ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

            ก่อนออกพรรษาได้ไม่กี่วันผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัช หอมทวนลม อาจารย์ประจำคณะศาสนาและปรัชญามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยเอ่ยชวนว่าไปศรีลังกาไหม จึงเอ่ยถามกลับไปว่าไปวัดที่มีพระเขี้ยวแก้วหรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบว่าไปแน่นอน จึงรับปากในทันที จากนั้นจึงเริ่มเก็บเงินจนเพียงพอเป็นค่าเดินทาง และได้ฤกษ์เดินทางในวันนี้ซึ่งอยู่ในปลายเดือนธันวาคมใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกที ได้โอกาสไปฉลองปีใหม่ที่ศรีลังกาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ 


            เหตุผลข้อเดียวจริงๆคือต้องการไปสักการะพระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วที่ประดิษฐานที่วัดมัลลิกาดาลดาหรือวัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระทันตธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเขี้ยวแก้วเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์ โดยมีหลักฐานความเชื่อตามพระคัมภีร์มหาวงศ์ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่สำคัญเล่มหนึ่งของลังกาบันทึกไว้ว่า "พระทันตธาตุหลังจากการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ มีอยู่ด้วยกัน 4องค์คือองค์ขวาบนประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์เกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ องค์ขวาล่าง อยู่ที่แคว้นคันธารราษฎร์คือประเทศปากีสถานในปัจจุบันและได้หายสาบสูญไปแล้ว องค์ซ้ายล่างอยู่ที่นาคพิภพบาดาล และสุดท้ายคือองค์ซ้ายบนประดิษฐานที่เกาะลังกา" 

 

            ชาวลังกาเชื่อกันว่าลังกาได้รับพระทันตธาตุจากเจ้าชายทันตกุมารกับเจ้าหญิงเหมะมาลาแห่งนครกาลิงคะในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าสิริเมฆวรรณซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองลังกาในช่วงปีพุทธศักราช 844 -874 ในแต่ละปีจะมีพิธีฉลองพระทันตธาตุและพิธีแห่พระบรมสารีริกธาตุ หากพูดถึงลังกาเมื่อใดก็จะนึกได้สองเรื่องคือพระเขี้ยวแก้วและพระบรมสารีริกธาตุ นัยว่าลังกามีจำนวนมากและมอบให้กับประเทศต่างๆไว้สักการะบูชาเป็นประจำ วัดมัชฌันติการามก็ได้รับมอบพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุจากวัดอมรปุระ ศรีลังกาประดิษฐานไว้ให้ประชาชนได้สักการะภายในพระอุโบสถ
            ปัญหาที่ค้างคาใจของใครหลายคนคือพระบรมสารีริกธาตุเหล่านี้มาจากไหนเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นของจริง มีวิธีพิสูจน์หรือไม่อย่างไร คำถามนี้เคยมีคนถามแต่ว่าแม้จะตอบไปแล้วแต่ก็ยังมีคนสงสัย เมื่อมีคนถามบ่อยๆเข้าคนตอบก็เริ่มจะไม่แน่ใจเกิดความสงสัยขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว แม้จะสงสัยแต่ก็ยังกราบไหว้ ถึงจะเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาแต่เมื่อเป็นสิ่งที่ทำให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าก็ยังเป็นบุญ แม้แต่พระพุทธรูปก็สร้างมาจากหิน ดิน ไม้หรือโลหะธรรมดานี่แหละแต่เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า เราไม่ได้ไหว้หิน ดินทราย แต่ไหว้คุณธรรมของพระพุทธเจ้าต่างหาก

           จำได้ว่าครั้งหนึ่งนานหลายปีมาแล้วเมื่อครั้งที่ไปคารวะเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี อดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิตสถิตมหาสีมาราม ในโอกาสที่เจ้าประคุณได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะ วันนั้นมีพระนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยหลายท่าน เจ้าประคุณสมเด็จแจกพระบรมสารีริกธาตุแก่ผู้ที่ไปแสดงมุทิตาสักการะ จำได้ว่าวันนั้นมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งเปรยขึ้นเบาๆว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุของจริงหรือ ทำไมมากมายอย่างนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ชะงักหยุดแจกชั่วคราว พลางพูดออกมาดังๆว่า ใครไม่เชื่อก็อย่าเอา บางอย่างไม่ควรคิดมาก แต่วันนั้นทุกท่านได้รับแจกมาหมดทุกรูป

              เหตุการณ์นั้นผ่านมานานแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธปาพจนบดีก็มรณภาพไปหลายปีแล้ว พระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับแจกในวันนั้นก็ได้แจกต่อให้คนอื่นไปหมดแล้ว แต่วันหนึ่งผู้ที่ได้รับแจกพระบรมสารีริกธาตุในวันนั้นโทรศัพท์มาถามว่าเคยเปิดดูพระบรมสารีริกธาตุหรือยัง เขาบอกว่าตอนนี้พระธาตุที่ผมได้รับแจกในวันนั้นเต็มผอบแล้ว
              พระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งไว้สักการะภายในพระอุโบสถวัดมัชฌันติการามรวมถึงพระอรหันตธาตุของพระอรหันต์องค์อื่นๆอีกหลายองค์เช่นพระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระสีวลี เป็นต้นเฝ้าสังเกตุดูมาหลายปีก็ไม่เคยเห็นว่าพระธาตุเหล่านั้นจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น มีเท่าไหร่ก็ยังคงอยู่เท่าเดิม พระธาตุซึ่งเป็นวัตถุเป็นสิ่งไม่มีชีวิตจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นได้อย่างไร 

             มีคำที่ใช้เรียกพระธาตุของพระพุทธเจ้าอยู่สองคำคือ  “พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ” ปัจจุบันมีความหมายต่างกันคือพระบรมสารีริกธาตุหมายถึงพระธาตุส่วนย่อยที่บังเกิดแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ ไม่ได้เป็นคำที่ใช้เรียก พระธาตุของพระอรหันตสาวกหรือพระธาตุเจดีย์ต่างๆ ส่วนคำว่า “พระธาตุ”หมายถึง กระดูกหรือส่วนของร่างกายต่างๆ เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง โลหิต เป้นต้นที่มีคุณลักษณะเป็นที่แตกต่างจากสามัญชนทั่วไป โดยมีลักษณะหลายอย่างพระอรหันต์บางรูปกระดูกกลายเป็นพระธาตุมีลักษณะเหมือนแก้วใส เป็นต้น พระเถระในประเทศไทยที่กระดูกกลายเป็นพระธาตุมีหลายองค์เช่นหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นต้น พระธาตุของแต่ละองค์อาจจะมีลักษณะแตกต่างกัน (พระทั่วไปเรียกรูป แต่พระอรหันต์เรียกองค์)

           ในพระไตรปิฎกบางแห่งใช้พระธาตุ บางแห่งใช้พระสารีริกธาตุไม่ได้แยกกันเหมือนในปัจจุบัน แต่ขอเข้าใจว่าพระบรมสารีริกธาตุหมายถึงอัฏฐิหรือกระดูกของพระพุทธเจ้าโดยตรง ส่วนพระธาตุอาจจะหมายถึงอัฏฐิหรือกระดูกของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันตสาวกองค์อื่นๆก็ได้ 
            ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค (10/159/132) ใช้คำว่า "พระธาตุ" ภายหลังจากที่มีการถวายพระเพลิงพระบรมศาสดาเสร็จแล้วที่ประชุมในวันนั้นได้มอบหมายให้โทณพราหมณ์เป็นตัวแทนในการแบ่งพระธาตุของพระพุทธเจ้า โทณพราหมณ์ได้แบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาค ออกเป็นแปดส่วนเท่ากันเรียบร้อย จึงกล่าวกะหมู่คณะเหล่านั้นว่า ดูกรท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย ขอพวกท่านจงให้ตุมพะนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจักกระทำพระสถูป และกระทำการฉลองตุมพะบ้าง ทูตเหล่านั้นได้ให้ตุมพะแก่โทณพราหมณ์” พอแบ่งเสร็จยังมีกษัตริย์โมริยะเมืองปิปผลิวันมาทีหลัง จึงได้พระอังคาร(ขี้เถ้า) ไปบูชาแทน 
           กษัตริย์แต่ละเมืองจึงได้ก่อสถูปเจดีย์บรรจุพระธาตุของพระพุทธเจ้าดังข้อความในมหาปรินิพพานสูตร(10/162/132) ความว่า  “ครั้งนั้นพระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่า อชาตศัตรู เวเทหีบุตรได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในพระนครราชคฤห์ พวกกษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลีก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวสาลี พวกกษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกบิลพัสดุ์ พวกกษัตริย์ถูลีเมือง อัลกัปปะ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองอัลกัปปะ พวกกษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองรามคาม พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะก็ได้ กระทำพระสถูป และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวฏฐทีปกะ พวกเจ้ามัลละเมืองปาวา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองปาวา พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกุสินารา โทณพราหมณ์ ก็ได้กระทำสถูปและ  การฉลองตุมพะ พวกกษัตริย์โมริยะเมืองปิปผลิวัน ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระอังคารในเมืองปิปผลิวัน”    

            พระธาตุของพระพุทธเจ้าจึงแบ่งให้กษัตริย์แต่ละเมืองไปบรรจุในสถูปเพื่อสักการะบูชารวมแล้วมีสิบแห่งตามความในมหาปรินิพพานสูตรว่า(10/162/132)  “พระสถูปบรรจุพระสรีระมีแปดแห่ง เป็นเก้าแห่งทั้งสถูปบรรจุตุมพะ  เป็นสิบแห่งทั้งพระสถูปบรรจุพระอังคาร ด้วยประการฉะนี้ การแจกพระธาตุและ  การก่อพระสถูปเช่นนี้เป็นแบบอย่างมาแล้ว”
            พระธาตุของพระพุทธเจ้าได้รับการบรรจุในสถูปเจดีย์หมดแล้ว แต่ในปัจจุบันก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้เห็นอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งได้มาจากศรีลังกา ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นของจริง พระธาตุเหล่านั้นจะมาจากไหนกัน อีกอย่างในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ระบุไว้เลยว่ากษัตริย์ลังกาหรือสีหลได้รับการแจกพระธาตุของพระพุทธเจ้าในครั้งที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานเลย แต่มีอ้างไว้ในหนังสือปฐมสมันตปาสาทิกาแปล ภาค 1 หน้าที่ 141สรุปว่าพระเจ้าอโศกมหาราชได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุเต็มบาตรแก่สามเณรสุมนาซึ่งเป็นพระนัดดาของพระเจ้าอโศก สามเณรสุมนายังได้ไปทูลขอพระรากขวัญข้างขวา(กระดูกไหปลาร้า)มาจากท้าวสักกระเทวราชเพื่อนำไปยังสักการะที่เกาะสีหล ถวายแด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะและพระองค์ก็ทรงให้สร้างเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้เพื่อเคารพบูชา ลังกายังมีที่มาให้อ้างอิง 
            แต่ประเทศไทยยังไม่เคยอ่านคัมภีร์ที่อ้างถึงที่มาที่ไปของพระบรมสารีริกธาตุใครมีข้อมูลโปรดบอกเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยเถิด แต่ทำไมจึงมีพระบรมสารีริกธาตุให้เห็นจำนวนมากมายเหลือเกิน หน้าวัดมหาธาตุถึงกับมีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุมาวางขายกันเลยทีเดียว ใครอยากได้สีอะไรเลือกซื้อได้ตามชอบใจ 

            ในธาตุภาชนียกถาว่าด้วยการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ  ขุททกนิกาย อปทาน พุทธวงศ์(33/28/368)มีกล่าวถึงการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในสถูปสิบแห่งเหมือนกัน แต่มีข้อความเพิ่มเข้ามาอีกว่าผ้าปัจจัตถรณะ(ผ้าปูนอน)ของพระพุทธเจ้าอยู่ในสีหฬ ดังข้อความว่า “พระทาฐธาตุข้างหนึ่งอยู่ในดาวดึงสพิภพ ข้างหนึ่งอยู่ในนาคบุรี ข้างหนึ่งอยู่ในเมืองคันธารวิสัย ข้างหนึ่งอยู่ในเมืองกาลิงคราช พระทันตธาตุสี่สิบ พระเกศธาตุและพระโลมาทั้งหมด เทวดานำไปไว้ในจักรวาลหนึ่งๆ จักรวาลละอย่าง บาตรไม้เท้าและจีวรของพระผู้มีพระภาค อยู่ในวชิรานครสงบอยู่ในกุลฆรนคร ผ้าปัจจัตถรณะอยู่ในสีหฬ ธมกรกและประคตเอว อยู่ในนครปาฏลิบุตร ผ้าอาบน้ำอยู่ในจำปานคร อุณณาโลมอยู่ในแคว้นโกศล ผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ในพรหมโลก ผ้าโพกอยู่ในดาวดึงส์(รอยพระบาทอันประเสริฐที่หิน เหมือนมีอยู่ที่กัจฉตบุรี) ผ้านิสีทนะอยู่ในอวันตีชนบท ผ้าลาดอยู่ในดาวดึงส์ ไม้สีไฟอยู่ในมิถิลานครผ้ากรองน้ำอยู่ในวิเทหรัฐ มีดและกล่องเข็มอยู่ในอินทปัตถนคร ในกาลนั้น บริขารที่เหลือ อยู่ในชนบทสามแห่งในกาลนั้น หมู่มนุษย์ในกาลนั้นจักบูชาบริขารที่พระมุนีทรงบริโภค พระธาตุของพระโคดมผู้แสวงหาคุณอันใหญ่หลวง กระจายแผ่กว้างไป เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลายเป็นของเก่าในกาลนั้นฉะนี้แล"แต่ยังหาประวัติสถูปเจดีย์ที่บรรจุผ้าปูนอนของพระพุทธเจ้าไม่พบว่าปัจจุบันอยู่ที่ไหน  
            ข้อความเกี่ยวกับพระธาตุในพระไตรปิฎกคงมีอีกหลายแห่งที่ยังค้นหาไม่พบ เรื่องบางอย่างในพระพุทธศาสนานั้นคิดมากไม่ได้ เพราะยิ่งหาเหตุผลมาอ้างอิงตามหลักตรรกศาสตร์ก็ยิ่งทำให้ปวดหัวบางคนอาจจะคิดมากจนกลายเป็นบ้าเสียสติไปก็ได้ พระพุทธเจ้าจึงแสดงว่าในโลกนี้มีเรื่องที่ไม่คิดควรตามหลักเหตุผลอยู่สี่เรื่องดังที่แสดงไว้ในอจินติตสูตร  อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต(21/77/79) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตยสี่ประการนี้อันบุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิดพึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อนคือพุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน  วิบากแห่งกรรม  ความคิดเรื่องโลก  ดูกรภิกษุทั้งหลายอจินไตยสี่ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน” เรื่องบางเรื่องหากคิดแล้วหาคำตอบไม่ได้ก็ควรเลิกคิดชีวิตจะได้สงบบ้าง

            เรื่องของพระบรมสารีริกธาตุและพระทันตธาตุก็จัดอยู่ในเรื่องพุทธวิสัยของพระพุทธเจ้านั่นเอง พยายามเลิกคิดเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่พอได้เรียนตรรกศาสตร์ว่าด้วยศาสตร์แห่งเหตุผลแล้วอดคิดไม่ได้ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งอัศจรรย์ใจหาคำตอบไม่ได้สักทีว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ความสงสัยเป็นอาวุธสำคัญของนักคิดและนักปรัชญาก็จริงอยู่ แต่ในทางพระพุทธศาสนาคนที่คิดมากไม่แน่ว่าจะเป็นนักปราชญ์เสมอไป บางทีคนที่คิดมากอาจเป็นบ้าโดยไม่รู้ตัวก็ได้
            พระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุที่ประเทศศรีลังกาจะเป็นของจริงหรือไม่ มีความศักดิสิทธิ์จริงตามคำเล่าลือหรือไม่นั้นไม่อาจทราบได้ แต่วันนี้ได้เวลาที่จะเดินทางไปสักการะให้เห็นกับตาตนเองเสียที เอาละได้เวลาออกเดินทางไปศรีลังกาแล้ว ได้เรื่องประการใดจะกลับมาเล่าให้ฟัง


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
21/12/53

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก