ชาวบ้านนิมนต์ไปสวดมนต์งานศพที่ชนบทแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด กว่าที่รถจะมารับก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว วันนั้นชาวบ้านบอกว่าไม่ต้องออกบิณฑบาต พวกผมจะถวายอาหารเอง ตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงวัน ความหิวเข้าครอบงำพอสมควร เห็นพระภิกษุอีกสี่รูปนั่งกระวนกระวายด้วยความรุ่มร้อนภายใน จึงบอกท่านไปว่า ให้อดทนหน่อย และบอกด้วยคำสั้นๆว่า “ทนได้ ใจเย็น เป็นสุข”แต่ทว่าเจ้าความหิวไม่ปราณีใคร วันนั้นจึงเข้าใจคำโบราณที่ว่า “คนหิวมองเห็นช้างตัวเท่าหมู”
ไปถึงงานเริ่มพิธีและถวายภัตตาหารเพล ด้วยความหิวเห็นอาหารในจานมีเพียงน้ำพริกกับเนื้อแห้ง ผักลวก พร้อมด้วยแกงเนื้อชนิดหนึ่งและผลไม้อีกสองสามอย่าง แต่ดูเหมือนว่าอาหารในวันนั้นอร่อยเป็นพิเศษ ความจริงไม่ต้องกินยาบำรุงร่างกายแต่ประการใด เพียงปล่อยให้หิวเท่านั้น ความหิวเป็นยาเจริญอาหารที่ดีที่สุดประการหนึ่ง ขณะที่กำลังฉันอาหารชาวบ้านหลายท่านมีอาการเมาสุรามานั่งคุยด้วย คนที่เคยคุยกับขี้เมาคงเข้าใจ คนหนึ่งกำลังหิว แต่อีกคนกำลังเพลินคุยไม่ยอมหยุด ส่วนมากจะเป็นเรื่องโอ้อวดถึงความเก่งของตนเอง
คนบางคนทำตนให้เดือนร้อนแล้วไม่พอ ยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย คิดถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แสดงแก่เปสสะไว้ตอนหนึ่งในกันทรกสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ (13/4/3)ความว่า “ดูกรเปสสะ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ก็สิ่งที่รกชัฏคือมนุษย์ สิ่งที่ตื้นคือสัตว์ ดูกรเปสสะ บุคคลสี่จำพวกนี้มีอยู่ หาได้อยู่ในโลกคือ(1)บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำตนให้เดือดร้อน ประกอบการขวนขวายในการทำตนให้เดือดร้อน (2)ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ประกอบความขวนขวายในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อน(3) บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำตนให้เดือดร้อน และประกอบความขวนขวายในการทำตนให้เดือดร้อน ทำผู้อื่นให้เดือดร้อนและประกอบความขวนขวายในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อน (4)ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ประกอบความขวนขวายในการทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ไม่ประกอบความขวนขวายในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อน
บุคคลผู้ไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อนนั้น ไม่มีความหิว ดับสนิท เป็นผู้เย็น เสวยแต่ความสุข มีตนเป็นดังพรหมอยู่ในปัจจุบัน ดูกรเปสสะ บรรดาบุคคลสี่จำพวกนี้ จำพวกไหนจะยังจิตของท่านให้ยินดี
นายเปสสะกราบทูลว่า “พระพุทธเจ้าข้า บุคคลผู้ทำตนให้เดือดร้อน ประกอบความขวนขวายในการทำตนให้เดือดร้อนนี้ ไม่ยังจิตของข้าพระพุทธเจ้าให้ยินดีได้ แม้บุคคลผู้ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ประกอบความขวนขวายในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ก็ไม่ยังจิตของข้าพระพุทธเจ้าให้ยินดีได้ แม้บุคคลทำตนให้เดือดร้อน และประกอบความขวนขวายในการทำตนให้เดือดร้อน ทำผู้อื่นให้ เดือดร้อน และประกอบความขวนขวายในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ก็ไม่ยังจิตของข้าพระพุทธเจ้าให้ยินดีได้ ส่วนบุคคลผู้ไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ประกอบความขวนขวายในการทำตนให้ เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ไม่ประกอบความขวนขวายในการทำผู้อื่นให้เดือดร้อน บุคคลผู้ไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน ไม่มีความหิว ดับสนิท เป็นผู้เย็น เสวยแต่ความสุข มีตนเป็นดังพรหมอยู่ในปัจจุบัน บุคคลนี้ย่อมยังจิตของข้าพระพุทธเจ้าให้ยินดี
วันนั้นกลับถึงวัดก็ได้แต่คิดถึงคนสี่ประเภทนี้ ชาวบ้านเหล่านั้นตั้งใจจะทำบุญอุทิศให้คนตาย แต่กลับเลี้ยงสุรายาเมา จากนั้นก็หาเรื่องชกต่อยกัน บางคนบาดเจ็บ ในบุคคลสี่จำพวกนั้นมีแต่บุคคลประเภทสุดท้ายเท่านั้นที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ เพราะไม่ทำตนให้เดือดร้อนและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ซึ่งบุคคลประเภทนี้หายากขึ้นทุกวันในโลกที่เต็มไปด้วยการก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันนี้ และยังมีเครื่องมือที่หลอกล่อให้คนหลงขายเต็มท้องตลาด อยู่ในโลกนี้จึงต้องทำใจให้ได้ “หากทนไม่ได้ ใจไม่เย็น ก็เป็นทุกข์” แต่หากฝึกฝนมองโลกอย่างเข้าใจธรรมชาติของโลกแล้ว ก็จะเกิดเป็นขันติธรรมคือความอดทนได้ในทุกสภาพ เมื่อนั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่ “ทนได้ ใจเย็น เป็นสุข” ในทุกสถานการณ์
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
07/03/54