แม้ว่าจะเป็นการวางแผนเพียงแค่วันเดียว แต่กลับตราตรึงในใจได้หลายวัน เหตุเกิดขึ้นจากวันหนึ่งได้ไปพักที่วัดอโศกพุทธวิหาร เมืองจันทิการ์ ได้แวะเข้าไปขอน้ำชาหรือที่ชาวอินเดียเรียกว่า “กาลัมจาย” จากนักบวชหญิงท่านหนึ่งที่แวะเข้ามาพักที่วัดอโศกเช่นเดียวกันต่างฝ่ายต่างมา พอสนทนากันสักพักเธอบอกว่าบ้านเธออยู่ที่เลย์ ลาดักส์ ช่วงนี้หนาวมากจึงหนีหนาวลงมาพักที่จันทิการ์ซึ่งมีอากาศที่หนาวน้อยกว่า ซึ่งตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซ็นเชียส เลย์ช่วงนี้น่าจะติดลบประมาณ 15 องศา เธอบอกว่าหนาวมาก ถ้าไปตอนนี้ได้หิมะยังไม่ละลายน่าจะยังมีหิมะเหลืออยู่ หากเดินทางโดยรถยนต์โดยสารใช้เวลาประมาณ 21 ขั่วโมง แต่ถ้าเดินทางโดยเครื่องบินจะใช้เวลาเพียง 55 นาทีเท่านั้น แต่ค่าใช้จ่ายต่างกันสิบเท่า
มีลามะท่านหนึ่งเป็นชาวอังกฤษพักอยู่ที่จันทิการ์ได้สนทนากันท่านบอกว่าไปได้เลยผมมีเพื่อนที่เลย์ลงเครื่องบินก็เข้าไปขอพักได้เลย มีข้อมูลแค่นั้นแหละจากนั้นก็จองตั๋วเครื่องบินจากจันทิการ์ไปกลับเลย์และจันทิการ์ในบัดดลสนราคาประมาณ 20000 รูปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 8000 บาท จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางไปเลย์ทันที ไปรูปเดียวนี่แหละ ไม่ได้จองที่พัก ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร แค่ในใจบอกว่าอยากไปมานานแล้ว เมื่อหลายปีก่อนเคยเดินทางไปศรีนาคาและวางแผนว่าจะไปลาดักส์ แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เพราะถนนถูกปิดเพราะธรรมชาติ หิมะตกหนักจนรถยนต์ไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าหิมะจะตกหนักขนาดไหนจนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แต่ก็ต้องยอมเพราะไม่มีรถยนต์คันไหนกล้าวิ่งบนเส้นทางที่หิมะตกหนัก
ช่วงนี้มาใกล้แล้วแค่ 55 นาทีกับเงินค่าโดยสารที่พอรับได้ หากจะรอจนถึงช่วงหิมะหยุดตกราคาค่าโดยสารอาจจะพุ่งเป็นสองเท่า
ไปถึงสนามบินเลย์ก่อนเที่ยงสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นของอากาศ ต้องเปิดกระเป๋านำเสื้อกันหนาวมาใส่ หาถุงเท้ามาสวม พร้อมหมวกกันหนาว จากนั้นจึงเช่ารถแท็กซี่ไปที่ “มหาโพธิสมาคม” ใช้เวลาไม่นาน พอไปถึงได้พบลามะรูปหนึ่ง เมื่อสอบถามท่านก็บอกว่า “ช่วงนี้ที่พักปิด เพราะอากาศหนาวสู้กับกับหิมะไม่ไหว น้ำก็ไม่มี เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเมื่อมาแล้วก็ไปพักที่กุฏิผมก่อนก็ได้ ตอนเย็นผมจะหาที่พักให้ใหม่ จากนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ขอให้ท่านพักผ่อนอยู่ภายในกุฏิ อย่าออกมาข้างนอก เพราะอาจจะหนาวตายได้”
คำอธิบายสั้นๆแต่ได้ความหมายชัดเจน ทั้งๆไม่ค่อยจะเห็นด้วย มันจะหนาวขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ก็รับฟัง แค่ออกมาเดินเล่นนอกกุฏินิดหน่อย ก็รู้สึกหนาวแล้ว ความหนาวของหิมะไม่ควรล้อเล่น เพราะความหนาวไม่เคยปราณีใคร แม้จะเคยผ่านความหนาวระดับเดียวกันมาแล้วจากอลาสก้า ซึ่งมีความหนาวระดับเดียวกันนี่แหละ
ตอนเย็นลามะท่านนั้นกลับมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ท่านบอกว่า “ที่พักไม่มีเลย เห็นทีท่านจะต้องพักที่กุฏิผมเป็นการชั่วคราว ” ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยังติดตรึงในหัวใจตลอดมา ท่านบอกว่ามีพระไทยรูปหนึ่งพักอยู่ที่นี่ ไม่นานพระไทยรูปนั้นก็ติดต่อมา กลายเป็นเพื่อนพระธรรมทูตจากสำนักเดียวกัน ชีวิตมันจะบัเอิญขนาดนั้น และท่านพระธรรมทูตรูปนั้นแหละที่พาชมเลย์ ลาดักส์ในวันต่อมา
“ลาดักส์” ในอดีตอยู่ในเขตปกครองในรัฐ “จัมมูร์ แคชเมียร์” ปัจจุบันเป็นเขตปกครองพิเศษหนึ่งในแปดแห่งของอินเดีย มีเมืองหลวงชื่อ “เลย์” จึงมักจะเรียกรวมกันว่า “เลย์ ลาดักส์” ประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน มีวัดที่ชื่อเสียงจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นนิกายตันตระยาน ที่มีรูปแบบและแนวทางการปฏิบัติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน เป็นมหายานแบบลาดักส์ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับมหายานแบบทิเบต
มีวัดฝ่ายเถรวาทที่สำคัญคือ “มหาโพธิสมาคมแห่งลาดักส์” มีเนื้อที่กว่า 500 ไร่ ดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์หลายอย่าง เช่นโรงเรียนมีนักเรียนเกือบพันคน มีศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พักพิงสำหรับคนชรา มีโรงพยาบาล มีโรงแรมที่พักสำหรับนักเดินทาง มีศูนย์ปฏิบัติธรรมสำหรับคนจากต่างประเทศ เป็นต้น เจ้าอาวาสเป็นพระภิกษุชาวลาดักส์โดยกำเนิด
สภาพภูมิอากาศมีความหนาวเย็นตลอดปี ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนจะมีอากาศหนาวมาก หิมะตกทั่วทั้งเมือง ต้นไม้ใบหญ้าสลัดใบ ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเดินทางไป ที่พัก โรงแรม ร้านอาหารจะปิดกิจการเพราะอากาสหนาว ส่วนหน้าท่องเที่ยวจะอยู่ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม อากาศไม่หนาวมาก ต้นไม้งดงาม ลำธาร น้ำใสไหลเย็น การคมนาคมสะดวกสามารถเชื่อมโยงกันได้หลายเมืองเช่นศรีนาคา มนาลี ธรรมศาลา
เลย์ ลาดักส์ แม้จะพักอยู่ไม่นาน แต่ความงดงามแห่งธรรมชาติ ความหลากหลายทางพุทธศาสนาทั้งมหายาน วัชรยาน ตันตระยาน และเถรวาท อยู่ร่วมกันบนดินแดนที่หนาวเย็นตลอดปี ถ้ามีเวลาและโอกาสยังอยากจะกลับไปเยือนอีกครั้ง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
10/04/67