ประเพณีวันลอยกระทงผ่านพ้นไปแล้วทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เปิดโทรทัศน์ดูการถ่ายทอดแข่งขันกีฬาเอเซี่ยนเกมส์ นักกีฬาไทยก็มีฝีมือใช้ได้ สามารถสู้กับนักกีฬาชาติอื่นๆได้อย่างสูสีแต่กีฬาบางอย่างสู้ไม่ได้จริงๆก็ต้องยอมรับ โดยเฉพาะกีฬาวอลเลย์บอล นักกีฬาจีนแต่ละคนสูงเกือบสองร้อยเซนติเมตร ตบแต่ละทีสะท้านสะเทือน ชาติใดที่เอาชนะได้ถือว่าเก่ง เปิดไปที่ช่องเจ็ดสีกำลังเสนอละครเรื่องนักสู้พันธ์ข้าวเหนียวดูแล้วเพลินดี ละครไทยดูเพื่อความเพลิดเพลินอย่างเดียวเรื่องความสมจริงเป็นประเด็นรองลงไป
สิ่งหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับเทศกาลลอยกระทงคือประทัด แม้ทางราชการจะห้ามแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีคนเล่น ในแต่ละปีจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัดหลายคน บางคนอาจโชคร้ายถึงขั้นพิการไปเลยก็มี ได้ยินเสียงประทัดดังเมื่อไหร่ พลันกลับต้องคิดไปถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบเล่นประทัดเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งในช่วงเทศกาลออกพรรษาเรื่อยมาจนหมดหน้ากฐิน สมัยก่อนใช้ไม้ไผ่ใส่น้ำและแก๊สลงไปเขย่าให้เกิดไอจากนั้นก็จุดไฟ จะมีเปลวงไฟสีแดงเข้มปรากฎขึ้นที่ปลายกระบอกพร้อมกับเสียงดัง “ตูมๆๆ” บางคนจุดได้ทั้งวัน เหมือนกับโลกหมุนกลับกฐินไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ไปพบพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังจุดประทัดจากกระบอกไม้ไผ่ ส่งเสียงตูมๆตลอดทั้งวัน
เจ้าเพื่อนคนนั้นอกจากชอบเล่นประทัดแล้วยังชอบต่อยตีชอบหาเรื่องชกต่อยกับคนอื่นๆเสมอ จนเพื่อนๆต่างก็เรียกแกว่า “จังโก้” หากไม่หาเรื่องคนอื่นก็ต้องหาเรื่องเล่นแปลกๆ โดยเฉพาะช่วงออกพรรษา ที่ชนบทชอบเล่นประทัดและโคมไฟ จังโก้มีวิธีการเล่นประทัดที่แปลกและแหวกแนวจากคนอื่นๆ แกจะจับคางคกที่ชอบออกมากระโดดโลดเต้นในคืนเดือนหงาย จากนั้นก็นำประทัดยัดใส่ปากคางคก แล้วจุดที่ไส้ประทัด คางคกก็จะคาบประทัดกระโดดหนีตามธรรมชาติ ไฟก็จะค่อยไหม้ไส้ประทัดไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเมื่อเสียงประทัดดังขึ้นคางคกจะแหลกลาญ เพราะทนแรงระเบิดของประทัดไม่ไหว บางตัวขาขาด บางตัวไส้ทะลัก บางตัวไม่มีซากเหลือให้เห็นเลย
จังโก้ก็จะหัวเราะอย่างชอบใจพลางเรียกคนอื่นๆมาดู ในแต่ละวันคางคกจะตายไปหลายตัวด้วยความทรมาน แต่จังโก้มีความสุขซึ่งเกิดจากความทุกข์ของสัตว์อื่น แม้เพื่อนคนอื่นๆจะพยายามห้ามอย่างไร จังโก้ก็ยังชอบเล่นประทัดจับใส่ปากคางคกไม่เคยเลิกลา ตอนหลังๆจุดประทัดใส่โอ่ง พอจุดทีก็กลายเป็นสะเก็ดระเบิดย่อมๆ โดนใครเข้าอาจได้รับบาดเจ็บหรือพิการได้
ในงานออกพรรษาปีหนึ่งจังโก้ก็ยังคงเล่นประทัดตามแบบฉบับดั้งเดิมของเขา คางคก กบ ถูกจังโก้ใส่ประทัดเข้าไปในปากและจุดประทัด เมื่อหาสัตว์ที่จะทรมานเล่นไม่ได้ จังโก้จึงหันไปหาขวด กะละมัง โอ่ง เป็นที่จุดประทัดแทน วันนั้นเสียงประทัดยังคงดังไม่ขาดสาย เพราะต่างคนต่างก็เล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่มีใครสนใจใคร
จังโก้ถูกเศษขวดแก้วที่แกใส่ลงไปในโอ่งแตกปะทะเข้าทั่วร่างกลายเป็นสองแรงบวก มีรอยแผลและเลือดไหลอาบไปทั่วร่าง แกซมชามประคองร่างจนไปถึงที่พัก แม้จะไม่ถึงกับเสียชีวิต แต่ทว่าร่างกายก็มีรอยแผลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตาบอดไปข้างหนึ่ง พอรักษาตัวจนหาย ก็กลายเป็นแผลเป็นปรากฎขึ้นทั่วร่างกาย มองดูเหมือนปุ่มของคางคกอย่างไรอย่างนั้น เขากลายเป็นเหมือนคนพิการทางกายตลอดทั้งร่างเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้กลับคืนอยู่ในสภาพเดิมได้เลย แผลทางกายพอทนได้ แต่แผลทางใจยากที่จะรักษา จากวันนั้นมาจังโก้ก็ไม่เคยหันไปเล่นประทัดอีกเลย แม้เพียงจะได้ยินเสียงก็ยังเอามือปิดหู
จังโก้ปลูกบ้านกลางทุ่งทำนาทำไร่ ปลูกผักเลี้ยงปลาพอประทังชีวิตไปตามอัตภาพ ทั่วร่างกายมีรอยตะปุ่มตะป่ำขึ้นทั่วร่าง เด็กเห็นจะร้องให้หรือไม่ก็วิ่งหนีเหมือนได้เห็นปีศาจ นอกจากเขาทำฟาร์มเลี้ยงกบ แต่มักจะมีคางคกแวะเวียนมาเยือนที่ฟาร์มไม่เคยขาด เขาดูแลกบและคางคกเท่าเทียมกัน นัยว่าเป็นการไถ่บาป
“ผมทำนาปลูกข้าวเหนียว ผมนี่แหละนักสู้พันธุ์ข้าวเหนียวตัวจริง แต่ผมไม่สู้กับใคร ผมสู้กับธรรมชาติและสู้กับตัวเอง ปีนี้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมหนัก แต่นาข้าวผมรอดปลอดภัย ปีนี้ผมชนะแต่ปีแน่ยังไม่แน่ ไม่ต้องใช้หมัดเขวี้ยงควยและเข่าพญาไฟก็ชนะได้” จังโก้บอก
ผืนนาข้าวเหนียวของแกกำลังเหลืองอร่ามด้วยรวงข้าวที่กำลังแก่ตัว ไม่นานก็จะเก็บเกี่ยวได้ ท้องทุ่งนาในยามนี้เป็นช่วงที่ชาวนามีความสุขที่สุดเพราะผลผลิตกำลังจะให้ผล สีทองของรวงข้าวที่อ่อนช้อยไหวลู่ไปตามแรงลมกลายเป็นเหมือนทุ่งรวงทองที่เจ้าของมองอย่างมีความหวัง
ในพระพุทธศาสนามีคำตอบในจูฬกัมมวิภังคสูตร (14/584/288) ความว่า “บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือหรือก้อนดินหรือท่อนไม้ หรือศาตราเขาตายไป จะเข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคมาก ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคมากนี้คือเป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือหรือก้อนดินหรือท่อนไม้หรือศาตรา"
ได้พบจังโก้เมื่องานกฐินที่ผ่านมานั่งดูเขาเล่นประทัดกัน แต่จังโก้เพียงแต่ดูห่างๆ เมื่อถามว่าทำไมไม่ลองเล่นบ้าง จังโก้บอกว่าผมพอแล้วกรรมตามสนองผมแล้ว สภาพร่างกายของเขาเห็นแล้วต้องบอกว่าน่าสงสาร หากไม่คุ้นเคยมองเห็นแต่ไกลคงต้องบอกว่าเหมือนปีศาจคลุกฝุ่นหรือเจ้าชายแสนปม แต่จังโก้ยังคงอารมณ์ดี พลางบอกสั้นๆว่าอย่านึกว่ากรรมที่เราทำเล่นๆนั้นจะไม่ให้ผล วิญญาณเจ้าคางคกที่ผมทำร้ายมันคงมาเอาคืน ทุกวันนี้ผมอยู่อย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน เสียดายเวลาที่เสียไป ผมไม่น่าทำกรรมกับคางคกพวกนั้นเลย กรรมนะมีจริงแต่จะให้ผลในชาตินี้หรือไม่ผมไม่รู้ แต่ผมนะได้รับผลเรียบร้อยแล้วครับ” จังโก้บอกก่อนจะจากกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
23/11/53