หลายครั้งที่เห็นไส้เดือนถูกมดรุมกัดดิ้นรนกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด ไส้เดือนพยายามเลื้อยหนีอย่างสุดชีวิต แต่มดก็ไม่ยอมยังพยายามฉุดดึงเพื่อให้ไส้เดือนสิ้นใจ ในที่สุดก็ได้ผลไส้เดือนหมดแรงสิ้นใจกลายเป็นอาหารของมด หากท่านไปพบกับสถานการณ์แบบนี้ ท่านจะทำอย่างไรช่วยไล่มดให้หนีไปแล้วปล่อยให้ไส้เดือนมีชีวิตรอด หรือว่าจะยืนดูเฉยๆโดยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวงจรแห่งธรรมชาติ ชีวิตหนึ่งสิ้นไปเพื่อต่อชีวิตให้อีกหลายชีวิตดำรงอยู่
ปัญหานี้ตอบยากถ้าจะช่วยไส้เดือนก็จะเป็นการรังแกมดที่กำลังหิว ถ้าจะช่วยมดก็จะเป็นการไม่ไยดีปล่อยให้ชีวิตไส้เดือนตัวหนึ่งต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ปัญหาอย่างนี้ในภาษาทางปรัชญาเรียกว่า "Dilemma"หมายถึงสถานการณ์ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เป็นสภาวะที่ยากลำบาก เป็นทางเลือกทางแยก ที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก หรือเปรียบเหมือนสถานการณ์ที่อยู่ระหว่างปลายแหลมของเขาควาย หรือตรงกับภาษิตไทยว่า “กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก” เหตุการณ์อย่างนี้มักจะมีให้เห็นบ่อยๆ
ครั้งหนึ่งที่วัดป่าใกล้ๆถ้ำเชียงดาวได้พบเห็นเหตุการณ์มดกับไส้เดือนริมทางเดินภายในบริเวณวัด จำได้ว่าครั้งนั้นตัดสินใจช่วยไส้เดือนเพราะมีความเห็นว่ามดคือผู้ทำลาย พอไล่มดไปหมดแล้ว ไส้เดือนก็ค่อยๆกระเสือกกระสนหนีไปตามดินทราย แต่ไปได้ไม่ไกลก็หมดแรง เพราะทางที่จะก้าวเดินนั้นไม่เหมาะกับกับสภาวะแห่งการดำเนินชีวิตของมันเลย ไม่นานนักมดอีกฝูงหรืออาจจะเป็นฝูงเดียวกัน ได้ย้อนกลับมาลากซากสังขารที่กำลังจะสิ้นใจของเจ้าไส้เดือนตัวนั้นกลับมายังผืนหญ้าสีเขียว และช่วยกันกัดกินไส้เดือนเป็นอาหาร
หากมองในอีกมุมหนึ่งไส้เดือนได้ทำหน้าที่พลีชีพเสียสละชีวิตบริจาคร่างกายเป็นทานแก่มด เพราะตามปกติไส้เดือนต้องอยู่ใต้ดิน ถ้าไส้เดือนเลื้อยขึ้นมาบนดินแสดงว่าถึงเวลาที่จะต้องตายจากโลกนี้ไปแล้ว แต่จะจากไปเฉยๆก็กระไรอยู่น่าจะพลีชีพเป็นทานเพื่อต่อชีวิตให้กับสัตว์เหล่าอื่นได้ดำรงอยู่ต่อไป ถ้าเข้าใจหัวอกของไส้เดือนได้คงจะอธิบายอย่างนั้น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของ “ธรรมชาติ” ที่บางครั้งอธิบายตามหลักเหตุผลไม่ได้ มดมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่อาจจะต้องตกเป็นอาหารของสัตว์อื่นๆ ได้เหมือนกัน ดังที่โบราณแสดงคำภาษิตไว้น่าคิดว่า “น้ำมาปลากินมด น้ำลดหมดกินปลา” เรื่องต่างๆจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์กลายเป็นวงจรห่วงโซ่แห่งจักรวาลที่ไม่มีวันสิ้นสุด
การตัดต้นไม้เพื่อสร้างถนนบนเขาใหญ่ โคราช ถูกชาวบ้านเดินขบวนประท้วงจนรัฐบาลต้องพักโครงการไว้ชั่วคราว รัฐบาลก็อ้างว่าทำเพื่อความเจริญของชาวบ้านจะได้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้น ในขณะที่ชาวบ้านก็อ้างว่า การสร้างถนนต้องตัดไม้ทำลายป่า บางต้นมีอายุหลายร้อยปีควรอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ป่ามีสภาพที่สมบูรณ์ ถนนมาป่าหมดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง สถานการณ์แบบนี้เราจะช่วยใคร
ในการสร้างเขื่อนแต่ละแห่งก็ต้องทำลายป่าไปด้วย เขื่อนยิ่งมีขนาดใหญ่ป่าก็ต้องหายไปเพราะถูกน้ำท่วม แต่ปริมาณน้ำจำนวนมากก็สามารถช่วยเหลือคนได้มากทั้งทำการเกษตร ผลิตกระแสไฟฟ้า ถ้าไม่มีเขื่อนก็ไม่มีน้ำเหลือไว้ใช้ในหน้าแล้ง แต่การสร้างเขื่อนอาจมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเช่นปลาที่เคยว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นไปวางไข่ก็ต้องสูญพันธุ์ เพราะติดเขื่อนขวางทางขึ้นไปไม่ได้ เมื่อไม่มีปลาชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ริมน้ำก็หมดที่ทำมาหากิน ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะช่วยใคร จะสร้างเขื่อนหรืออนุรักษ์ธรรมชาติไว้
สถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจของเราเอง ท่านเจ้าอาวาสที่เชียงดาวเล่าให้ฟังว่า “ผมบวชมาหลายปี คิดจะสึกมาหลายครั้ง แต่พอมาคิดอีกทีโลกมีฆราวาสมากเกินไปแล้ว ต้องแย่งกันทำมาหากิน เราไม่มีความรู้อะไรหากลาสิกขาออกไปก็ต้องตกงานหรือทำงานเป็นกรรมการก่อสร้าง ค่าจ้างวันละไม่เกินสองร้อยบาท เดือนหนึ่งทำงานยี่สิบวันได้เงินมาหกพันบาท ต้องกินทุกวัน บ้านต้องเช่าข้าวต้องซื้อ ตัวคนเดียวก็ลำบากแล้ว หากคิดจะมีครอบครัวก็ต้องเลี้ยงดูบุตรภรรยา กลายเป็นการนำพาให้คนอื่นมาร่วมเดือดร้อนด้วย
ถ้าจะอยู่ในเพศบรรพชิตต่อไปชีวิตก็ปล่อยทิ้งไปกับการท่องเที่ยวเดินธุดงค์ไปเรื่อยเพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ยี่สิบกว่าปีผ่านไปผมก็ยังไม่ได้บรรลุธรรมสักที พอย้อนกลับมาเยี่ยมอาจารย์ที่วัดแห่งนี้ ท่านกำลังป่วยและมรณภาพในเวลาต่อมา ชาวบ้านจึงยกให้ผมเป็นเจ้าอาวาส เพราะถ้าไม่มีเจ้าอาวาสวัดก็ต้องร้างและอาจถูกยุบไปในที่สุด การได้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าในชนบทลำบากมาก ไม่มีรายได้อะไรเลย ชาวบ้านส่วนมากก็ยากจน การที่เขาใส่บาตรให้ทุกวันนี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ ผมยังคิดจะลาสิกขาอยู่ แต่ที่ทนอยู่เพราะสงสารชาวบ้านและสงสารวัดหากผมไปคงหาพระที่จะมาอยู่ในป่าอย่างนี้ยาก ผมยอมลำบากคนเดียวไม่อยากให้ใครมาลำบากด้วย
แต่วันนั้นท่านเจ้าอาวาสและเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามนั่งดูมดรุมกินไส้เดือนด้วยกัน เจ้าอาวาสบอกว่าจะช่วยมดเพราะสงสารไส้เดือน แต่หลวงตาไซเบอร์เถียงว่าจะช่วยไส้เดือนเพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงและการทำลายล้างกันต่อหน้าต่อตา ในที่สุดแม้จะช่วยไส้เดือนก็มีชีวิตรอดได้ไม่นานต้องตกเป็นอาหารของมดอยู่ดี ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ
ธรรมชาติมีการเกื้อกูลซึ่งกันและกันจึงทำให้โลกนี้ยังคงดำรงอยู่ หากเราปล่อยให้วงจรของธรรมชาติทำหน้าที่ของมันต่อไป ชีวิตหนึ่งถูกทำลายแต่ก็กลายเป็นอาหารที่จะต่อชีวิตให้อีกหลายชีวิตดำเนินต่อไป บางอย่างเราแก้ไขไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้เหตุการณ์แก้ปัญหาเอาเอง หากพานพบกับปัญหาที่หาทางแก้ไม่ตก ลองคิดถึงมดกับไส้เดือนดู บางทีอาจจะมีคำตอบ เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติก็เข้าใจโลก เมื่อเข้าใจโลกก็เข้าใจมนุษย์ อย่างนี้แล้วจะเข่นฆ่าเบียดเบียนแย่งชิงกันไปทำไมกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
29/06/53