ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

            เดินทางกลับจากวัดบวรนิเวศวิหารในตอนเย็นในขณะที่ฝนตกหนัก ทำให้หารถยากมาก จึงตัดสินใจนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อจะกลับวัดแทน น้ำเจ้าพระยาในเวลาฝนตกมีคลื่นลมแรงตลอด คลื่นระลอกแล้วละรอกเล่ากระทบกาบเรือ บางครั้งยังมีน้ำทะลักเข้ามาในเรือ ผู้โดยสารต่างก็หลบกันจ้าละหวั่น พลันใจก็กลับคิดไปว่าถ้าสมมุติเรือล่มเราจะทำอย่างไร จะมีผู้ที่สามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้สักกี่คนพึ่งรู้ตัวว่าว่ายน้ำไม่เป็นก็ตอนที่เรือเกือบจะล่มนี่แหละ ชีวิตของแต่ละคนต่างก็ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏด้วยกันทั้งนั้น แต่ในที่สุดเรือก็นำพาผู้โดยสารถึงจุดหมายได้โดยปลอดภัย 


            ฝนตกมาน้ำก็นองนั่งคิดพินิจพิจารณาว่าในพระพุทธศาสนานั้นมีการเปรียบเทียบคนกับน้ำไว้อย่างไรหรือไม่ พอกลับถึงวัดจึงได้ค้นหาจากพระไตรปิฎกก็พบหลายสูตร คนที่ชื่อน้ำก็มีเช่นอุทกดาบสหมายถึงนักบวชที่ชื่อน้ำหรือนักบวชที่ชำนาญในอาโปกสิณหรือกสิณน้ำเป็นต้น (อุทก แปลว่าน้ำ)
            ในพระพุทธศาสนามีการเปรียบเทียบคนคล้ายกับคนที่กำลังข้ามน้ำอันเปรียบเหมือนกิเลส บางคนจมน้ำตาย บางคนก็พอประคองตัวรอดได้ มีเพียงบางคนเท่านั้นที่สามารถฝ่ายข้ามสังสารวัฏไปได้ คนในโลกนี้มีเจ็ดประเภทดังที่ปรากฎในอุทกูปมสูตร อังคุตรนิกาย สัตตกนิบาต (23/15/11) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยน้ำเจ็ดจำพวกมีปรากฏอยู่ในโลกได้แก่ 

 

            (1) บุคคลบางคนในโลกนี้  จมลงแล้วคราวเดียวก็เป็นอันจมอยู่เลย หมายถึงผู้ที่เป็นผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายดำโดยส่วนเดียว เขาจึงเป็นเหมือนผู้ที่จมลงแล้วคราวเดียวก็เป็นอันจมอยู่อย่างนั้น คนประเภทนี้ทำชั่วแล้วกลับตัวเป็นคนดีไม่ได้ในที่สุดก็ตายไปกับการกระทำชั่วของเขานั่นเอง
            (2) บางคนโผล่ขึ้นมาแล้ว กลับจมลงไปอีก หมายถึงผู้ที่มีธรรมคือศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่ศรัทธาของเขานั้นไม่คงที่ ไม่เจริญขึ้น เสื่อมไปฝ่ายเดียว จึงเป็นเหมือนกับบุคคลที่โผล่ขึ้นมาแล้วกลับจมลงอีก คนชั่วบางคนกลับตัวหันมาทำดีแต่ทำได้ไม่นานก็ย้อนกลับไปทำชั่วอีก เหมือนจะว่ายน้ำถึงฝั่งได้ แต่ในที่สุดก็จมหายไปกับความเลวเหมือนเดิม บางคนอธิษฐานเลิกเหล้าในช่วงเข้าพรรษาแต่พอออกพรรษาก็หันกลับไปเมาหนักยิ่งกว่าเดิมอีก
            (3) บางคนโผล่พ้นแล้วทรงตัวอยู่ หมายถึงผู้ที่มีธรรมคือศรัทธา หิริโอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย แต่ศรัทธาของเขานั้นไม่เสื่อมลง ไม่เจริญขึ้น คงที่อยู่ เขาจึงเป็นเหมือนผู้ที่ผู้ที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วทรงตัวอยู่อย่างนั้น คนประเภทนี้เป็นประเภทชั่วไม่มี ดีไม่ปรากฎแต่ก็ยังดีกว่าสองประเภทแรก

            (4) บางคนโผล่ขึ้นแล้วเหลียวไปมาหมายถึงผู้ที่มีธรรมคือศรัทธา หิริโอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะสังโยชน์สามอย่างสิ้นไปเขาเป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้าจึงเปรียบได้กับบุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเหลียวไปมา พระโสดาบันไม่ตกไปในการทำความชั่วอีก เพราะละสังโยชน์เบื้องต่ำได้สามอย่างคือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
            (5) บางคนโผล่ขึ้นแล้วเตรียมตัวจะข้าม หมายถึงผู้ที่มีธรรมคือศรัทธา หิริโอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะสังโยชน์ได้สามอย่างให้สิ้นไป และยังทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลงได้ เขาเป็นพระสกทาคามีมาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ เขาจึงเป็นเหมือนผู้ที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเตรียมตัวจะข้ามไป  พระสกทาคามีละสังโยชน์เบื้องต้นได้สามอย่างเหมือนพระโสดาบันพร้อมกับทำราคะ โทสะ โมหะให้เบาบางลงได้

            (6) บางคนโผล่ขึ้นแล้วได้ที่พึ่ง หมายถึงผู้ที่มีธรรมคือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะวิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้าสิ้นไป เขาเป็นพระอนาคามี จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เขาจึงเป็นเหมือนผู้ที่โผล่ขึ้นมาแล้วได้ที่พึ่งอย่างนี้ พระอนาคามีละสังโยชน์เบื้องต้นได้ห้าคือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ และปฏิฆะ
            (7) บางคนโผล่ขึ้นมาได้แล้วเป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก หมายถึงผู้ที่มีธรรมศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งหลายเขากระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ บุคคลที่โผล่ขึ้นมาได้แล้วเป็นพระอรหันต์ผู้ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก พระอรหันต์ละสังโยชน์ได้ทั้งสิบประการคือสักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน)วิจิกิจฉา(ความสงสัยลังเล) สีลัพพตปรามาส(ความมั่นในศีลพรต) กามราคะ(ความกำหนัดในกาม) ปฏิฆะ(ความหงุดหงิดขัดเคือง) รูปราคะ(ความปรารถนาในรูปภพ) อรูปราคะ(ความปรารถนาในอรูปภพ) มานะ(ความสำคัญตน)อุทธัจจะ(ความฟุ้งซ่าน) และอวิชชา(ความไม่รู้จริง)
            คำอธิบายสังโยชน์แต่ละข้อนั้นต้องรออ่านในวันต่อๆไป คนในโลกนี้จึงเปรียบเหมือนกับบุคคลผู้กำลังจะข้ามน้ำคือสังสารวัฏ บางคนจมน้ำตาย บางคนพอทรงตัวอยู่ได้ บางคนรวบรวมพลังเตรียมพร้อมจะว่ายข้ามไป และมีบางคนเท่านั้นที่สามารถว่ายข้ามน้ำคือสังสารวัฏไปได้

            อ่านอุทกูปมสูตรจบแล้วก็สงสัยตัวเองขึ้นมาว่า “เอ๊ะ...เรากำลังเป็นบุคคลประเภทไหนกัน บวชมาก็หลายปีแต่ก็ยังตัดกิเลสตัณหาไม่ขาดเพียงแต่สามารถข่มเอาไว้ได้เท่านั้น ชีวิตก็ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏต่อไป หากประครองไว้ไม่ดีมีหวังจมน้ำตาย แต่ถ้าประคับประคองชีวิตพรหมจรรย์ไว้ได้อาจจะพอมีทางโผล่ขึ้นจากน้ำแล้วเหลียวมองหาทางจะว่ายข้ามไปได้ "
            เพราะฝนตกและเรือนั่งเรือฝ่ากระแสคลื่นลมแรงกลางสายฝนแท้ๆจึงทำให้คิดถึงคนกับน้ำขึ้นมาได้ วันต่อไปอาจจะลองเดินจากวัดบวรนิเวศวิหารมายังวงศ์สว่างระยะทางแปดกิโลเมตรดู เผื่อบางทีอาจจะคิดธรรมะที่เกี่ยวกับการเดินได้บ้าง


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
05/08/53

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก