อยู่คนเดียวในราวป่ามาหลายวันฟังเสียงนกร้องก้องระงมไพร จักจั่นเรไรก็เริงร้องเหมือนบทเพลงขับกล่อมราวป่าให้เริงร่า กระรอก กระแตแวะเวียนมาหาอาหาร ข้าวก้นบาตร ผลไม้จะเหลือจากภัตตาหารนำมาวางไว้ที่ข้างกุฏิ ทั้งกระรอก กระแต นก ที่เริ่มจะคุ้นกับวิถีชีวิตขอวข้าพเจ้าเริ่มไม่เกรงกลัว แวะเวียนเข้ามาหาอาหารอย่างสบายอารมณ์ บางทีความเป็นเพื่อนก็ไม่ต้องเอ่ยวาจาก็ได้ เพียงแค่เข้าใจวิถีของแต่ละคน หรือวิถีของสรรพสัตว์ตามที่เขาเป็นก็เป็นเพื่อนกันได้แล้ว
บ่ายคล้อยตะวันเริ่มเคลื่อนตัวใกล้ยอดเขา อีกไม่นาก็มืดค่ำ ที่นี่มืดเร็ว แค่ห้าโมงเย็นตะวันก็ลับเหลี่ยมแล้ว สองทุ่มก็มืดสนิท ถึงเวลาหลับนอนพักผ่อนประจำวัน พอตีสามก็ต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวในการทำวัตรสวดมนต์ วัดนี้จัดหนักทำวัตรตอนตีสาม พอถึงหกมงเช้าก็ออกบิณฑบาต กลับมาประมาณแปดโมงเช้าก็เริ่มทำภัตตกิจ จากนั้นก็แยกย้ายกันทำกิจธุระส่วนตัว กลับมาพบกันอีกครั้งเวลาประมาณห้าโมงเย็น เริ่มทำวัตรสวดมนต์อีกครั้ง วิถีชีวิตของวัดป่าเป็นไปทำนองนี้
เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนกันทั้งโลก เวลาของคนทำงานก็แล้วแต่จะกำหนดกติกากันไว้อย่างไร ส่วนมากจะทำงานช่วงกลางวัน พักผ่อนตอนกลางคืน ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดคือจากเช้าไปหาค่ำนี่แหละ มองไปทางไหนเห็นแต่ป่าไม้และภูเขาสูง หากไม่เหนื่อยล้าจนเกินไปก็จะใช้เวลาช่วงกลางวันเข้าสำรวจถ้ำบ้าง นั่งเล่นในถ้ำบ้าง แต่ช่วงนี้ฝนตกถ้ำมักมีมีน้ำนองขัง สิ่งที่ตามมามักจะมีสิงสาราสัตว์เข้าไปอาศัยในถ้ำ ที่มากที่สุดน่าจะเป้นงู เคยได้ยินคนโบราณบอกว่างูจะไม่เข้าถ้ำ แต่ทว่างูสมัยนี้ วิถีชีวิตเปลี่ยนไป งูชอบอยู่ในถ้ำส่วนมากจะเป็นโพรงถ้ำเล็กๆ นอกขดตัวแทรกอยู่ตามซอกหิน ถ้าเป็นงูไม่มีพิษก็ไม่เป็นไร พอหลบได้บ้าง วิธีสังเกตง่ายๆว่างูชนิดไหนมีพิษหรือไม่มีพิษ ถ้างูไม่มีพิษจะเคลื่อนไหวเร็ว บางครั้งแค่ได้ยินเสียงคนก็ขยับตัวเลื้อยหนีไปแล้ว แต่ถ้าเป้นงูมีพิษจะเคลื่อนไหวช้าๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน แต่ถ้าพบกับสิ่งที่อาจจะเป็นอันตราย
จะขยับตัวพุ่งเข้าหาทันที งูประเภทนี้ต้องระมัดระวังให้มาก
ถ้าเป็นงูใหญ่ประเภทงูเหลือม งูจงอาง หลีกหลบได้ให้รีบหลีกหนีให้ไกล จงอางมักจะมีอันตรายตอนออกไข่ ใครเข้าใกล้มักจะถูกทำร้าย ที่โบราณเรียกว่า “จงอางหวงไข่” อันตรายที่สุด เคยได้ยินว่ามีคนนำไข่งูจงอางมาเพื่อปรุงทำเป็นอาหาร แม่งูจะตามมาถึงบ้านพบเจออะไรก็จะทำร้ายทันที คำเตือนของคนเฒ่าคนแก่บอกว่าหากพบเข้าป่าเจอไข่อย่าพึ่งชะล่าใจอาจจะเป็นไข่งูจงอางก็ได้
ส่วนงูเหลือมักจะไม่ค่อยทำอันตรายใครง่ายๆ ยกเว้นเวลาหิว มีนักล่างูเหลือมเล่าให้ฟังว่า งูเหลือมจะออกมาหาอาหารในช่วงที่หิว วิธีหาอาหารของงูเหลือเป็นเคล็ดลับเฉพาะที่ไม่มีสัตว์อื่นลอกเลียนแบบได้ งูเหลือมจะปล่อยสารเรียกสัตว์ที่จะเป็นอาหารออกไปในวิถีโคจร จากนั้นก็นอนรอ ไม่นานก็จะมีสัตว์ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของกลิ่นงูเข้ามาหาเอง งูเหลือมก็แค่เลือกกินสัตว์นั้นจนอิ่ม และกลับเข้าสู่ที่พำนักรอจนอาหารย่อยซึ่งก้ใช้เวลาหลายวัน จึงจะออกมาหาอาหารอีกครั้ง
บางวันที่ข้างๆกุฏิมีงูเหลือมมานอนเหยียดยาวอย่างสงบเงียบ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขากินเราเป็นอาหารฤทธิ์เดชของใครจะแรงกว่ากัน โบราณแนะนำว่า หากพบสัตว์ร้ายให้แผ่เมตตา และตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากเราและท่านมีเวรต่อกัน ขอให้หมดเวรหมดกรรมกันในชาตินี้ เรายินดีสละชีวิตเพื่ออาหารให้ท่าน แต่ถ้าเราทั้งสองไม่เคยมีเวรมีกรรมต่อกันมาก่อน ขอให้ไปตามทางของใครของมัน ต่างคนต่างไป
เคยได้ยินเรื่องเล่าตามประวัติหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ครั้งหนึ่งเคยเผชิญหน้ากับช้างป่า หลวงปู่ขาวบอกว่าแผ่เมตตาให้ และยืนสงบนิ่ง เมื่อช้างยังไม่หนีก็บอกว่าพี่ชายขอทางหน่อย อย่าได้มารบกวนกันอีกเลย ไม่นานช้างก็หนี การทำแบบนี้ต้องสติที่มั่นคงและจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมาก เพราะถ้าช้างไม่รับรู้อะไรด้วย ก็เรียบร้อยแล้ว สัตว์ส่วนมากก็ไม่อยากยุ่งกับคน ยกเว้นแต่ไม่มีทางเลือก
ข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับงูเหลือมจริงๆที่จำได้ดีคือ ช่วงหนึ่งเดินทางจากอุดรธานีไปจังหวัดชลบุรี เข้าพักที่สำนักสงฆ์ในป่า เนื่องจากตอนนั้นฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว พระภิกษุแต่ละรูปก็แยกย้ายกันเข้าสู่ที่พัก จำนวนพระภิกษุมากกุฏิไม่พอพัก ก็ต้องกางกลดนอนตามร่มไม้ ริมถ้ำ หรือกลางลานแล้วแต่ใครจะสะดวกเลือกหาได้ตามชอบใจ ข้าพเจ้าเห็นทางเข้าถ้ำเตียนโล่งพอจะเป็นที่พักได้ ก็กลางกลดนอนที่หน้าถ้ำนั่นแหละ ตอนเช้าต้องรีบตื่นแต่เช้าออกบิณฑบาตพร้อมพระภิกษุจำนวนหลายรูป ได้บาตรและจีวรก็รีบออกจากที่พักทันที กลดยังไม่ได้เก็บด้วยซ้ำตั้งใจว่าบิณฑบาตกลับมาค่อยเก็บที่พัก
กลับจากบิณฑบาตก็รีบไปที่พักเพื่อเก็บบริขารให้เป็นระเบียบ แต่พอยกกลดขึ้นเท่านั้นเจ้างูเหลือมตัวโตขนาดโคนขานอนขดตัวอย่างสบายอารมณือยู่ในกลดนั่นเอง อารามตกใจจึงรีบหนีโดยเร็ว แต่พอตั้งสติได้ก็มาคิดว่า เขาคงมานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ถ้าเป็นเวลาที่เขาหิวเราคงเข้าไปอยู่ในท้องของเจ้างูเหลือมตัวรนั้นแล้ว จึงค่อยเดินกลับไปอีกครั้งในใจก็แผ่เมตตาไปให้ และบอกว่า “พี่ตัวยาวขอที่คืนหน่อย ขอโทษที่มารบกวน จะไม่มารบกวนอีกแล้ว” เหมือนงูจะเข้าใจภาษามนุษย์รีบเลื้อยหายเข้าไปในถ้ำ” ภายหลังที่วัดพระรูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่างูตัวนี้เป็นเพศเมียชื่อเจ้าหางกุด ไม่เคยทำอันตรายใคร เขาอยู่ในถ้ำนั่นแหละ หลวงพี่ไปนอนขวางทางเขาเอง โชคดีนะที่งูไม่หิว ถ้าไม่อย่างนั้นหลวงพี่ก็คงกลายเป็นเรื่องเล่าขานระหว่างพระที่มรณภาพกับงูที่กินพระเป็นอาหารไปแล้ว
คำที่คนโบราณบอกว่า “งูมักจะไม่เข้าถ้ำ” เป็นเพียงแค่คำพูดเพื่อปลอบประโลมใจสำหรับคนที่ชอบเข้าถ้ำ แต่ข้อเท็จจริงคืองูอยู่ได้ทุกที่ แม้แต่ในถ้ำ จากเหตุการณ์ในวันนั้น ข้าพเจ้าไม่กล้าเข้าถ้ำนานหลายปี
ฟ้าเริ่มมืดแล้วเสียงแมลงกลางคืนเริ่มออกมาบรรเลงเพลงแห่งราตรี เสียงร้องต่างกันอยู่นะ ตอนกลางวันจะร้องเป็นช่วงๆ ไม่ต่อเนื่อง บางครั้งเงียบสงัด บางครั้งร้องระงมสลับกับกระแสลมที่โชยแผ่วมาเป็นช่วงๆ
ส่วนเสียงแมลงกลางคืนจะร้องติดต่อกันยาวนานสอดประสานเสียงสลัยสับเปลี่ยนจนแยกไม่ออกว่าเสียงอะไร เหมือนบทเพลงจากวงออเคสตร้าที่ใช้ดนตรีหลากหลายประเภท ถ้าไม่ตั้งใจฟังจะไม่รู้ว่าเป้นเสียงอะไร ป่ายามค่ำคืนก็เช่นกันแยกไม่ออกว่าเสียงนั้นมาจากสัตว์ประเภทใด แต่ถ้าดีๆก็คล้ายเป้นบทเพลงจากนักประสานเสียงชั้นยอด เราอยากฟังเพลงอะไรท่วงทำนองก็จะกลายเป็นเหมือนจินตนาการที่เรากำลังคำนึง ไม่มีอารมณ์รักโลภโกรธหลงเหมือนบทเพลงที่เกิดจากการรังสรรค์ของมนุษย์ บทเพลงจากพงไพรฟังง่าย ฟังแล้วอารมณืสงบเยือกเย็นทั้งๆที่เป็นเสียงเหมือนกัน
ช่วงเวลาสองอาทิตย์ที่ปลีกตัวมาพักอาศัยในราวป่าและภูเขา จิตใจสงบเยือกเย็น ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ไม่มีอารมณ์แห่งความอยากได้ และอารมณ์แห่งความไม่พอใจใครเข้ามาแทรกเลย ใครจพทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา เขาไม่มายุ่งเกี่ยวกับเราก็ไม่สนใจ ทำเรื่องของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอแล้ว ในช่วงชีวิตนี้เดินทางไปมาหลายประเทศแล้ว บางทีการอยู่ในที่สงบเงียบสงัด ใช้เวลาในการเดินทางทางจิตวิญญาณมากกว่าการเดินทางภายนอก อาจจะเป็นทางเลือกสำหรับใครที่ชอบความเป็นธรรมชาติของราวป่าและภูผาบ้างก็ได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
14/06/66