สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน“การประชุมระดับโลกครั้งที่ 3 เรื่องพระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ในสภาวการณ์ปัจจุบัน”ที่วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นครปฐม เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช งานเริ่มตั้งแต่เช้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงร่วมฟังปาฐกถาจากเช้าจึงถึงบ่าย ท่ามกลางพระสงฆ์ นักการศาสนา และนักวิชาการจากทั่วโลก
ในการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะทำให้ผู้เข้าประชุมได้ตระหนักถึงศักยภาพของพระพุทธศาสนาที่จะเกื้อกูลต่อวิทยาการแขนงต่างๆเช่นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ประสาทวิทยา จิตวิทยา เศรษฐศาสตร์และการจัดการ ซึ่งจะช่วยลดช่องว่าระหว่างพระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์สังคมลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ นักวิชาการทางพระพุทธศาสนาและผู้ปฏิบัติธรรมไม่มีอคติต่อกันและกันและหันมาร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อค้นหาทางที่จะช่วยมนุษย์ให้มีสภาวะความเป้นอยู่ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นตามมา นอกจากนั้นการมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ยังจะช่วยให้พุทธศาสนิกชนเองซาบซึ้งในคุณค่าของพระพุทธศาสนามากขึ้น และรู้วิธีที่จะนำการค้นพบทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีทางสังคมศาสตร์มาใช้ประโยชน์ในการอธิบายคำสอนในพระพุทธศาสนาให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย”
หากดูตามวัตถุประสงค์แล้วต้องบอกว่างานนี้ยิ่งใหญ่มาก พระพุทธศาสนาอยู่ท่ามกลางศาสตร์ต่างๆ หากเป็นไปตามวัตถุประสงค์ต่อไปในอนาคตศาสตร์ทุกศาสตร์สามารถนำมาอธิบายตามหลักแห่งพระพุทธศาสนาได้ หรือพระพุทธศาสนาสามารถอธิบายและเชื่อมโยงกับศาสตร์อื่นๆได้หมด ถ้าเป็นไปตามนี้พระพุทธศาสนาก็จะไม่โดดเดี่ยว เพราะมีเพื่อนคือศาสตร์ต่างๆอีกมากที่จะคอยเชื่อมสัมพันธไมตรีมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นวัตถุประสงค์ของการจัดงานระดับโลกที่น่าสนใจ
เริ่มต้นงานด้วยการปาฐกถาพิเศษโดยศาสตราจารย์เกียรติคุณเดนิส โนเบิล จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเรื่อง “Convergence between Science and Buddhism in the Music of Life ดนตรีแห่งชีวิต: จุดร่วมกันของพระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์” ส่วนสาระสำคัญของปาฐกถาในเรื่องนี้พยายามอ่านแล้วแต่ยังไม่เข้าใจ นั่งฟังอย่างเดียว เหมือนจะรู้แต่ไม่รู้ มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียวแต่ไม่มีความรู้ทางด้านดนตรีมาก่อนเลย
จากนั้นฟังการปาฐกถาเรื่อง “Buddhism and Science: What Makes us Human พระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์: อะไรทำให้เราเป็นมนุษย์” โดย ดร.อลัน วอลเลช ผู้อำนวยการ สถาบันจิตศึกษาซานตา บาร์บารา สหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาพุทธทิเบต เรื่องนี้ก็ยังฟังแล้วไม่เข้าใจ
ศาสตราภิชาน ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “Buddhism and Sustainable Development พระพุทธศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืน” ภาคเช้าปิดการประชุมโดยปาฐกถาพิเศษของศาสตราจารย์คริสโตเฟอร์ ทูมาซู ผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรรมชีวการแพทย์อิมพิเรียล คอลเลจ ลอนดอน เรื่อง “ Bionic Man and Morality มนุษย์ไบโอนิคและศีลธรรม”
นั่งฟังการบรรยายของท่านศาสตราจารย์ทั้งหลายทั้งมึนทั้งงง เพราะการปาฐกถาทั้งหมดใช้ภาษาอังกฤษล้วนๆ ไม่มีใครแปลเป็นไทยเลย วันนี้คิดได้เพียงอย่างเดียวว่าหากสามารถฟังจนจบตอลดทั้งวันได้ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะแต่ละเรื่องแทบจะไม่เคยศึกษามาก่อนเลย อย่างเช่นมนุษย์ไบโอนิคยังนึกภาพไม่ออกว่าจะเกี่ยวพันกับศีลธรรมได้อย่างไร มนุษย์ตามทัศนะของวิทยาศาสตร์และตามทัศนะของพระพุทธศาสนาจะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร
ยังมีการประชุมภาคบ่ายอีกลองฟังหัวข้อดูก่อนเช่น “The Origin and End of the Universe, Mind Brain Spiritual Experience เป็นต้น การประชุมครั้งนี้มีสองวันยังมีหัวข้อปาฐกถา บรรยาย การเสนองานวิจัย การประชุมกลุ่มอีกหลายหัวข้อ งานนี้เขาเชิญผู้เข้าร่วมงานแบบเจาะจงหรือไม่ก็สมัครไปก่อน เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามได้รับการชักชวนจากพระมหา ดร.วิโรจน์ มหาวีโร ให้ไปเป็นเพื่อน เนื้อหาว่าอย่างไรนั้นต้องรอท่านอาจารย์ ดอกเตอร์ถอดความเป็นภาษาไทยก่อน จึงจะนำเสนอในโอกาสต่อไป
นอกจากนั้นยังได้รับมอบหมายจากพระครูธีรสารปริยัติคุณ (ดร.) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศให้เข้าร่วมประชุมในนามมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยตามคำสั่งของอธิการบดีอีกด้วย เพราะท่านรองอธิการบดีฯจะไปประชุมสนทนากลุ่มเรื่อง “แนวทางการปฏิรูปประเทศไทยภายใต้กระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่จัดขึ้นที่ถนนแจ้งวัฒนะ
ในการประชุมครั้งนี้อย่างน้อยที่สุดก็ได้รับรู้ว่านักวิชาการทั้งหลายได้พยายามเชื่อมโยงพระพุทธศาสนากับศาสตร์ต่างๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างกัน โดยได้ระบุไว้ในประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับไว้ว่า “ผู้เข้าร่วมประชุมได้เรียนรู้และมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความรู้ในพระพุทธศาสนาและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ นำไปสู่ความร่วมมือกันในการบูรณาการความรู้เข้าด้วยกันเพื่อสร้างเอกภาพให้แก่องค์ความรู้ที่มีอยู่และเพื่อความผาสุกของมนุษยชาติ”
ผู้เข้าร่วมประชุมจึงมีนักวิชาการทั้งพระสงฆ์ นักวิชาการจากทั่วโลก เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามเป็นพระธรรมดาเป็นพระระดับชาวบ้านหรือพระบ้านนอกแต่เข้าประชุมพระพุทธศาสนาระดับโลก ดังนั้นความรู้บางอย่างจึงเพียงแค่รับรู้ได้แต่ยังไม่เข้าใจ ต้องใช้เวลาอีกสักพัก ทุกศาสตร์ในโลกนี้ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ หากศึกษาไม่หยุดไม่นานก็รู้ได้เอง
ข้อมูลโดยละเอียดศึกษาได้จาก http://www.wcbsthailand.com/
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
01/12/53