งานพิธีถวายเพลิงสรีระสังขารครูใหญ่พระเทพวิทยาคม หรือที่ชาวบ้านรู้จักในนามหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ผ่านพ้นไปแล้ว ยังเหลือแต่ตำนานที่คนรุ่นหลังได้เล่าขานสืบตำนานหลวงพ่อคูณ เทพเจ้าแห่งด่านขุนทดต่อไปอีกนานเท่านาน
ผู้เขียนเคยเดินทางไปวัดบ้านไร่หลายครั้ง ได้พบกับหลวงพ่อคูณหลายครั้ง ส่วนมากจะอยู่ท่ามกลางผู้คนที่แน่นขนัด ได้แต่ยกมือไหว้จากที่ไกล เฝ้าดูหลวงพ่อคูณใช้ไม้เคาะศีรษะของผู้ที่ไปกราบไหว้ พร้อมกับปากหลวงพ่อที่เหมือนกับกำลังท่องคาถาอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็กล่าวคำให้พรแก่พุทธศาสนิกชนด้วยถ้อยคำที่ให้กำลังใจ
ลงจากศาลาการเปรียญก็แวะดูตลาดพระเครื่องซึ่งมีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน และจำแนกไม่ออกว่ารุ่นไหนดีอย่างไร บางรุ่นแพงมากแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมจึงมีราคาแพง พอได้มาเป็นที่ระลึกหลายรุ่น แต่ก็ไม่เคยมีปาฎิหาริย์อันใดปรากฎให้เห็นเก็บไว้เฉยๆหรือบางครั้งก็แจกคนอื่นบ้าง เพราะตามปกติก็ไม่ค่อยได้สนใจพระเครื่องมากนัก เพราะถือคติว่ามีพระอยู่กับตัวแล้วจะไปหาพระเครื่องให้หนักอีกทำไม
แต่ช่วงหลังๆมีคนนำมาจำหน่ายจ่ายแจกมากขึ้น ก็รับเช่าซื้อไว้บ้าง นานๆเข้าพระเครื่องก็เต็มกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ แม้จะแจกไปมากแล้วแต่ก็ยังเหลืออยู่มาก เวลาว่างๆนั่งส่องพระเล่นๆเพลิดเพลินเจริญใจดี เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง ยิ่งพระสมเด็จยิ่งส่องยิ่งเพลิน แต่เท่าที่ได้มาก็ยังไม่เคยขายได้ราคาเป็นล้านเหมือนคำโฆษณาเลย เคยส่งไปให้เซียนพระดูให้ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นมักจะได้รับคำตอบว่า “พระไม่ถึง พิมพ์ไม่ใช่” สรุปคือไม่เคยขายได้ หรือให้ใครเช่าก็ไม่ได้เลยสักองค์
แม้จะเป็นพระที่เซียนบอกว่าปลอม แต่เก็บไว้ก็ไม่เสียหายอันใด ให้สิ้นสุดที่ตัวเรานี่แหละดีที่สุด ไม่ต้องส่งความไม่แท้ไปให้ใครเขาอีก
ลองสำรวจดูพระเครื่องหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มีอยู่ประมาณสิบรุ่น ทั้งพระกริ่ง พระเหรียญ พระผง ซึ่งเก็บไว้ในกระเป๋าไม่ค่อยได้เปิดชมมากนัก พระเครื่องจะขลังหรือไม่เคยได้ยินหลวงพ่อคูณให้สัมภาษณ์ว่า “พระเครื่องนะมีไว้ให้ระลึกถึงคุณความดีของพระ เวลาจะทำอะไรที่ไม่ดี จะได้ระลึกได้ว่าเรามีพระอยู่ที่คอ จะได้อายพระบ้าง ส่วนจะขลังหรือไม่นั้น อันนี้ไม่อาจจะยืนยันได้”
นอกจากหลวงพ่อคูณ จะสร้างพระเครื่องไว้จำนวนมากแล้ว ยังสร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมอีกมากมายเช่นสร้างวัด โรงเรียน วิทยาลัย โรงพยาบาล เป็นต้น นับว่าเป็นพระสงฆ์ที่ทำประโยชน์ต่อสังคมไว้มากอีกรูปหนึ่ง
ครั้งหนึ่งเดินทางไปวัดบ้านไร่ในช่วงเวลาวันธรรมดา ไม่ได้คิดว่าจะได้พบหลวงพ่อคูณ ช่วงนั้นได้เวลาฉันภัตตาหารเพลพอดี ก็มีโยมท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาและบอกว่า “หลวงพ่อคูณนิมนต์ไปฉันเพลที่ศาลาการเปรียญ” จึงเดินตามโยมคนนั้นไป
หลวงพ่อคูณกำลังฉันเพลอยู่พอดี หลวงพ่อบอกว่า “นิมนต์มาทางนี้ มาฉันเพลด้วยกัน” ไม่ต้องกราบกูดอก กำลังฉัน ฉันอิ่มก่อนค่อยว่ากัน จากนั้นหลวงพ่อคูณก็ยื่นขนมจีนน้ำยามาให้ ซึ่งภัตตาหารเพลวันนั้นมีอยู่แค่นั้น มีเพียงขนมจีน ข้าวเหนียว น้ำพริก ผักสดอีกหนึ่งจาน และกล้วยน้ำหว้าอีกหนึ่งหวี “วันนี้มีเท่านี้แหละ ฉันพอให้อยู่ได้ก็พอนะ”
ในใจตอนนั้นกำลังคิดว่า “หลวงพ่อคูณเป็นพระที่โด่งดังทั่วประเทศ น่าจะมีลาภสักการะมีคนนำอาหารมาถวายจำนวนมาก แต่ทำไมมีอยู่แค่นี้”
คิดในใจยังไม่จบด้วยซ้ำ หลวงพ่อคูณก็เอ่ยสวนขึ้นมาว่า “กูก็เป็นพระธรรมดานี่แหละ บางวันก็มีฉันมากมาย บางวันก็ไม่มี มึงอย่าคิดอะไรมากสิ รีบฉันเข้าเดี๋ยวจะเที่ยงเสียก่อน” เหมือนหลวงพ่อจะรู้สิ่งที่เราคิดหรือพูดไปตามข้อเท็จจริง จากนั้นหลวงพ่อคูณก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี และแบ่งกล้วยมาให้อีกสองลูก
ตอนนั้นได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า "พระที่มีชื่อเสียงมากที่สุด มีคนเคารพมากที่สุด กลับเป็นพระที่ธรรมดาที่สุด"
หลวงพ่อคูณยังสาธยายให้ฟังว่า “หลายคนคิดว่ากูรวย กูไม่มีเงินดอก มีเท่าไหร่ก็บริจาคหมด สร้างโรงเรียนให้เด็กมีที่เรียนเขาจะได้ฉลาดมีอาชีพสุจริตทำ ไม่ต้องเป็นโจรเป็นขโมยให้เป็นภาระของประเทศชาติ บริจาคสร้างโรงพยาบาล ชาวบ้านจะได้มีที่รักษาในเวลาเจ็บป่วย บางคนยังไม่ถึงที่ควรจะตายแต่เพราะไม่มีเงินรักษาจึงต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร ถ้าเขาอยู่จะได้มีเวลาสร้างคุณงามความดีต่อไป กูรับนิมนต์เพราะไปช่วยเขาหาเงิน เขาบริจาคกับกู กูก็บริจาคต่อไป การให้ทานเป็นการสร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่”
วันนี้หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ละสังขาร ร่างกายและลมหายใจไม่เหลืออยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว แต่คุณงามความดี สิ่งที่หลวงพ่อได้สร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมจะเป็นที่จดจำของชาวโลกต่อไปอีกนาน ขอกราบคารวะคุณธรรมของหลวงพ่อด้วยความเคารพยิ่ง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
30/01/62