การที่จะรู้ว่าใครเริ่มแก่นั้น โบราณท่านบอกว่าให้สังเกตุที่ความจำ หากใครหลงๆลืมๆ ปิดประตูบ้านแล้ว ยังต้องย้อนกลับไปดูว่าลืมอะไรบ้าง หรือบางครั้งไม่แน่ใจว่าตนเองปิดประตูหรือยัง บางคนพอจะออกจากบ้านก็ต้องย้อนกลับไปกลับมาหลายครั้งเพราะหลงลืมอันนั้นบ้างอันนี้บ้าง ถ้าใครมีลักษณะอาการแบบนี้แสดงว่าเริ่มแก่ชราแล้ว พระภิกษุบางรูปสวดมนต์บทเดียวซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมขึ้นบทใหม่สักที อย่างนี้ก็แสดงว่าเริ่มแก่แล้ว การไม่หมั่นท่องบ่นท่านว่าเป้นมลทินอย่างหนึ่ง วันนี้วันธรรมสวนะ เชิญฟังธรรมในมลสูตร และมลวรรค
คำว่า “มล” ในพระพุทธศาสนาแปลว่ามลทินหรือสนิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับสิ่งต่างๆเช่นการท่องบ่นสาธยายเป็นต้น กลายเป็นความเศร้าหมองของสิ่งต่างๆ พระพุทธศาสนาแสดงไว้ในมลสูตร อังคุตรนิกาย อัฏฐกนิบาต (23/105/149)ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย มลทินแปดประการนี้คือ(1) มนต์มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน (2) เรือนมีความไม่หมั่นเป็นมลทิน (3) ความเกียจคร้านเป็นมลทินของผิวพรรณ (4) ความประมาทเป็นมลทินของผู้รักษา (5) ความประพฤติชั่วเป็นมลทินของหญิง (6) ความตระหนี่เป็นมลทินของผู้ให้ (7) อกุศลธรรมที่ลามกเป็นมลทินแท้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า (8) เราจะบอกมลทินที่ยิ่งกว่ามลทินนั้นคืออวิชชาเป็นมลทินอย่างยิ่ง”
มลทินหรือสนิมเกิดขึ้นได้กับสิ่งต่างๆมิใช่เกิดกับเหล็กเพียงอย่างเดียวหากเกิดขึ้นกับสิ่งใดจะทำให้สิ่งนั้นมีการแปรเปลี่ยนเศร้าหมอง มนต์ในที่นี้อาจรวมถึงการศึกษาเล่าเรียนหากขาดการอ่านการท่องบ่นก็จะทำให้ลืมได้ พระภิกษุจึงมีธรรมเนียมทำวัตรสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็นก็เพื่อป้องกันไม่ให้มนต์ทั้งหลายเสื่อมนั่นเอง
อาคารบ้านเรือนก็เฉกเช่นเดียวกันหากไม่หมั่นดูแลรักษา ทำความสะอาดก็จะรกเต็มไปด้วยฝุ่นละออง ทำให้เรือนนั้นไม่น่าอยู่อาศัย
ร่างกายของมนุษย์ต้องหมั่นทำความสะอาดอาบน้ำชำระร่างกายวันละหลายครั้งจึงจะอยู่ในสภาพที่ไม่สกปรก หากไม่อาบน้ำเพียงไม่กี่วัน สิ่งที่หมักหมมในร่างกายก้จะแสดงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมา
ผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาสิ่งต่างๆ เช่นผู้รักษาความปลอดภัย หากพลั้งเผลออยู่ในความประมาท อาจเกิการสูญเสียโดยไม่คาดคิดได้
หญิงที่ประพฤติชั่วเช่นคบชู้สู่ชาย ประพฤตินอกใจสามี ย่อมทำให้สามีเกิดความระแวงสงสัย อาจจะเป็นเหตุทำให้เภทภัยต่อตนเองและครอบครัวได้ง่าย ในทำนองกลับกันชายที่ไม่ซื่อตรงต่อภรรยาก็เป็นมลทินของชายได้เหมือนกัน
การให้ทานต้องฝึกฝนจนเกิดความเคยชินว่าการให้ทานเป็นธรรมะที่บัณฑิตทั้งหลายสรรเสริญ หากไม่เคยให้ทานแก่ใครเลยก็ให้ไม่ได้เพราะความตระหนี่ถีเหนียวมักจะมีเหตุผลมาอ้างอิงเสมอ ความตระหนี่กับการให้ทานจึงเป็นสิ่งที่มักจะเดินสวนทางกันบ่อยๆ คนจะให้ทานได้ต้องไม่มีความตระหนี่ ส่วนคนที่มีความตระหนี่มักจะให้ทานไม่ได้
อุกศลหมายถึงธรรมในฝ่ายไม่ดีมีรากฐานมาจากกิเลสสามตัวคือโลภ โกรธ หลง หากไม่พยายามทำให้บรรเทาเบาบางลงก็จะมีแต่นำให้ผู้ยึดถือไปสู่ทางแห่งความเสื่อมได้ง่าย
สิ่งที่เป็นมลทินสำหรับคนทั้งหลายท่านสรุปไว้ที่อวิชชาแปลว่าความไม่รู้ว่าเป็นยอดแห่งสนิมในใจมนุษย์ หากไม่รู้สิ่งที่ควรรู้ แต่ไปรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ก็ยิ่งจะเป็นมลทินอย่ายิ่ง
พระพุทธเจ้าได้แสดงสรุปมลทินทั้งหลายไว้ว่า “มนต์มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน เรือนมีความไม่หมั่นเป็นมลทิน ความเกียจคร้านเป็นมลทินของผิวพรรณ ความประมาทเป็นมลทินของผู้รักษา ความประพฤติชั่วเป็นมลทินของหญิง ความตระหนี่เป็นมลทินของผู้ให้ ธรรมอันลามกเป็นมลทินแท้ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เราจะบอกมลทินที่ยิ่งกว่านั้นคืออวิชชาเป็นมลทินอย่างยิ่ง”
สิ่งต่างๆอาจกลายเป็นสนิมที่คอยกัดกินตัวมันเองได้ สิ่งทุกอย่างต้องหมั่นในการดูแลรักษา มนต์ต้องท่องบ่นเป็นประจำ บ้านเรือนต้องกวาด ร่างกายก็ต้องคอยดูแลรักษา แม้แต่จิตใจก็ต้องคอยรักษาไม่ให้ความชั่วทั้งหลายเข้ามาแทรกแทรงได้ ใจที่ถูกมลทินหรือสนิมกัดกร่อนก็ยากที่จะเข้าใจธรรมที่จริงแท้ได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
16/10/53
ฟังธรรมวันธรรมสวนะ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 11
มลสูตร: โดยพระเทพดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
{mp3}Malasutra{/mp3}
มลวรรค: โดยพระเทพดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
{mp3}Malavak{/mp3}