ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนหลับว่าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าจะอ่านหนังสือคุรุวิพากษ์คุรุให้จบ แต่สิ่งที่คิดเอาไว้ไม่ได้เป็นไปตามแผน อาจารย์ที่ปรึกษาต้องการพบตัวด่วนวันนี้ตอนเช้าเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาเป็นต้นไป งานที่วางแผนไว้จึงต้องยกเลิกแต่ก็ไม่ลืมหยิบหนังสือเล่มนั้นติดมือไปด้วย เผื่อบางทีอาจจะพอมีเวลาอ่านบ้าง เก้าโมงเช้าจึงออกเดินทางไปศาลายา นครปฐมเพื่อพบอาจารย์ที่ปรึกษา
ทำงานหลายอย่างจนเกือบลืมไปว่าตัวเองยังเป็นนักศึกษา เรียนยังไม่จบแต่เรียนชั้นไหนนั้นหากใครที่เคยอ่านบทความมาตามลำดับคงได้คำตอบไปแล้ว เพราะมีหลายครั้งที่เขียนแทรกไว้ในบทความบางเรื่อง เรียนจบรับปริญญาเมื่อไหร่จะเชิญคนอ่านไซเบอร์วนารามเข้าร่วมงาน งานเสร็จส่งงานให้อาจารย์ตรวจมาหลายวันแล้ว วันนี้อาจารย์จึงนัดพบเพื่อแก้ไขในบางประเด็น ในขณะที่รอเห็นว่าน่าจะมีแบบบางอย่างที่พอจะถ่ายภาพได้จึงเดินดูรอบๆอาณาบริเวณ ช่วงเช้าแดดกำลังดีไม่ร้อนจนเกินไปจึงถ่ายภาพดอกบัวที่กำลังบานชูดอกเพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์ บางดอกสวยแต่บ่างดอกก็พยายามดูให้สวย
แต่ขณะที่กำลังถ่ายภาพเล่นๆอยู่นั้นมีนักศึกษาท่านหนึ่งเดินเข้ามาทักทายในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งเห็นแว็บเดียวก็จำได้หน้าปกเขียนว่า “เขาว่าข้อยบ้า”เขียนเป็นภาษาลาว นักศึกษาท่านนั้นบอกว่าผมกำลังหาเรื่องเพื่อที่จะเขียนวิทยานิพนธ์แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี จึงให้คำแนะนำไปว่าเขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่อยากเขียน จากนั้นก็หาข้อมูลว่าเรื่องที่เราคิดนั้นมีใครเคยเขียนไว้บ้าง วิธีที่ดีที่สุดคืออ่านๆๆๆและอ่านให้มากเดี๋ยวก็เกิดประเด็นให้เขียนจนได้ เขียนเรื่องเขาว่าข้อยบ้าตามชื่อหนังสือที่ท่านกำลังอ่านอยู่ก็ได้
คุยเรื่องวิทยานิพนธ์เสร็จจึงหันมาเรื่องหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา หนังสือเล่มนี้ซื้อมาจากเมืองจำปาสัก ประเทศลาว เมื่อครั้งที่ไปเยือนจำปาสัก แต่อ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็เก็บเข้าตู้ คุยกันได้สักพักนักศึกษาท่านนั้นบอกว่าซื้อมาจากร้านศึกษาภัณฑ์นี่เอง แหมเราอุตส่าห์หอบมาจากต่างประเทศ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยวิมล กิจบำรุง เจ้าของอุทยานบาเจียงน้ำตกผาส้วม เมืองจำปาสัก ประเทศลาว ที่น่าสนใจคือคนเขียนหนังสือเล่มนี้ เจ้าของกิจการที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนไม่ขาดเป็นคนที่มองไม่เห็น เพราะตาบอดจากโรคมาเลเรีย ที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังดำเนินงานสร้างอุทยานบาเจียงแห่งนี้ ธรรมชาติที่นี่งดงามมาก มีร้านอาหารเพียงร้านเดียวเมื่อลูกค้าเต็มร้านต้องนั่งรอจนกว่าโต๊ะจะว่าง ทุกคนที่เดินทางไปเยือนน้ำตกผาส้วมจะต้องรับประทานอาหารที่ร้านแห่งนี้เท่านั้น แต่อาหารทำดีมาก อร่อยมากอาจจะมาจากความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหรือว่าอาหารเขาอร่อยจริง
วิมล กิจบำรุง ชายที่เกือบฆ่าตัวตายหนีโรคร้าย ต้องตาบอดมองไม่เห็น ฟอกไตวันเว้นวัน แต่วันหนึ่งแม้ตาจะมองไม่เห็น แต่หูยังได้ยิน เขาบอกว่า “ผมนั่งฟังวิทยุอยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงท่านพุทธทาสพูดในวิทยุว่า มีใครเคยเห็นหมาขี้เรื้อนฆ่าตัวตายบ้างไหม มันไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายทั้งที่ทรมานแสนสาหัส มันคันมากจะต้องเอาตัวของมันถูกับฟุตบาทข้างถนน มันพร้อมที่จะให้รถทับเพื่อหมดทุกข์ไป แต่พอรถมาทุกครั้งมันจะกระโดดหนี หมาขี้เรื้อนยังไม่ฆ่าตัวตาย แล้วเราล่ะ เราจะหนีปัญหาเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”(วิมล กิจบำรุง เขาว่าข้อยบ้า,ด่านสุทธาการพิมพ์,2552,หน้า 42)
จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เลิกคิดฆ่าตัวตายและทำงานด้วยความสุข เพราะหมาขี้เรื้อนตัวเดียวแท้ๆ ทั้งๆที่เขาเป็นคาทอลิคแต่ก็ได้ฟังสัจธรรมจากพระพุทธศาสนา เขายังเล่าเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเขาว่า "ผมมีหลักการทำงานอยู่ว่า ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการฯต้องมีความสุข พนักงานทุกคนของผมต้องมีความสุขในการทำงาน ธุรกิจของผมไม่หารายได้จากอบายมุข ไม่ขายเหล้า ไม่ขายบุหรี่ และอุทยานบาเจียงน้ำตกผาส้วมจะต้องสร้างชื่อเสียงและภาพพจน์ที่ดีให้ประเทศลาวและสังคม"
ความจริงสัจธรรมไม่ขึ้นอยู่กับศาสนาใด แต่เป็นสิ่งสากล ทุกคนสามารถค้นหาและเข้าถึงได้เท่าเทียมกัน สัจธรรมความจริงจะมาจากใครก็ตามมีผลเท่ากัน คนที่กำลังเบื่อหน่ายท้อแท้สิ้นหวังและกำลังคิดจะฆ่าตัวตายลองมองหาหมาขี้เรื้อนสักตัว อาจจะได้ข้อคิดว่าทุกคนล้วนแต่รักชีวิตของตนเองด้วยกันทั้งนั้น สัจธรรมเดินทางไกลจากสวนโมกขพลาราม สุราษฎร์ธานีไปถึงจำปาสัก
วันนี้คำตอบของคนสู้ชีวิตมาจากจำปาสักดินแดนที่ยังคงความงามของธรรมชาติ มาจากปากคำบอกเล่าของชายตาบอดที่ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตาสู้ฝันฝ่าความโชคร้ายให้กลับกลายเป็นโชคดี สร้างอุทยานบาเจียงจำปาสักจากความแห้งแล้งโดดเดี่ยวเดียวดายให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ทุกคนจากแทบทุกมุมโลกใฝ่ฝันอยากไปเยือน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
29/08/53