วันศุกร์ได้ทราบข่าวเพื่อร่วมงานสามคนป่วยเป็นไข้หวัดสองพันเก้า ห้องทำงานเล็กๆเป็นห้องแอร์ที่มีคนป่วยพร้อมกันสามคนเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอย่างยิ่ง ห้องแอร์แม้จะเย็นสบายแต่ทว่าระบบการถ่ายเทอากาศที่มีเชื้อไข้หวัดนกแทรกอยู่นั้น มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายที่สุด ทั้งสามคนหยุดงานไปแล้วเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก็จริง แต่ใครจะแน่ใจได้ว่าเชื้อโรคนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่นๆ
เย็นวันศุกร์เมื่อกลับถึงวัดแล้วจึงได้ค้นหาว่าโรคนี้มันติดต่อกันอย่างไร ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า “เชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีการติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป และเชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยระยะฟักเชื้อของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้นอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน หากผู้ป่วยได้รับเชื้อมากระยะฟักตัวก็จะเร็ว ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยด้วยว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน”
ในขณะที่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าสุขภาพร่างกายของตนเองนั้นแข็งแร็งแค่ไหน เพราะปกติไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว เพียงแต่เดินในตอนเช้า และเดินกลับวัดตอนเย็นคงยังไม่พอ เย็นวันนั้นจึงทำความสะอาดกุฎิที่พักถูพื้น ทำความสะอาดห้องน้ำจนได้เหงื่อ แต่พออาบน้ำเสร็จเริ่มมีอาการหนาวๆร้อนๆ รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา และง่วงนอนตั้งแต่ยังวัน จึงตัดสินใจทานยาพาราเซตามอลและยาแก้แพ้จากนั้นก็หลับ คืนวันศุกร์นอนหลับทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าจะติดเชื้อไข้หวัดหรือไม่
เช้าวันเสาร์ตื่นขึ้นมารู้สึกอ่อนเพลีย มีอาการไอเล็กน้อย แต่ไม่มีเวลาคิดมากต้องรีบเดินทางไปร่วมงานพิธีมอบรางวัลพุทธคุณูปการครั้งที่ 2/2553 โดยคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปและวัฒนธรรม สภาผูแทนราษฎร ที่มีพิธีมอบรางวัลที่ห้องประชุมอาคารสุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา นครปฐม อยู่ร่วมงานทั้งวันในอากาศที่โล่งมีลมลมพัดผ่านตลอดวัน โดยหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในห้องแอร์ รู้สึกกลัวห้องแอร์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในใจยังคิดถึงไข้หวัดสองพันเก้าตลอดวัน
การติดต่อของโรคนี้มีระบุไว้ว่า “เชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด รวมทั้งติดต่อกันทางลมหายใจ หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และสามารถติดต่อได้จากมือ หรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทั้งนี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ซึ่งสามารถแพ้เชื้อได้ ตั้งแต่ผู้ติดเชื้อยังไม่ปรากฎอาการ หรือหลังจากปรากฎอาการไข้แล้ว”
คืนวันเสาร์ดูข่าวโทรทัศน์จบรู้สึกมีการเหมือนจะเป็นไข้ จึงตัดสินใจออกกำลังเพื่อให้เหงื่อออกโดยการถูพื้นทำความสะอาดห้องจนเหงื่อท่วมตัว รู้สึกสบายขึ้นแต่ก็ยังปวดหัว เมื่อมีอาการง่วงจึงตัดสินใจหลับทันที ตื่นขึ้นมากลางดึกเหงื่อท่วมตัว มีอาการไอและน้ำมูกไหลสงสัยจะเป็นไข้หวัดสองพันเก้าจริงๆ แต่จากข้อมูลของโรคนี้ระบุไว้ว่า “เมื่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรากฎอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่มีอาการรุนแรงกว่าและรวดเร็วกว่า นั่นคือ มีไข้สูงราว 38องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ปอดบวม เบื่่ออาหาร บางรายอาจท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน จากนั้นเชื้อจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีการทรงตัวผิดปกติ เดินเอนไปเอนมาเหมือนคนเมาสุรา นอกจากนี้อาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที” อาการที่บรรยายมาทั้งหมดนั้นยังไม่มีให้เห็น ก็น่าจะเบาใจได้ว่ายังไม่น่าจะติดเชื้อไข้หวัดนี้
เช้าวันอาทิตย์ไม่รับงานที่ไหนตัดสินใจพักผ่อนให้เต็มวัน แม้จะมีงานอื่นๆอยู่บ้างก็งดหมด เสียงเพลง Beautiful Sunday แว่วมาจากลานจอดรถคงมีใครสักคนเปิดเพลงนี้ขึ้นมา แม้เนื้อเพลงจะเป็นเพลงรักแต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับวันอาทิตย์ที่อากาศสดใส หัวใจก็พลอยสดชื่นไปด้วย สุขภาพร่างกายของมนุษย์ต้องได้รับการพักผ่อนบ้าง เมื่อเราป่วยคนอื่นไม่ได้ป่วยด้วย เมื่อเราเจ็บไข้มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่สัมผัสถึงความเจ็บปวดได้ ร่างกายก็เหมือนรถคันหนึ่งหากใช้งานหนักเกินไปเครื่องยนตร์กลไกต่างๆก็อาจจะเกิดความเสื่อมสภาพถึงขั้นที่อาจจะเป็นอันตรายได้ รถยังต้องมีการตรวจสุขภาพ ร่างกายมนุษย์ก็ต้องมีการเช็คสภาพบ้าง พระเจ้าสร้างโลกหกวันหยุดหนึ่งวันพระเจ้ายังมีวันหยุด พระพุทธเจ้ากำหนดให้ในหนึ่งสัปดาห์มีวันพระหนึ่งวันก็เพื่อให้คนได้พักผ่อน นับเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดที่สุดของบรมปราชญ์
บ่ายวันอาทิตย์ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเป็นปกติไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆให้เห็นเหมือนกับว่าอาการปวดหัวเป็นไข้ ไอจามต่างๆนั้นเกิดขึ้นเพราะเราคิดวาดฝันไปเอง เมื่อร่างกายแข็งแรงเชื้อไข้หวัดก็ไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายเราได้ สิ่งที่มีอาการมาตั้งแต่วันศุกร์นั้นเกิดขึ้นเพราะใจเราคิดไปเองทั้งนั้น ที่จริงสุขภาพร่างกายยังเป็นปกติไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดแต่ประการใดเลย มีหลายคนกลายเป็นคนป่วยเพราะคิดมากเกินไป
เย็นวันอาทิตย์ยังได้ไปช่วยสามเณรขนดินเพื่อถมที่ เพื่อยกศาลาให้สูงขึ้น หลวงพ่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้พาภิกษุสามเณรในวัดได้ช่วยกันออกแรงในการปรับพื้นที่และถมที่ถมทางให้พ้นจากน้ำท่วม พอเหงื่อออกรู้สึกมีแรงขึ้นมา ร่างกายจะมีแรงต้องเคลื่อนไหว ส่วนจิตใจจะมีแรงต้องหยุดนิ่ง ถ้าร่างกายแข็งแรงจิตใจก็พลอยเข้มแข็งไปด้วย ใครก็ไม่รู้พูดไว้น่าฟังว่า "จิตใจที่เข้มแข็งอยู่มักจะอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง"
เย็นวันศุกร์ทราบข่าวว่ามีเพื่อร่วมงานติดเชื้อสองพันเก้า คืนวันเสาร์เหมือนกับจะติดเชื้อไข้หวัดไปด้วย เช้าวันอาทิตย์จึงมีอาการเป็นปกติ ความคิดบางครั้งก็อาจจะทำให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ ทั้งๆที่ทุกอย่างยังเป็นปกติแต่พอเริ่มคิดอาการต่างๆเหมือนจะตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา ในพระพุทธศาสนาความคิดถูกหรือที่เรียกว่าสัมมาสังกัปปะเป็นการเริ่มต้นในการเดินทางถูก จัดเป็นหนึ่งในมรรคมีองค์แปด มนุษย์เริ่มต้นที่ความคิด หากคิดดีก็จะนำไปสู่การทำดีไปด้วย หากคิดว่าตัวเองป่วยทั้งๆที่ไม่ได้ป่วย อาจจะกลายเป็นคนป่วยไปจริงๆก็ได้ ตราบใดที่เรายังห้ามความคิดไม่ได้ หากจะคิดก็ควรคิดไปในทางที่จะไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและคนอื่น
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
26/09/53
เพลงนี้มีชื่อว่า Beautiful Sunday เนื้อหาไม่เกี่ยวกัน แต่ชื่อเพลงใช้ได้ ลองฟังดู
{youtube}K37BhzM0I8I&feature{/youtube}