ช่วงนี้คงไม่มีข่าวไหนที่จะโด่งดังและน่ากลัวมากไปกว่าข่าวสึนามิที่กำลังถล่มญี่ปุ่น และมีแนวโน้มว่าคลื่นยักษ์นี้จะมาถึงอินโดนีเซียและไทยในอีกไม่กี่วัน ดูภาพแล้วช่างน่ากลัวเสียจริง อาคารบ้านเรือนตึกรามบ้านช่องที่เกิดจากฝีมือมนุษย์กลับต้องจมหายไปพร้อมกับคลื่นยักษ์และจมหายไปในทะเล ชีวิตคนอีกหลายร้อยคนก็พลันหายไปด้วย ส่วนผู้ที่อยู่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทนยอมรับกับสภาพการสูญเสียได้มากน้อยแค่ไหน
ในวันเดียวกันนี้ก็มีข่าวการมรณภาพของพระเถระรูปหนึ่งคือสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ตามรายงานข่าวสรุปว่า “สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, ป.ธ. 9 ได้มรณภาพแล้ว เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 เวลา 01.00 น. ที่วัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร)เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ปัจจุบันได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี พ.ศ. 2535 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เกิดเมื่อวันที่ 11 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 ณ บ้านท่าหิน อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิริอายุรวม 88 พรรษา 68
ยังมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องบ้างก็ว่าสมเด็จฯได้เขียนวันมรณไว้ก่อนแล้ว แต่จากคำบอกเล่าของแม่ชีวัดชนะสงครามท่านหนึ่งบอกว่า “สมเด็จฯยังมีสติสมบูรณ์นัดญาติพี่น้องมาทำบุญก่อนวันมรณภาพเพียงหนึ่งวัน บอกลาสั่งเสียทุกอย่าง เหมือนกับจะรู้ว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน จากนั้นก็ดูท่านมีอาการสงบเหมือนคนที่เข้าใจชีวิต และปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ตามปกติสมเด็จจะพักที่ด้านนอก แต่วันนั้นท่านเข้าไปจำวัดที่ด้านในและหลับไปตลอดกาล”
จากกรณีที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามและกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มรณภาพนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงบ่ายจากวัดชนะสงคราม ในเวลาประมาณ 13.00 น. พระสงฆ์ในเขตปกครองหนกลาง 350 รูปรวมตัวที่วัดสามพระยาและเดินเท้ามายังวัดชนะสงคราม เพื่อสักการะศพ อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาสักการะศพจำนวนมาก โดยนายอิสระ พจนี อายุ 55 ปี ในฐานะหลานสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ได้มาร่วมกันทำบุญตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เพราะลูกศิษย์ได้โทรศัพท์ไปแจ้งญาติเมื่อวันที่ 9 มีนาคม โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ยังเรียกญาติไปสอนอีก ให้ยึดพรหมวิหาร 4 ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาก่อนมรณภาพมีสติตลอด และเวลา 24.00 น. วันที่ 10 มีนาคม เข้าจำวัด ระหว่างนี้พยาบาลเริ่มสังเกตว่าชีพจรเริ่มอ่อนลง จนกระทั่งเวลา 01.05 ชีพจรก็หยุดเต้น
มีเรื่องแปลกประหลาดว่าท่านเขียนข้อความไว้ในกระดาษด้วยลายมือว่า เกิด พ.ศ. 2466 และเว้นวรรคไว้ ตามด้วยปี 2554 ขึ้น 7 ค่ำวันที่ 11 พร้อมลงลายเซ็นไว้ กระดาษนี้เก็บไว้ใต้หมอน เมื่อก่อนมรณภาพลูกศิษย์ได้เล่าให้ตนฟังว่าท่านกล่าวว่า เราหมดหน้าที่แล้ว
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ชื่อว่าเป็นที่เคารพอย่างสูงในวงการคณะสงฆ์เพราะท่านพูดจริงทำจริง ไม่เห็นด้วยก็ไม่ยอมฝืนทำ จนวงการคณะสงฆ์ต่างก็รู้กันอย่างดีว่าหากสมเด็จฯวัดชนะไม่เอาด้วยแล้วงานนั้นอย่าฝืนทำ เพราะท่านจะไม่ให้การสนับสนุนเลย ได้ทราบข่าวท่านป่วยมานานแล้ว แต่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของคนที่มีอายุมากย่อมหนีความป่วยไข้ไปไม่พ้น สมเด็จฯวัดชนะเป็นพระเถระรูปหนึ่งที่ทำให้คณะสงฆ์มีความงดงาม
ในพระพุทธศาสนาได้แสดงถึงบุคคลที่ทำให้หมู่คณะงดงามไว้ในสังฆโสภณสูตร อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต (21/7/7) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลสี่จำพวกนี้ เป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับแนะนำดีแล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า เป็นพหูสูต เป็นผู้ทรงธรรม ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ย่อมยังหมู่ให้งามคือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลสี่จำพวกนี้แล เป็นผู้เฉียบแหลม ได้รับแนะนำดีแล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า เป็นพหูสูตเป็นผู้ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมยังหมู่ให้งาม
บทสรุปในสังฆโสภณสูตรเป็นคาถาประพันธ์ความว่า “บุคคลใด เป็นผู้ฉลาด แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ผู้ทรงธรรม ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคลเช่นนั้น เราเรียกว่าผู้ยังหมู่ให้งาม ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกและอุบาสิกา เป็นผู้มีศรัทธา สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นพหูสูตเหล่านี้แล ย่อมยังหมู่ให้งาม แท้จริงบุคคลเหล่านี้ เป็นผู้ยังหมู่ให้งาม”
วันนี้ตรงกับวันธรรมสวนะขึ้น 8 ค่ำเดือน 4 ขอเชิญฟังการบรรยายธรรมในสังฆโสภณสูตร และโลกวิปัตติสูตร โดยพระธรรมเมธาภรณ์(ระแบบ ฐิตญาโณ) ซึ่งได้ทราบว่าท่านป่วยเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ศิษยานุศิษย์โปรดติดตามหาข่าวเอาเอง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
12/03/54
ธรรมบรรยาย
สังฆโสภณสูตร: โดยพระธรรมเมธาภรณ์
{mp3}sangghasopon{/mp3}
โลกวิปัตติสูตร: โดยพระธรรมเมธาภรณ์
{mp3}lokkavipat{/mp3}