ปีนี้อากาศร้อนมาก ร้อนจนไม่อยากเดินทางไปไหน บางครั้งการเลือกอยู่กับที่อาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้ ปีนี้จึงได้อยู่ร่วมงานวันสงกรานต์ในชุมชน วันสงกรานต์มีปีละครั้ง มีการจัดงานวันสงกรานต์ทุกปี กิจกรรมมักจะเป็นไปแบบทางการคือมีการสรงน้ำพระพุทธปฏิมา สรงน้ำพระสงฆ์ รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ ขอพรจากผู้มีอายุผ่านประสบการณ์มามาก ใช้ชีวิตมามากกว่า ปัจจุบันยังคงดำรงตนอยู่ได้ในสังคมที่เปลี่ยนแปลง สังคมของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเล่นน้ำในวันสงกรานต์ กับผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยผ่านสงกรานต์มานาน เป็นการผสมผสานระหว่างเก่ากับใหม่ วัฒนธรรมจะได้สืบสานต่อไปได้
แม้ว่าวันสงกรานต์จะมีทุกปี แต่ประสบการณ์เกี่ยวกับวันสงกรานต์กลับเหมือนถูกลบทิ้งไปนานหลายปีแล้ว ไม่เคยได้เล่นสงกรานต์จริงๆมานานมากแล้ว ลองทบทวนว่ามีความทรงจำเกี่ยวกับวันสงกรานต์ครั้งสุดท้ายเมื่อใด เหตุการณ์ต้องย้อนกลับไปอีกหลายปี สมัยที่ยังเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ทำไมการเล่นสงกรานต์รู้สึกมีความาเพลิดเพลิน เที่ยวงานจนลืมวันเวลา ลืมกลับบ้านค่ำที่หมู่บ้านไหนก็นอนที่นั่นแหละ บางครั้งก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน แต่ก็ขอนอนพักค้างคืนได้
รู้สึกว่าเพื่อนจะเยอะมากก็ช่วงสงกรานต์นี่แหละ ไม่รู้ใครมาจากอำเภอหรือจังหวัดใดก็พักที่บ้านได้ จำได้ว่ามีปีหนึ่งเที่ยวสงกรานต์แบบท่องเที่ยวมีจักรยานคันเดียวชักชวนเพื่อนต่างหมู่บ้านที่เคยเรียนมัธยมต้นมาด้วยกัน ครั้งแรกก็แค่คนเดียวถีบจักรยานจากบ้านเกิดไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งถามหาเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน เมื่อพบกันก็ได้เพื่อนเที่ยวโดยมีจักรยานคนละคันจากสองเป็นสามเป็นสี่ ห้า ไปมันเรื่อยๆค่ำหมู่บ้านไหนก็หาเพื่อนใหม่พักพาอาศัยกันได้ หรือหากไม่มีใครรู้จักก็เข้าไปขอพักศาลาวัดในหมู่บ้านได้ ช่วงกลางวันก็เล่นน้ำ ตอนกลางคืนก็เล่นสนุกเช่นตีจับ มอญซ่อนผ้า เป็นต้น การละเล่นธรรมดาแต่ก็สามารถอยู่จนดึกดื่นได้ ถ้ามีเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันก็พักที่บ้านคนนั้น ถ้าไม่มีก็อาศัยศาลาวัดหรือพักตามบ้านเพื่อนใหม่ที่เล่นด้วยกันนั่นแล สงกรานต์บ้านนาในอดีตเป็นไปดั่งนี้
บางหมู่บ้านมีงานผ้าป่า ตอนเย็นจะมีการแข่งขันกีฬาเช่นฟุตบอล ตะกร้อ บาสเก็ตบอล เพื่อนในหมู่บ้านก็เสนอชื่อเข้าร่วมการแข่งขัน กลายเป็นคนหมู่บ้านนั้นไปโดยปริยาย แพ้หรือชนะเป็นเพียงเกมกีฬา ไม่ค่อยมีใครใส่ใจเท่าใด เป็นกีฬาเชื่อมสัมพันธไมตรีจริงๆ แต่การได้ร่วมทีมเข้าแข่งขันก็กลายเป็นเหมือนคนในหมู่บ้าน หรือหากมีการแข่งขันชกมวยก็เข้าเปรียบมวยกับเขาเปรียบตอนเช้าชกตอนเย็น แค่ได้ชกสักคนก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แพ้หรือชนะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ชื่อมวยก็ตั้งกันตอนนั้นแหละ หากหมู่บ้านมีค่ายมวยก็ใส่ชื่อค่ายในหมู่บ้านเข้าไปได้เลย นักมวยที่เป็นนักเรียนมักจะมีแรงพอต่อสู้ได้ตลอดห้ายก เพราะส่วนมากจะออกกำลังกายเป็นประจำ ได้เงินจากการชกมวยก็เก็บเข้ากองกลางเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งคนในหมู่บ้าน เพิ่มวงการคบหามากขึ้น นักเลงในหมู่บ้านไม่ค่อยอยากจะหาเรื่อง แค่เพื่อนในหมู่บ้านบอกว่า “พวกนี้เพื่อนกู” ก็เที่ยวงานได้สนุกแล้ว ที่สำคัญอย่าไปหาเรื่องเสียเอง ใครที่เมาหนักก็ให้ไปพักผ่อน หายเมาแล้วค่อยออกมาเล่นต่อ
ปีแรกๆจึงได้เที่ยวสงกรานต์ในระดับตำบล ถือโอกาสไปเยี่ยมเยือนเพื่อนๆที่เคยเรียนมาด้วยกันบางคนระดับชั้นประถมปลาย อยู่ในตำบลเดียวกัน แต่คนละหมู่บ้าน สมัยก่อนมีหนึ่งตำบลหนึ่งประถมปลาย บางคนระดับมัธยมต้น อยู่ในระดับอำเภออาจจะเรียกว่าหนึ่งอำเภอหนึ่งมัธยมต้นก็คงไม่ผิด แต่ถ้าเป็นมัธยมปลายต้องขยับขึ้นมาเป็นระดับจังหวัด ในอดีตการที่จะเข้าเรียนในระดับมัธยมปลายมีการแข่งขันสูงมาก บางคนจึงหันไปเรียนวิชาชีพแทน ซึ่งก็มักจะมีอยู่ในจังหวัด ยุคสมัยนั้นในระดับอำเภอมีโรงเรียนระดับมัธยมต้นก็ดีมากแล้ว
ส่วนประวัติความเป็นมาของวันสงกรานต์ก็จะฟังจากหลวงพ่อที่เทศน์เรื่องวันสงกรานต์ทุกปี เรื่องเก่านั่นแหละ ท้าวมหาพรหมถามปัญหาเรื่องราศีกับธัมมปาลกุมาร เมื่อตอบไม่ได้ก็คิดว่าต้องตายจึงหลบไปนอนใต้ต้นไม้ นกอินทรีย์สองผัวเมียมาสนทนากัน จนธัมมปาลได้คำตอบ กลายเป็นท้าวมหาพรหมต้องตายเสียเอง เป็นอุทาหรณ์บอกว่า อย่านึกว่าตัวเองเก่งคนเดียว ในโลกนี้ยังมีผู้ที่เก่งกว่าอีกมากมาย แม้แต่นกก็อาจจะมีความรู้มากกว่าพรหมและธัมมปาลกุมารก็ได้ เรื่องของราศีเช้าอยู่ที่หน้า กลางวันอยู่ที่อก และเย็นอยู่ที่เท้า เช้าตื่นมาให้หน้าสดใส กลางวันใจให้เบิกบาน ราตรีกาลอยู่บ้านอย่าเดินทางไกล ถ้าทำได้ใจก็เย็นเห็นความจริง
การเที่ยวสงกรานต์ในยุคสมัยนั้นยังคงใช้รถจักรยานเป็นพาหนะ ซึ่งก็ไปได้ไม่ไกลนักได้แค่ในระดับอำเภอเท่านั้น ส่วนระดับจังหวัดยังไปไม่ถึง หากย้อนกลับไปได้คงต้องเที่ยวสงกรานต์ในระดับภาคแค่มีรถยนต์สักคันก็คงไปได้หลายจังหวัด อย่างน้อยก็ได้ไปเยี่ยมเพื่อนฝูงที่เคยศึกษาเล่าเรียนมาด้วยกัน แต่โลกปัจจุบันก้าวหน้ามากกว่า แค่เที่ยวสงกรานต์ทางไลน์ ทางเฟสบุค ก็สนุกได้ เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันกันนี่แหละคือกลุ่มเป้าหมาย ได้พูดคุยสนทนากัน แม้จะเป็นเพียงการพบปะทางสื่อสังคมออนไลน์ก็ยังอิ่มใจ
สงกรานต์ปีนี้มีคนมารดน้ำดำหัวขอพร เราได้กลายเป็นผู้มีอายุ เป็นผู้เฒ่าของชมชนไปแล้ว เป็นวันสงกรานต์ที่ไม่ค่อยอยากจำ แต่ความทรงจำวันสงกรานต์กลับย้อนกลับไปถึงสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม แม้กาลเวลาจะผ่านมานานกว่าสี่สิบปีแล้ว ยังจำได้ แต่สิ่งที่อยู่ใกล้ๆที่พึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันกลับลืมเลือน ต้องคิดใกล้ๆไปช้าๆ ความสุขส่วนหนึ่งคือการได้ย้อนกลับไปคิดถึงอดีต อดีตมีไว้เพื่อจำ ปัจจุบันมีไว้เพื่ออยู่ส่วนอนาคตมีไว้เพื่อฝัน ชีวิตปัจจุบันเป็นไปเช่นนี้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
15/04/67