่รโหฐานนั่นหมายถึงพบกันในที่ลับอาจจะลับตา ลับหูหรือทั้งลับหูลับตาก็ได้

               พระพุทธศาสนามีสุภาษิตอยู่บทหนึ่งเกี่ยวกับความลับดังที่ปรากฎในอธิปไตยสูตร อังคุตรนิกาย ติกนิบาต (20/479/140) ความว่า “ขึ้นชื่อว่าความลับไม่มีในโลก สำหรับผู้ทำบาปกรรม ดูกรบุรุษ จริงหรือเท็จ ตัวของท่านเองย่อมจะรู้ได้ แน่ะผู้เจริญท่านสามารถที่จะทำความดีได้หนอ แต่ท่านดูหมิ่นตนเองเสีย อนึ่งท่านได้ปกปิดความชั่วซึ่งมีอยู่ในตนท่านนั้นซึ่งเป็นคนพาล ประพฤติตึงๆ หย่อนๆ อันเทวดาและพระตถาคตย่อมเห็นได้ เพราะฉะนั้นแหละ คนที่มีตนเป็นใหญ่ ควรมีสติเที่ยวไป คนที่มีโลกเป็นใหญ่ ควรมีปัญญาและเพ่งพินิจและคนที่มีธรรมเป็นใหญ่ ควรเป็นผู้ประพฤติโดยสมควรแก่ธรรม มุนีผู้มีความบากบั่นอย่างจริงจัง ย่อมจะไม่เลวลง อนึ่ง บุคคลใดมีความเพียร ข่มขี่มาร ครอบงำมัจจุ ผู้ทำที่สุดเสียได้แล้ว ถูกต้องธรรมอันเป็นที่สิ้นชาติ บุคคลผู้เช่นนั้น ย่อม เป็นผู้รู้แจ้งโลกมีเมธาดี เป็นมุนี ผู้หมดความทะยานอยากในธรรมทั้งปวง”
               อีกแห่งหนึ่งแสดงไว้ในสีลวีมังสชาดก ขุททกนิกาย ชาดก (27/518/130) ความว่า “ขึ้นชื่อว่าที่ลับ ย่อมไม่มีในโลกแก่คนผู้กระทำบาปกรรม ต้นไม้ที่เกิดในป่าก็ยังมีคนเห็น คนพาลย่อมสำคัญบาปกรรมนั้นว่า เป็นที่ลับ” ภาษาบาลีเขียนไว้ว่า “นตฺถิ โลเก รโห นาม  ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต  ปสฺสนฺติ วนภูตานิ      ตํ พาโล มญฺญเต รโห” อ้างไว้เผื่อมีคนอยากนำภาษาบาลีไปอ้าง  

               ทั้งฝ่ายค้านและรัฐมนตรีต่างก็บอกว่าเป็นเพื่อนรักกัน แต่เพราะหน้าที่จึงต้องมาทำหน้าที่เพื่อประชาชน ฟังดูจากเหตุผลแล้วดูดี แต่เพื่อนประเภทนี้ในพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คบเป็นเพื่อน เพราะเพื่อนจะต้องปิดความลับของเพื่อนดังที่แสดงไว้ในสขสูตร อังคุตรนิกาย สัตตกนิบาต(23/33/33) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงคบมิตรผู้ประกอบด้วยองค์เจ็ดประการคือมิตรผู้ให้ของที่ให้ได้ยาก รับทำกิจที่ทำได้ยาก อดทนถ้อยคำที่อดใจได้ยาก บอกความลับของตนแก่เพื่อน ปิดความลับของเพื่อน ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ เมื่อเพื่อนสิ้นโภคสมบัติก็ไม่ดูหมิ่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงคบมิตรผู้ประกอบด้วยองค์เจ็ดประการนี้แล” 
               ในทางการเมืองมีอมตวาจาอยู่คำหนึ่งว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” ในสภาฯพูดเหมือนโกรธกันมานาน และเหมือนกับจะไม่เผาผีกันตลอดชาติ แต่พอเลิกประชุมแล้วต่างก็นั่งกินข้าวด้วยกัน เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม นักการเมืองจึงเป็นบุคคลประเภทที่น่ากลัวที่สุด บางคนซ่อนดาบในรอยยิ้ม เห็นพูดดีก็อย่าพึ่งนึกว่าเขาพูดจริง เพราะจริงกับดีนั้นต่างกัน
               ฟังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายกันแล้วก็ยังสงสัยอยู่เหมือนเดิมว่า “อีกนานเท่าไหร่ประเทศไทยจึงจะได้เห็นเทคโนโลยีระบบสามจีซะที บ้านอื่นเมืองอื่นเขาทะลุไปถึงสี่จีกันแล้ว แต่คนไทยยังเถียงกันอยู่ว่าใครโกงใคร ใครเอื้อประโยชน์ให้ใคร หากรอให้ความลับเปิดเผย นักการเมืองพวกนี้คงไม่อยู่กันแล้ว ประชาชนเขาอยากเห็นอยากใช้ ส่วนเรื่องที่ว่าใครผิดใครถูกนั้นก็ต้องตรวจสอบตามกระบวนการกันต่อไป ความลับไม่มีในโลกหรอก ไม่เปิดเผยวันนี้ก็เปิดเผยในวันต่อๆไป

               ในการอภิปรายก่อนจบรัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีบอกว่า ประชาชนชาวไทยจะมีเทคโนโลยีสามจีใช้ภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ อันนี้ฟังจากคำอภิปรายของรัฐมนตรีและพิมพ์ตามเพื่อเป็นหลักฐานและจะคอยดู แต่ได้ยินข่าวแว่วๆว่านายกรัฐมนตรีจะยุบสภาก่อนเดือนพฤษภาคม อ้าวถ้าอย่างนั้นรัฐมนตรีท่านนี้ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้วนะซิ พอถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีในยุคสามจี อาจจะเป็นคนที่กำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกระทรวงนี้อยู่ก็ได้

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
17/03/54

 


 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก