วันที่ 3 ตุลาคม 2553 เป็นวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 97 พรรษาของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งได้มีการจัดงานเพื่อเทิดพระเกียรติหลายอย่างเช่นจัดการประชุมวิชาการนานาเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้เชิญนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาจากทั่วโลกมาเสนองานวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ส่วนในวันที่ 3ตุลาคม พระเถระจากทั่วประเทศคงเดินทางมาร่วมงานตั้งแต่ภาคเช้าซึ่งมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ ตามสมควรโอกาสของแต่ละคน
เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ เป็นพระมหาเถระที่มีทรงมีอายุยืนเกือบร้อยปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันพระสงฆ์ที่มีอายุหนึ่งร้อยปีคงมีไม่กี่รูป ผู้ที่มีอายุยืนอย่างนี้นับวันจะหายากขึ้นทุกปี ผู้เขียนเป็นพระผู้น้อยไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติใกล้ชิดกับเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ มาก่อน แต่มีเสี้ยวหนึ่งแห่งชีวิตที่เคยอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆแต่ยังจำได้ไม่ลืมเลือน
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่วัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ ได้เดินทางไปพัก ยังเสนาสนะป่าบนยอดเขาชีโอน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับยอดเขาชีจรรย์ ช่วงนั้นบนยอดเขาอากาศเย็นสบาย ป่าไม้ยังหนาทึบ มีเพียงศาลาหอฉันหลังเดียวมุงด้วยหญ้าคา ส่วนกุฏิที่พักมักจะซ่อนอยู่ตามป่า หากเดินผ่านเขื่อนขึ้นไปก็จะเป็นกุฏิที่มุงบังด้วยฝาไม้ขัดแตะเท่านั้น ซึ่งไม่มีความมั่นคงอะไรเลย แต่ทว่าเหมาะกับการบำเพ็ญเพียรภาวนาของพระป่าเป็นอย่างยิ่งเพราะอยู่ห่างไกลจากผู้คน การเดินทางลำบาก ถ้าไม่ตั้งใจจริงจะเดินทางไปไม่ถึง เพราะต้องเดินขึ้นภูเขาสูงชันขึ้นไป ภิกษุบางรูปเข้าพักตามชะง่อนผา เพื่อหลบลมและฝน ซึ่งจะตกแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่เลือกฤดูกาล แม้ช่วงนั้นจะเป็นหน้าร้อน ฝนนั้นก็ไม่เคยเลือกฤดู ส่วนมากเวลาฝนตกดินภายในบริเวณที่พักจะเหนียวมาก เวลาเดินต้องถอดรองเท้าทิ้ง เดินเท้าเปล่าจะสะดวกที่สุด
เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ มักจะไปเยือนยังวัดญาณสังวรารามเป็นประจำ และมักจะขึ้นไปพักบนยอดเขาชีโอนและชอบพักอยู่รูปเดียว วันนั้นเย็นมากแล้วดวงอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขา แสงสีทองของอาทิตย์ยามจะลาลับขอบเขางดงามประดุจมีจิตกรเอกกำลังวาดภาพทิวทัศน์ด้วยปลายภู่กันแห่งธรรมชาติ ผู้เขียนได้รับคำสั่งจากหลวงพ่อหวัน จุลปณฺฑิโต ให้พาเจ้าประคุณสมเด็จญาณสังวรฯขึ้นไปยังยอดเขา ตอนนั้นไม่รู้จักว่าพระสมเด็จคือใคร เข้าใจเพียงว่าพระก็คือพระไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไร แต่มองจากกิริยาอาการคงเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่น่าเคารพเลื่อมใส ท่านเดินนำหน้าผู้เขียนเดินตามหลัง รองเท้าของท่านติดดินจึงต้องเดินเท้าเปล่า
ยอดเขาชีโอนที่มองเห็นเบื้องหน้าที่เดินขึ้นลงวันละหลายรอบไม่ใช่ปัญหาของพระหนุ่ม แต่สำหรับพระเถระที่มีอายุ 70 กว่าปีนั้นการเดินขึ้นลงไม่ง่ายนัก ต้องคอยระมัดระวังกลัวว่าท่านจะลื่นล้มอาจเป็นอันตรายได้ แต่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ ไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยให้เห็นเลย ในขณะที่พระรูปอื่นๆค่อยเดินตามหลังท่านมา พอไปถึงยอดเขา เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ แจ้งให้ทราบว่าวันนี้จะพักที่นี่โดยไม่ได้มีกำหนดการล่วงหน้า บนยอดเขามีกุฏีเก่าๆเพียงหลังเดียวซึ่งผู้เขียนใช้เป็นที่พักช่วงนั้นอยู่รูปเดียว เมื่อเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ แจ้งความประสงค์อย่างนั้นพระภิกษุรูปอื่นๆก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน ตกลงคืนนั้นเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ ได้พักที่กุฎีเก่าๆหลังนั้นรูปเดียว ส่วนพระรูปอื่นๆได้แยกย้ายหาที่พักตามต้นไม้บ้าง ตามซอกเขาบ้าง
ตกดึกคืนนั้นฝนที่ไม่มีเค้าได้ตกลงมาอย่างหนักพร้อมด้วยกระแสลมกรรโชกอย่างแรง กุฎีหลังเดียวกับพระอีกสองสามรูปจะทำอย่างไร ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ เลย ผู้เขียนต้องนั่งลิงคือมือหนึ่งจับกลดไว้ให้แน่นเพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็ต้องปลิวไปตามลม มืออีกข้างหนึ่งต้องจับรากไม้ไว้ให้แน่น เพราะถ้าไม่มีที่ยึดให้แน่นพออาจพลัดตกลงไปยังยอดเขาได้ทุกโอกาส ยิ่งเป้นลมฝนหลงฤดูยิ่งอันตราย
ในที่สุดก็ต้องหลบขึ้นกุฎีหลังเดียวกับเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ ซึ่งพระองค์ท่านก็เมตตาให้พักตามสมควร คืนนั้นจึงให้เวลาผ่านไปโดยการนั่งสมาธิทั้งคืน เพราะไม่กล้าหลับหรือเพราะหลับไม่ลง
เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ ได้เมตตาให้โอวาทว่า “กรรมฐานคือรากฐานของพระพุทธศาสนาเป็นไปตามหลักการสำคัญคือปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ทั้งปริยัติและปฏิบัติคือสิ่งที่จะทำให้เกิดปฏิเวธอันเป็นผลของการปฏิบัติ การปฏิบัติที่ถูกต้องก็มาจากการศึกษาปริยัติที่ถูกต้อง ผลคือปฏิเวธจึงจะสมบูรณ์ พระกรรมฐานคือผู้รักษาหัวใจของพระพุทธศาสนาไว้ได้ แต่อย่าปฏิบัติตามความคิดของตนเองต้องมาจากการศึกษาปริยัติด้วย พระพุทธเจ้าทรงมีความเหนื่อยยากมากกว่าพวกเราหลายเท่านักกว่าที่จะทรงตั้งพระพุทธศาสนาได้สำเร็จ สิ่งที่เราพบในวันนี้เป็นบททดสอบเล็กๆเท่านั้นเอง ชีวิตของการประพฤติพรหมจรรย์ต้องมีความลำบากเป็นธรรมดา เพราะธรรมะสอนสวนทางกับกระแสของโลก เมื่อคืนนี้ต้องขอขอบใจที่ได้บททดสอบความอดทน” เพราะโอวาทสั้นๆนี่เองที่มีส่วนทำให้อยากเรียนหนังสือขึ้นมา และต่อมาได้เปลี่ยนวิถีชีวิตจากพระป่ามาเป็นพระนักศึกษาในปัจจุบัน เพื่อนภิกษุในสมัยนั้นบางท่านได้ลาสิกขาไปแล้ว บางท่านก็ได้มรณะไปแล้ว
ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคพระภิกษุที่อยู่ได้นานมีสามประเภทคือพระที่บำเพ็ญกรรมฐาน พระที่ศึกษาปริยัติ และพระที่ชำนาญในนวกรรม(การก่อสร้าง) จริงหรือเท็จโปรดพิจารณากันดู ส่วนบางท่านอาจจะไม่ได้อยู่ในสามประเภทนี้ก็ได้ แต่ท่านก็ยังอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ได้ ธรรมะในพระพุทธศาสนามีความลึกล้ำประดุจมหาสมุทรแห่งการแสวงหา ใครที่มีความเพียร ความอดทนเพียงพอจึงจะได้เสพรสแห่งสันติสุขนั้น
แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆและเหตุการณ์นั้นผ่านเกือบสามสิบปีแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์นั้นยังคงอยู่ในความทรงจำ ยังฝังแน่นอยู่ในดวงจิตของพระเล็กๆรูปหนึ่งที่ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ ไม่พูดก็ไม่มีใครรู้จัก ถึงแม้จะพูดก็คงไม่มีใครได้ยิน ที่บันทึกไว้เป็นบางเสี้ยวส่วนหนึ่งของชีวิต
ในวาระโอกาสที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ฯ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระชนมายุครบ 97 พรรษา ขอให้พระองค์ท่านจงมีพระชนมายุยั่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญของพุทธศาสนิกชนต่อไป
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
03/10/53
อ่านประวัติของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกได้ที่
http://www.sangharaja.org/home/index.php?mode=his