มนุษย์ทุกคนต้องมีครูคนใดคนหนึ่งที่ระลึกนึกถึงคราใดก็เกิดปีติขึ้นในใจ แม้จะจากกันไปนานแต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำมักจะผุดขึ้นมาเสมอ ครูคนนั้นอาจเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนสอนหนังสือ แต่เป็นคนที่เคยพูดหรือเคยกระทำอะไรบางอย่างทำให้เราเกิดความรู้สึกรู้ขึ้นมาในขณะนั้น เจ้าชายสิทธัตถะก็มีครูก่อนที่จะออกบวชนั่นคือคนแก่ คนเจ็บ คนตายและสมณะ ทั้งๆที่คนเหล่านั้นไม่เคยพูดหรือสอนอะไรเลย แต่ที่เรียกว่าครูเพราะพระองค์เห็นแล้วเกิดความรู้ขึ้นมาในจิตและได้ทรงแสวงหาตามสิ่งที่คิดนั่นคือทางพ้นจากความแก่ ความเจ็บและความตาย
ครั้งหนึ่งในฤดูหนาวมีโอกาสเดินทางไปอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยนั่งรถโดยสารไปลงที่อำเภอเชียงดาว ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนที่เป็นเจ้าอาวาส ณ วัดป่าแห่งหนึ่ง เพราะความไม่รอบคอบเพียงแต่โทรศัพท์บอกท่านสั้นๆว่าภายในสองสามวันผมจะไปขอพักด้วย พอแจ้งข่าวเสร็จวันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางเลย พอไปถึงตัวอำเภอขณะที่ยืนเก้ๆกังๆว่าจะเอาอย่างไรดีจะเดินไปหรือว่าหาเหมารถสักคัน ขณะนั้นก็มีรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้า หลวงพี่รูปหนึ่งลงจากรถนั่งยองๆยกมือไหว้และถามว่าอาจารย์จะไปไหน เมื่อแจ้งสถานที่เสร็จ ท่านก็นิมนต์ขึ้นรถบอกว่าผมจะไปส่งเอง

พอขึ้นรถได้ท่านก็เริ่มบทสนทนาและเล่าให้ฟังว่าผมมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งหนึ่งไกลจากนี้ไปประมาณสิบกิโลเมตร อาจารย์จะไปเยี่ยมวัดผมก่อนไหม ผมจึงบอกว่าเอาไว้วันหลังแต่วันนี้ขอไปให้ถึงเป้าหมายก่อน การสนทนาดูเหมือนว่าหลวงพี่รูปนั้นจะมีความคุ้นเคยกับฉันรู้จักกับฉันดี ในขณะที่ตอนนั้นยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่า หลวงพี่รูปนั้นเป็นใครมาจากไหน ที่อาสาไปส่งถึงวัดนั้นมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
ความคิดก่อตัวได้ไม่นานก็ถึงเป้าหมาย ท่านเจ้าอาวาสเห็นรถมาออกมาต้อนรับและถามสาเหตุว่ามากันยังไงถึงได้มาส่ง หลวงพี่จึงเล่าความจริงให้ฟัง ท่านเจ้าอาวาสจึงหันมาถามว่าตกลงจำพระที่มาส่งท่านได้ไหม จึงตอบไปตามความจริงว่า “ไม่รู้จัก จำไม่ได้”หลวงพี่รูปนั้นจึงบอกว่า “ผมชื่อศูนย์ ท่านเคยเป็นอาจารย์ผม เมื่อครั้งที่ผมบวชเป็นสามเณร ท่านอาจารย์สอนนักธรรมชั้นตรีผม”
เมื่อได้ฟังหลวงพี่ศูนย์เล่าความหลังให้ฟัง ภาพสามเณรตัวเล็กๆรูปหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ สามเณรศูนย์นี่แหละที่นับว่าเป็นครูคนหนึ่ง เป็นครูที่ไม่เคยสอนวิชาใดๆมาก่อนเลย แต่เพราะคำพูดของสามเณรเพียงเจ็ดคำ ทำให้จำได้ไม่เคยลืม คำพูดจำได้ แต่รูปร่างหน้าตากลับจำไม่ได้ ร่างกายมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปทุกเวลา แต่วาจาเมื่อพูดออกไปแล้วไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหลังจากทำความสะอาดบริเวณรอบๆวัดและเช็ดถูศาลการเปรียญเสร็จ รู้สึกหิวน้ำจึงเดินไปที่หม้อน้ำ สมัยนั้นยังทำด้วยดินและตักน้ำใส่จนเต็มวางไว้บนศาลา ตอนนั้นบวชได้ไม่นานพอตักน้ำได้ก็รีบดื่มทันที ขณะนั้นสามเณรศูนย์มีเจตนาเดียวกันคือกำลังหิวน้ำ พอสามเณรมาถึงเห็นเรากำลังยืนดื่มน้ำอย่างกระหาย สามเณรศูนย์จึงเอ่ยขึ้นว่า “ยืนดื่มยังกับวัวกับควาย” น้ำที่พึ่งดื่มได้เพียงครึ่งขันพลันหยุดชงัก
จริงๆแล้วการยืนดื่มน้ำของพระสงฆ์ไม่ได้มีวินัยข้อไหนห้ามไว้เลยมีแต่ในสัปปวณวรรคสิกขาบท บัญญัติไวว่า “ภิกษุรู้อยู่ว่าน้ำมีตัวสัตว์บริโภคน้ำนั้น ต้องปาจิตตีย์” เพื่ออนุโลมแก่อาบัติข้อนี้จึงให้กรองน้ำก่อนเพื่อป้องกันการมีสัตว์บางชนิดอยู่ในน้ำ วันนั้นน้ำก็ไม่ได้กรอง พอไปถึงก็ตักดื่มทันที กิริยาอาการที่ดื่มนั้นคงดูไม่เหมาะสม สามเณรจึงเอ่ยทักขึ้นตามสามัญสำนึก การดื่มการฉันอาหารของพระภิกษุสามเณรจึงควรนั่งให้เรียบร้อย

คำพูดนั้นน่าจะลืมไปนานแล้ว แต่ทำไมกลับจำได้แม่นยำ ส่วนอดีตสามเณรศูนย์ควรจะจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันที่ท่ารถเมืองเชียงดาวแล้ว แต่ทำไมกลับลืมเสียสนิท คนเรามักจะจำในสิ่งที่ควรลืม แต่กลับลืมในสิ่งที่ควรจำ มีคนเคยพูดไว้อย่างน่าคิดว่า “ควรลืมบุญคุณที่เราทำ แต่ควรจำบุญคุณที่คนอื่นทำกับเรา” ทำได้อย่างนี้ชีวิตจะมีความสุข สมมติว่าถ้ามีคนยืมเงินเราแล้วขอให้เราลืมเสีย แต่ถ้าเรายืมเงินคนอื่นควรจำไว้ให้ดี แต่คนส่วนมากเมื่อเป็นหนี้คนอื่นมักจะลืมหรือแกล้งลืม แต่เงินที่ให้คนอื่นยืมเรากลับจำได้ดี ในลักษณะเดียวกันสิ่งที่เราเคยทำให้คนอื่นมักจะจำ แต่สิ่งที่คนอื่นทำให้กับเรากลับลืม มนุษย์จึงมีความสับสนวุ่นวายอย่างที่เห็นในปัจจุบัน คำทำนายที่หมอดูมักจะทายไม่ค่อยผิดคือ “ทำคุณคนไม่ขึ้น” นั่นก็เพราะเรามักจะจดจำบุญคุณที่เราทำกับคนอื่นนั่นเอง เมื่อเขาไม่มาตอบแทนคุณเราจึงมักจะรู้สึกว่าทำคุณคนไม่ขึ้น ความสุขหรือความทุกข์ส่วนหนึ่งก็มาจากการคิดของเรานั่นเอง

ตอนนั้นเพราะความหิวบังตาจึงลืมนึกถึงข้อห้ามหรือวินัยข้อบังคับ แต่พอสามเณรศูนย์เอ่ยขึ้นจึงหวนระลึกได้ ตั้งแต่วันนั้นมาก็พยายามเข้มงวดกับกฎกติกาแม้จะเล็กน้อยก็ตาม ฉันจึงนับสามเณรศูนย์เป็นครูคนหนึ่ง ต่อมาก็แยกย้ายกันไปตามหน้าที่ ต่อมาไม่นานสามเณรก็คงบวชพระจากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
จนกระทั่งมาพบกันอีกครั้งที่อำเภอเชียงดาวแห่งนี้ สามเณรเคยเป็นลูกศิษย์เรียนนักธรรมตรี ตัวเราเองก็เป็นลูกศิษย์สามเณรศูนย์เหมือนกันที่สอนให้ต้องระมัดระวังในกิริยาอาการให้เหมาะสมกับสถานะ ที่อยู่ได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะคำพูดของสามเณรที่พูดในวันนั้นนั่นเอง ความผิดเล็กน้อยอย่านึกว่าไม่สำคัญ เพราะมันอาจจะกลายเป็นเหตุให้ทำความผิดอย่างอื่นที่ไม่อาจแก้ไขได้

บางครั้งคนที่เรานับว่าเป็นครูอาจจะไม่ใช่คนสอนหนังสือในห้องเรียน แต่อาจเป็นเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือคนคนใดคนหนึ่งที่ไม่เคยสอนเราเลย แต่เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำเรากลับจำได้ วันนั้นหลวงพี่ศูนย์ดีใจที่ได้พบครูที่เคยสอน ส่วนฉันเองก็ดีใจที่ได้พบคนที่เป็นครูที่ไม่เคยสอนและได้ความเป็นครูโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
28/06/53