เทคโนโลยีเจริญรุดหน้าขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะโลกอินเทอร์เน็ตที่มีเครือข่ายโยงใยไปทั่วทุกมุมโลก อยากรู้เรื่องอะไรก็ไปที่เว็บค้นหา เพียงแต่ใส่คำที่ต้องการจากนั้นก็คลิ๊ก ในชั่วเวลาเพียงไม่กี่นาทีสิ่งที่ต้องการก็จะปรากฎขึ้น อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ สามารถสืบค้นข้อมูลได้ไม่จำกัดด้วยเงื่อนไขของกาลเวลา แต่อินเทอร์เน็ตก็เหมือนถนนใหญ่ที่มีบรรดายวดยานพาหนะวิ่งมากมาย หากไม่ระวังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เคยสงสัยว่ามีไหมที่คนในยุคปัจจุบันที่ดำเนินชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเลย หรือใช้ก็น้อยที่สุด คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคิดว่าน่าจะมีผู้ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไร้กาลเวลาโดยไม่ต้องพึ่งพาความเจริญของเทคโนโลยีหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ เพียงแต่ว่าเรายังหาไม่พบเท่านั้นเอง คนพวกนี้ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับสังคม ไม่ต้องการชื่อเสียง เขาอยู่ในโลกนี้อย่างผู้อาศัยและเข้าใจโลก แต่ไม่ใช่ผู้ทำลาย
วันหนึ่งเดินเที่ยวป่าพลัดหลงไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงน้ำตกแว่วมาจากหุบเขาเบื้องหน้า พอเพ่งมองไปคล้ายกับเป็นสวนของชาวบ้าน เพราะมีผลไม้นานาชนิดจึงก้าวเดินเข้าไป เสียงสุนัขสองตัวเห่ากรรโชกเพราะไม่คุ้นเคยกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่นานจึงเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมา แต่พอเห็นหน้าก็จำได้ทันที คนที่ใครๆคิดว่าแกเป็นชายบ้าแห่งหมู่บ้าน เป็นชายชราที่อาศัยอาหารเหลือจากบิณฑบาต ของวัดป่าที่หุบเขาใกล้ๆกันนี่เอง
ลุงมุกอายุเลยวัยกลางคนไปหลายปีแล้ว ดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบันอย่างที่คาดคิดไปไม่ถึง ที่อยู่ของลุงมุกอยู่บริเวณที่มีลำธารไหลผ่านตลอดปี น้ำซึ่งไหลมาจากภูเขาผ่านที่อาศัยของลุงมุกพอดี แกจึงกั้นน้ำไว้แล้วขุดบ่อเลี้ยงปลาหลายบ่อ บริเวณรอบๆบ่อก็ปลูกผลไม้พืชผักนานาชนิด ผลิดอกออกผลเขียวชอุ่มงามสพรั่ง อยากกินอะไรก็เพียงเดินไปเก็บจากต้นเท่านั้น นอกจากนั้นยังเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้อีกจำนวนหนึ่ง “ชีวิตผมอยู่ตัวคนเดียวไม่มีเมีย ไม่มีลูก ตายเมื่อไหร่ชีวิตก็จบแค่นั้น ไม่ต้องพึ่งพาระบบตลาด ไม่ต้องซื้อหาจากใคร นอกจากนั้นยังมีเหลือไว้ขายเป็นค่าใช้จ่ายบางอย่างได้อีก ดูที่ยอดเขาสิครับธรรมชาติยังมีความงดงามให้ได้ชมอยู่ ต้นไม้ใบหญ้ายังอยู่บนยอดเขาได้เลยครับ ทุกอย่างต่างก็อิงอาศัยกัน มนุษย์ต่างหากที่พยายามเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ พร้อมทั้งชี้ให้ดูยอดเขาเบื้องหน้า ที่แสงอาทิตย์กำลังสาดแสงสะท้อนกับหมู่แมกไม้ กลายเป็นจิตรกรแห่งธรรมชาติแต้มแต่งสีสรรแห่งขุนเขาไม่มีจิตรกรเอกคนใดวาดได้เหมือน ความงามอยู่ที่จิตใจเรา มองอะไรก็งามหากใจเรามีความเข้าใจธรรมชาติ"ลุงมุกร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและภาคภูมิใจในการใช้ชีวิต
ลุงมุกเล่าต่อไปอีกว่า “ชีวิตผมแทบไม่ต้องใช้เงินอะไรเลย ข้าวปลาอาหารส่วนหนึ่งผมก็นำมาจากวัด หลังจากที่พระท่านฉันอาหารเสร็จแล้ว ข้าวที่เหลือผมก็นำมาใช้เป็นอาหาร ปลาก็อยู่ในบ่อ ผลไม้ก็อยู่บนต้น ผักก็มีอยู่ทั่วไป ต้นไม้ใบไม้ทุกชนิดเป็นอาหารได้หมด เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะ ใบไม้บางอย่างบางช่วงเวลาอาจจะเป็นพิษได้ แต่หากเราเลือกให้เหมาะจากที่เป็นพิษก็จะกลายเป็นยา ผมเคยมีครอบครัวแต่ทว่าภรรยาผมอายุสั้นเธอจากผมไปนานแล้ว จากนั้นมาผมก็ไม่เคยคิดจะมีครอบครัวอีกเลย คิดจะบวชแต่ชีวิตบรรพชิตไม่ใช่คำตอบของผม เพราะมีเงื่อนไขมากเกินไป ผมจะเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่อยากปฏิบัติธรรมในฐานะของฆราวาส ตอนเช้าผมก็นำผักผลไม้ไปถวายพระ พอพระฉันเสร็จอาหารบิณฑบาตที่เหลือผมก็นำมาเป็นอาหาร เห็นไหมว่าวันหนึ่งผมไม่ต้องใช้เงินเลยก็อยู่ได้”
ผมมีวิทยุเก่าๆอยู่เครื่องเดียวพอฟังข่าวสารบ้านเมือง ซึ่งก็ไม่ค่อยอยากฟังเท่าไหร่ พวกนักการเมืองมีแต่แย่งอำนาจและทะเลาะกัน ละครวิทยุก็จะวนกลับไปที่เรื่องเก่าๆซึ่งบางเรื่องผมได้ยินมาสามรอบแล้วเช่นจำเลยรัก ผมแทบจะจำบทพูดของพระเอกนางเอกได้หมด พอหันไปฟังเพลงหรือ เพลงใหม่ๆก็ไม่ค่อยไพเราะสักแต่ว่าร้อง ลองฟังดูสิเพลงอะไรนะมันเป็นงึกๆงักๆ นั่นมันเป็นเพลงอะไรกัน เอาดนตรีสนุกเข้าว่า ผมก็เลยหาฟังเพลงเก่าๆรุ่นสุรพล สมบัติเจริญ ก้าน แก้วสุพรรณ สมยศ ทัศนพันธ์ ทูล ทองใจ เป็นต้น นักร้องพวกนั้นร้องเพลงเป็นเพลงมีเนื้อหาสาระ จะฟังสักเพลงไหมครับ ผมจะร้องให้ฟัง” ลุงมุกเริ่มคุยติดลม
พวกป่าไม้มาเชิญผมออกจากพื้นที่หลายครั้งแล้ว เพราะเขาอ้างว่าที่นี่เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผมก็อ้างว่าผมอยู่ที่นี่มาก่อนที่จะมีกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนออกมาด้วยซ้ำ ผมไม่เคยทำลายป่า ไม่เคยทำลายธรรมชาติ ตรงกันข้ามผมคือผู้รักษาป่า รักษาต้นน้ำให้สะอาด ป่าไม้ควรขอบคุณผมแทนที่จะไล่ผม ในที่สุดเขาก็ปล่อยให้ผมอยู่ต่อไป แต่มีข้อแม้ว่าห้ามปลูกสิ่งก่อสร้างอื่นใดขึ้นมาอีก ผมจะปลูกอะไรมีบ้านเก่าๆอยู่หลังเดียวจะพังมิพังแหล่อยู่แล้ว ที่ผมอยู่นะไม่ได้เบื่อโลก ไม่ได้ปฏิเสธสังคม แต่ความเรียบง่ายและความเป็นธรรมชาติคือสิ่งที่ผมต้องการ ชีวิตจะเอาอะไรอีก เพื่อนๆผมส่วนมากจะลาโลกไปเกือบครึ่งแล้ว แต่ผมยังอยู่เพราะผมอยู่กับธรรมชาติ ผมรักธรรมชาติและธรรมชาติก็รักผม
ผมสวดมนต์ได้แทบทุกสูตร ในขณะเดียวกันผมก็สามารถร้องเพลงได้ด้วยโดยไม่ผิดวินัยสงฆ์ ผมมีภรรยาก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้ผมหาคนที่คิดเหมือนผมไม่ได้ ผู้หญิงเขาชอบคนรวย ได้แต่งตัวสวยๆมีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่ผมไม่มีให้ หญิงชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงหันไปแต่งงานกับฝรั่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ เดี๋ยวนี้หลายตำบลมีเด็กผมแดงจำนวนมาก
“ชีวิตผมปฏิบัติตนเหมือนพระตรงกันข้ามกับชีวิตของคนส่วนมาก พวกเขาจึงหาว่าผมบ้า แต่ก็ไม่เป็นไรใครจะกล่าวอย่างไรก็ช่าง ผมมีความสุขกับความเรียบง่าย หลวงพ่อยังอยู่ได้เลยทำไมผมจะอยู่ไม่ได้ ความต้องการพื้นฐานของชีวิตมีเพียงปัจจัยสี่คืออาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคก็อยู่ได้แล้ว ทำไมต้องไปดิ้นรนแสวงหาสิ่งนอกกายให้เหนื่อยเปล่า หันมาศึกษาภายในไม่ดีกว่าหรือ” คุยกับลุงมุกชายที่หลายคนคิดว่าเขาบ้า แต่จากปากคำสนทนากันในวันนั้น เขาไม่ได้บ้า เขาเป็นคนที่เข้าใจโลกต่างหาก
วันนั้นได้ฟังลุงมุกเล่าให้ฟังหลายเรื่อง คนแบบนี้ยังมีเหลืออยู่ในโลก แต่ใครที่อยากไปพบลุงมุกไม่ต้องถามว่าแกอยู่ที่ไหน เพราะแกไม่ต้องการให้ใครไปรบกวนชีวิตที่เรียบง่ายไร้กาลเวลาของแก แม้แต่จะขอถ่ายภาพต้องขอแล้วขออีกเพราะไม่อยากมีภาพปรากฎให้ใครได้เห็น โลกอินเทอร์เน็ตอาจมีโอกาสได้เห็นหน้าแก แต่ตัวลุงมุกเองคงไม่มีโอกาสได้ดูภาพตัวเอง เพราะแกไม่มีไฟฟ้าใช้ ชีวิตบางครั้งก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมีเพียงความเรียบง่ายก็อยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขแล้ว
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
17/11/53