ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             หลังจากรัฐบาลประกาศหยุดงานหนึ่งอาทิตย์ วันจันทร์เป็นวันเริ่มต้นของการทำงาน โรงเรียนหลายแห่งเปิดเทอม บนถนนรถติดอีกครั้ง ฝนตกหนักติดต่อกันสามคืน เสียงฟ้าร้องคำราม เสียงฟ้าผ่าแข่งกับเสียงฝนที่กะหน่ำอย่างหนัก เมื่อเดินเข้าที่ทำงานเพื่อนร่วมงานทักทายกันเกรียว ไปไหนมาบ้าง ทำอะไรมาบ้างเป็นต้น ปีนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติเพราะจัดที่วังน้อย อยุธยา แต่ก็ตั้งใจว่าจะเข้าร่วมฟังสาสน์จากผู้นำชาวพุทธที่หอประชุมสหประชาชาติและจะเข้าร่วมพิธีเวียนเทียน ณ ลานหน้าองค์พระศรีศากยะทศพลญาณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
             เย็นวันจันทร์ หลังจากเสร็จภารกิจอื่นๆแล้วได้เดินทางไปชมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ผู้คนค่อนข้างเงียบเหงา เพราะงานพึ่งเริ่มต้นวันแรก โฆษกตามเต็นท์งานต่างๆพยายามชักชวนให้ผู้ที่เดินผ่านไปเข้ามาร่วมงาน การอภิปรายธรรม การบรรยายธรรมส่วนมากยังไม่ค่อยมีคนฟัง ผู้จัดงานจึงได้เปิดเทปเสียงแทน เดินดูร้านจำหน่ายหนังสือทุกแผง กลับหาหนังสืออ่านไม่ได้สักเล่ม บางเล่มเคยอ่านแล้ว บางเล่มไม่สนใจอยากอ่าน สรุปว่าวิสาขบูชาปีนี้ยังหาหนังสืออ่านไม่ได้เลย จึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ปะรำพิธี ซึ่งกำลังเริ่มเจริญพระพุทธมนต์ จึงตกลงใจกับตัวเองว่าวันนี้จะไม่อ่านหนังสือ แต่จะอ่านใจตัวเองแทน

            พอฟ้าเริ่มมืดหันมองไปทางพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามมองเห็นเงามลังมะเลืองของสีทองสะท้อนกัับแสงพระอาทิตย์อัสดงที่กำลังกลืนหายไปจากขอบฟ้าเบื้องปัจฉิิมทิศ เสียงเจริญพระพุทธมนต์ที่กองอำนวยการแว่วมากระทบโสตประสาท ประชาชนเริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆ บางคนเวียนเทียนรอบๆพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาประดิษฐานกลางสนามหลวง จึงนั่งฟังธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ที่พระสงฆ์ผู้เข้าร่วมในพิธีกำลังสวด ปรกติมีแต่สวดให้คนอื่นฟัง วันนี้ลองฟังคนอื่นสวดบ้าง ตั้งใจฟังเนื้อหาในพระสูตรพร้อมกับกำหนดจิตนิ่งฟังอย่างสงบ
             พอถึงบท “หีโน คัมโม โปถุชชนิโก อนริโย อนัตถสัญหิโต” ก็เกิดสงสัยขึ้นมาในจิตว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงบอกว่าชีวิตการครองเรือนของฆราวาส “เลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน มิใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์” คำว่า “เลว” แปลว่าอย่างอื่นได้ไหม เปิดดูพจนานุกรมได้ความว่า "หีโน"แปลว่าเลว ต่ำช้า ส่วนว่า “คัมโม”แปลว่า หยาบช้า ต่ำทราม อันเป็นของคนต่ำ อันเป็นของชาวบ้าน สิ่งที่ควรได้ควรถึง ซึ่งคำแปลฟังดูดีกว่าคำว่า “หีโน” หากจะแปลว่าคับแคบน่าจะพอฟังได้ เพราะชาวบ้านจะต้องมองที่ครอบครัวก่อน ต้องมีกินมีใช้ พอประทังชีวิตไปได้ จึงไม่ได้คิดถึงการพ้นทุกข์หรือการออกจากสังสารวัฎมากนัก เพราะการดำเนินชีวิตจำเป็นต้องคิดตามสมมุติอย่างนั้น ส่วนพระอริยะเจ้านั้นยกไว้ท่านอยู่เหนือโลกอยู่เหนือสมมุติไปแล้ว

              นั่งนิ่งสงบฟังไปได้สักพักพลันคำถามหนึ่งก็แทรกเข้ามาในจินตนาการว่า “เราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต” กลับตอบตัวเองได้ไม่ง่ายนัก ตกลงคำถามง่ายๆนี้จะตอบอย่างไรดี
             พยายามนึกหาคำตอบเท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมาเช่นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม เกิดมาเพื่อใช้หนี้ เกิดมาสร้างคุณงามความดี   เกิดมาเพื่อต่อสู้ เกิดมาเพื่อเตรียมตัวสร้างบารมี เกิดมาเพื่อเรียนรู้เป็นต้น ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นคำตอบที่ใช้ได้ อาจจะเหมาะกับชีวิตของแต่ละคน
             ในบรรดาคำตอบทั้งหลายเหล่านั้น คำตอบที่น่าสนใจที่สุดในวันนี้คือ “เกิดมาเพื่อเรียนรู้” ตามหลักอิทัปปัจจยตานั้นมนุษย์เกิดมาจากอวิชชา คือการไม่รู้ เพราะไม่รู้จึงมีการปรุงแต่ง(สังขาร)มีวิญญาน นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ขรา มรณะ จากนั้นความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจจึงเกิดตามมา เป็นกระบวนการที่สืบเนื่องติดต่อกัน โดยสรุปเป็นกิเลส กรรม วิบาก กลายเป็นห่วงโซ่ที่ยากจะตัดได้ขาด
             ปฏิจจสมุปบาทนั้นมีองค์หรือหัวข้อ 12 ประการซึ่งเป็นการเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะอาศัยกัน, ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นพร้อม, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันๆจึงเกิดมีขึ้น ชีวิตจึงได้ถือกำเนิดมา
             เมื่อเกิดมาจากความไม่รู้ ถามว่าไม่รู้อะไร คำตอบที่ได้ในตอนี้คือไม่รู้ในอริยสัจจ 4 ซึ่งประกอบด้วยทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และทางในการดับทุกข์ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เนื้อหาเหล่านี้มีปรากฎในธัมมจักกัปปวัตนสูตร อันเป็นเทศนากัณฑ์แรกที่ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคี ดูเหมือนว่าหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาทั้งหมดจะสรุปลงในพระสูตรนี้

             หากจะตอบคำถามว่า “มนุษย์เกิดมาเพื่อเรียนรู้” ตามแนวแห่งปุถุชนจะเป็นอย่างไร  ในวัยเด็กยังไม่รู้อะไร พ่อแม่ต้องคอยสอนตั้งแต่การนั่ง การเดิน การกิน การพูด พอเติบโตมาหน่อยเข้าโรงเรียนครูก็ต้องคอยสอนให้อ่านออกเขียนได้ สอนให้มีมารยาทที่สามารถอยู่ในสังคมได้ การเรียนไม่จบสิ้นหากมีกำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญาพอก็เรียนต่อไปเรื่อยๆจนถึงชั้นสูงสุดคือปริญญาเอก จากนั้นก็เริ่มทำงานก็ต้องเรียนรู้กฎกติกามารยาทขององค์กรนั้นๆหรือประเทศนั้นๆซึ่งมีวัฒนธรรมองค์กรแตกต่างกันอีก เมื่อแก่ตัวแล้วยังจะต้องเรียนรู้การอยู่อย่างโดดเดี่ยวและวิธีเตรียมตัวก่อนตายอีก หากดำเนินชีวิตตามแนวของคนสามัญชีวิตก็น่าจะเป็นไปตามกระบวนการนี้
             ธรรมชาติให้อุปกรณ์ในการเรียนรู้มาเท่าเทียมกันยกเว้นแต่บางคนที่พิการอาจมีไม่ครบ เรียกว่าอายตนะภายในหกประการคือ ตาสำหรับเรียนรู้รูปร่าง สี สัณฐานเป็นต้น  หูสำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับเสียง จมูกสำหรับเรียนรู้กลิ่น ลิ้นสำหรับเรียนรู้รส กายสำหรับเรียนรู้สัมผัส  และใจ สำหรับเรียนรู้มโนภาพ อุปกรณ์การศึกษาเรียนรู้เหล่านี้ใช้ศึกษาศาสตร์ทั้งหลายเท่าที่ปรากฎมีในโลกได้แทบทุกศาสตร์ หากยังไม่สามารถใช้ได้ไม่เต็มที่ก็ผลิตอุปกรณ์เสริมเช่นแว่นตา กล้องต่างๆเป็นต้นขึ้นมาใช้

             หากมนุษย์ใช้อุปกรณ์ที่ธรรมชาติให้มาได้เรียนรู้ให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ก็สามารถจะเรียนรู้ได้มากมายในชั่วชีวิตหนึ่ง แต่ชาวโลกมักจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไปในทางสร้างความไม่รู้(อวิชชา) ให้เพิ่มมากขึ้นเช่นดูหนังที่ก่อให้เกิดกิเลส ฟังเสียงที่ไม่ชักนำให้ไปสู่สันติเป็นต้น ดูเหมือนว่าสินค้นที่มีขายในปัจจุบันจะสนองตอบความต้องการของมนุษย์ทั้งหกประการนี้ จึงมีส่วนทำให้มนุษย์หลงลืมการศึกษาเพื่อความหลุดพ้น ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเราเลย แต่อยู่ภายในตัวตนของเรานี้เอง การศึกษาและการปฏิบัติธรรมก็เริ่มต้นจากร่างกายยาวหนึ่งวา หนาหนึ่งคืบของแต่ละคนนี่เอง 
             โลกมนุษย์นี้เป็นโรงเรียนที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้มากที่สุด เพราะมีทั้งความดี มีทั้งความชั่ว มีทั้งความสุข มีทั้งความทุกข์ ผสมผสานคละเคล้ากันอยู่ จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบ โลกบางแห่งเช่นเทวโลกนั้นมีความสุขมากเกินไป พรหมโลกก็มีกาลเวลายาวนานเกินไป นรกเปรต อสุรกายก็ทุกข์มากเกินไป ดังนั้นโลกมนุษย์จึงมีความเหมาะสมมากที่สุดสำหรับการที่มนุษย์เกิดมาเพื่อการเรียนรู้ เมื่อเราเรียนรู้จนถึงที่ีสุดแล้วก็จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เมื่อไม่เกิด ก็ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มีแต่ความสุขสงบชั่วนิรันดร์ นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิต แต่ใครจะเดินไปถึงหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล  
               
  

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
25/05/53

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก