สถานการณ์โควิดครั้งนี้หนักหน่วงรุนแรง โทรศัพท์ถามข่าวโยมแม่ ท่านเรียกโรคนี้เล่นๆว่า “โรคห่าตำปอด” ฟังดูแล้วชัดเจนและเข้าใจง่ายดีเหมือนกัน เพราะโรคนี้มุ่งตรงสู่ปอด เข้าปอด กินปอด เมื่อปอดทำงานไม่ได้ก็ต้องเสียชีวิต สมัยก่อนได้ยินแต่โรคเกี่ยวกับตับ เรียกว่า “ปอบกินตับ” ปอบเป็นผีชนิดหนึ่งชอบกินเครื่องในของสัตว์ต่างๆ กินแล้วตาย สมัยหนึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับผีแม่หม้ายชอบผู้ชาย บางหมู่บ้านมีคนตายหลายคน ต้องแก้เคล็ดโดยการทำเครื่องรางคือ “ปลัดขิก” ไว้หน้าบ้าน วิธีแก้ปัญหาของชาวบ้านแบบโบราณก็สามารถฟันฝ่าโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมาได้ แม้ว่ายุคสมัยปัจจุบันที่ยอมรับกันว่ายุคสมัยที่เจริญแล้ว ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้หมด โดยเฉพาะ “โรคห่าตำปอด” ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แถมยังกระจายไปทั่วโลกอีกด้วย
สมัยเป็นเด็กมักจะได้ยินคนด่าด้วยถ้อยคำอย่างนี้เช่น “ห่าตำปอด”หรือ “ปอบกินตับ” ตามยุคสมัย ถ้าสมัยนี้ก็น่าจะเปลี่ยนเป็น “โควิดกินปอด” สมัยโบราณโรคห่าหรืออหิวาตกโรค ก็เคยระบาดหลายครั้ง มีคนตายจำนวนมาก บางแห่งต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น เพราะมีคนตายมาก ติดเชื้อกันง่ายและตายกันมาก แต่ทุกครั้งก็ผ่านพ้นมาได้ คนที่รอดตายก็สร้างบ้านแปงเมืองขึ้นมาใหม่ วิกฤตแต่ละครั้งการแก้ปัญหาก็ต่างกัน สมัยก่อนใช้ยาสมุนไพร แต่สมัยนี้หวังพึ่งวัคซีน ในอนาคตถ้าเกิดโรคใหม่ขึ้นอีกจะใช้อะไรก็ต้องรอดูต่อไป ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ถึงอนาคตนั้น
นโยบายต่างๆที่ทางการออกมาเน้นที่การอยู่คนเดียว ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานที่ที่มีคนจำนวนมากมารวมกันอยู่ แม้แต่ร้านอาหารก็ต้องซื้อกลับบ้าน ไม่ให้นั่งกินที่ร้าน ห้างสรรพสินค้าหากไม่จำเป็นก็ให้หลีกเลี่ยง สาระสำคัญคือประเภทที่เป็นห้องปรับอากาศขนาดใหญ่มีคนจำนวนมาก ที่ต้องใช้อากาศหายใจร่วมกัน ถ้าหากทำได้ให้อยู่คนเดียวในห้องธรรมดาที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศน่าจะปลอดภัยได้มากกว่า ถ้าเข้าไปอยู่ในป่าในเขาได้ยิ่งดี แต่จะต้องผ่านการคัดกรองตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าติดเชื้อหรือไม่ ถ้าติดเชื้อก็ต้องได้รับการกักตัวตามระเบียบ
“โรคห่าตำปอด” นี่อันตรายร้ายแรงเหมือนกันนะ ล้อเล่นกับมันไม่ได้ เพราะหากพลาดพลั้งไปมีสิทธิ์ตายได้ทันที ครั้นจะระวังมากไป ไม่ติดต่อกับใครเลย ก็ทำได้ยากอีก เพราะธรรมชาติของมนุษย์จะต้องคบหาสมาคมกับคนอื่นๆ การอยู่คนเดียวนานๆนั้น คนที่ไม่เคยอยู่มาก่อนก็อยู่ยากเหมือนกันนะ
การอยู่คนเดียวนานๆ ต้องสู้กับความคิด มันคิดไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ไม่น่าคิดมันก็คิด สิ่งที่ควรจะคิด สิ่งที่ควรจะทำมันกลับไม่ทำ บางวันไม่ได้งานอะไรสักอย่าง แค่ดูข่าวจากโทรทัศน์ซึ่งก็เป็นข่าวประเภทคนตาย อาชญากรรม ข่าวนักการเมืองซึ่งก็เป็นเรื่องเก่าๆ พูดแก้ตัวเอาตัวรอดไปวันๆ สุดท้ายก็เข้าข้างตัวเอง ประมาณนั้น ข่าวที่ยอดนิยมคือตัวเลขคนติดเชื้อโควิดทั้งในระดับโลกและในประเทศ ฟังแล้วหดหู่ในหัวใจ ครั้นจะไม่รับรู้อะไรก็ยังคงต้องอยู่ในโลกนี้อยู่ ก็ต้องรับรู้ข่าวสารบ้าง และต้องคอยระวังว่าเจ้าเชื้อโรคร้ายมันมาใกล้เราหรือยัง เรื่องของการฉีดวัคซีนไปถึงไหนแล้ว เรามีมีสิทธิ์ที่จะได้รับวัคซีนเมื่อไหร่
เมื่อทำอะไรมากไม่ได้ จะด่ารัฐบาลหรือเขียนกระทบนายกรัฐมนตรีหน่อย ก็เกรงว่าจะโดนหางเลข อาจถูกจับขังคุกลืมในข้อหาปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย รัฐบาลชุดนี้ยิ่งแตะต้องไม่ค่อยได้ พอมีคนเสนอความคิดเห็นหน่อยก็จะออกมาพูดเสียงดัง เหมือนมีอะไรบปิดบังประชาชนไม่อยากให้ใครรู้ประมาณนั้น ฝ่ายค้านแม้จะมีข้อเสนอแนะอย่างไร แต่เมื่อลงคะแนนก็มีอันต้องพ่ายแพ้ทุกที บางทีระบอบที่เราเรียกว่าประชาธิปไตย น่าจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ระบอบพวกมากลากไป”
ทางด้านผู้ดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย ปลายเดือนเมษายน สั่งให้วัดทั้งหลายงดกิจกรรมที่มีการ่วมงานกันเป็นจำนวนมาก แต่พอต้นเดือนพฤษภาคม ก็มีคำสั่งใหม่ให้วัดสวดมนต์เพื่อป้องกันโควิด ไปโน่นเลย สิ่งที่ควรจะทำมากที่สุดในช่วงนี้คือเร่งฉีดวัคซีนให้กับพระภิกษุสามเณรและประชาชนให้มากที่สุด น่าจะทำให้ประชาชนอุ่นใจ ไม่ใช่มัวแต่แถลงตัวเลขคนติดเชื้อรายวัน ฟังแล้วยิ่งทำให้ประชาชนกลุ้มใจมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องแถลงบ้างก็ได้ แต่เสนอข่าววัคซีนให้มากขึ้น ใครควรแจกฟรี ใครควรจ่ายเงินก็ว่ากันไป คนที่มีเงินที่พร้อมจะจ่ายจะได้ไปฉีดป้องกัน อิทธิพลของโรคห่าตำปอดนี้ร้ายแรงจริงๆ
สิ่งที่น่าจะทำได้ทันทีโดยไม่ต้องรอความช่วยเหลืออจากใครในช่วงนี้ก็ต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน ฝึกอยู่คนเดียวให้ได้ หรือหากจะต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นก็ต้องรักษาระยะห่างไว้ ไม่พยายามเข้าไปในที่ชุมชน ในที่มีคนเป็นจำนวนมาก ก็อาจจะเป็นวิธีการที่พอจะรอดพ้นจากการติดเชื้อได้ หากจะทำให้ดีก็ต้อง ทำตนเป็นที่พึ่งของตนให้ได้ ทำใจให้หนักแน่นเข้าไว้
วิธีฝึกอบรมจิตใจให้หนักแน่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนพระราหุลให้ทำจิตใจให้หนักแน่นเสมอด้วยแผ่นดิน ดังข้อความที่แสดงไว้ในมหาราหุโลวาทสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ (13/140/114) ความว่า “ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนา (อบรมจิต) เสมอด้วยแผ่นดินเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้ ดูกรราหุล เปรียบเหมือนคนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง คูถบ้างมูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงที่แผ่นดิน แผ่นดินจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้”
ทำจิตใจให้หนักแน่นดุจแผ่นดิน ซึ่งแผ่นดินย่อมทนได้ทุกสภาพ ใครจะกระทืบกระหน่ำซ้ำเติมอย่างไร แผ่นดินก็ไม่เคยโต้ตอบ เมื่อจิตในเรามีความหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวดุจแผ่นดิน ไม่นาน “โรคห่าตำปอด” ก็ต้องผ่านพ้นไปจนได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/05/64