ขอบฟ้ากรุงเทพมหานครเริ่มสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากที่ประสบกับปัญหาของฝุ่นละอองที่ปกคลุมมาหลายวัน วันนี้ฟ้าเริ่มเปิด แสงแดดส่องทักทายต้นไม้ใบหญ้า กระแสลมหนาวจางๆโชยแผ่วมาอากาศเย็นสบาย ยามเช้าเมื่อเท้าสัมผัสพื้นดิน ได้สูดกลิ่นหญ้า รู้สึกชีวิตสดชื่นขึ้น ทำให้มีแรงกายแรงใจเพื่อที่จะต่อสู้กับสภาพปัญหาต่อไปได้
ในความทรงจำวันหนึ่งในเดือนธันวาคมในช่วงฤดูหนาว ในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง จังหวัดชัยภูมิ เมื่อครั้งที่กลับไปเยี่ยมโยมแม่ กำลังฟังโยมแม่เล่าเรื่องราวต่างๆของลูกหลานให้ฟัง คนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น ลูกสาวคนเล็กบอกให้แม่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็เตรียมข้าวสุกและภัตตาหารใส่บาตรพระภิกษุ จากนั้นก็รับประทานอาหาร และให้อยู่เฉยๆโดยไม่ต้องทำอะไร ลูกสาวบอกแม่ด้วยความหวังดี เพราะเกรงว่าแม่จะไม่ต้องเหนื่อย
แต่ทว่าแม่ก็ยังทำงาน บางวันหายไปจากบ้านเข้าป่าหาผักหาผลไม้เพื่อเตรียมไว้ในการทำอาหารตอนเย็น สวนของแม่ไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก เป็นเพียงสวนผักผลไม้ตามฤดูกาล ปลูกทุกอย่างไว้เพื่อเป็นอาหารเท่านั้น ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อขาย ในสวนจึงมีผัก ผลไม้ทุกประเภทเท่าที่จะหาได้ แม่มักจะอยู่ที่สวนนั้นแทบทั้งวัน รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ดายหญ้า ตอนเย็นก็กลับบ้านมีผักผลไม้ต่างๆติดมือมาด้วย ธรรมดาของชีวิตของคนวัยชราเป็นไปดั่งนั้นมานาน
สองสามปีมานี้สุขภาพของแม่ไม่ค่อยดี มีอาการปวดขา ปวดหลัง โรคของคนชรารักษาไม่หาย ได้แต่ประครองไว้ เดินเหินไม่ค่อยสะดวก ลูกสาวจึงขอร้องให้แม่หยุดทำงานให้อยู่เฝ้าบ้านเฉยๆ แม่ก็ยังหางานทำประเภทเย็บปักถักร้อย สานตะกร้า ทำกระติบข้าว สรุปว่ายังคงทำงานทั้งวัน
ตอนเช้าช่วงที่พระบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านแม่ก็ใส่บาตรทุกวัน ยกเว้นวันไหนที่มีภารกิจหรือสุขภาพย่ำแย่จนลุกไม่ไหว และในบรรดาชาวบ้านนั้นก็จะมีทุกเพศทุกวัยมาชุมนุมพบปะพูดคุยกันไม่ขาด ในจำนวนนั้นมียายคนหนึ่งสติไม่ค่อยดี พูดมากแต่ความจำสั้น วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ไปอีกอย่าง จนไม่มีใครอยากจะคบค้าสมาคมด้วย แต่แม่กลับชอบสนทนากับยายคนนั้น
เคยถามโยมแม่ว่า “ทำไมแม่ยังคุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอยู่อีก พูดไปก็เสียอารมณ์ เพราะแกไม่เคยจำที่พูดเลย” แม่ตอบง่ายๆว่า “สงสารแก ถ้าแม่ไม่พูดด้วยใครเขาจะพูด อย่างน้อยแกก็ได้ระบายสิ่งที่กดดันภายในออกมา ได้พูดแล้วทำให้แกอารมณ์ดี การทำให้คนมีความสุขไม่ดีหรือ” ฟังคำตอบแล้วก็ต้องยอม
วันนั้นกำลังฉันภัตตาหารเช้าที่บ้านโยมแม่ ยายคนนั้นก็เดินเข้ามาและเริ่มพูดเรื่องต่างๆเท่าที่แกคิดได้ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่สติกลับมา ยายบอกว่า “ทุกวันนี้ยายรำคาญตัวเองมาก อยู่ไปก็เป็นภาระของคนอื่น ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
ได้โอกาสจึงบอกยายว่า “อยู่เพื่อทำความดีสิยาย ไม่ต้องเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่อะไร เป็นความดีเล็กๆน้อยๆก็ได้ ทำความดีวันละหนึ่งครั้งก็เพียงพอสำหรับการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว”
ยายคนนั้นยิ้มก่อนจะกราบลาบอกว่า “วันนี้ขอลาไปทำความดีก่อนนะ” จากนั้นก็ดินออกจากบ้านไปส่วนความดีที่ยายไปทำนั้นคืออะไรตอนนั้นยังไม่รู้
โยมแม่บอกว่า “ตอบคำถามได้ดี แม่ทำได้ไหม แต่วันหนึ่งแม่ทำความดีหลายอย่าง”
จึงเอ่ยถามไปว่า “ลองยกตัวอย่างมาสักเรื่องสิ”
โยมแม่บอกว่า “ตื่นเช้าก็เตรียมอาหารใส่บาตร ใส่บาตรกับพระสงฆ์ทุกวัดที่ผ่านหน้าบ้าน ได้ไหว้พระได้ทำบุญ จากนั้นก็ให้อาหารเป็ด ไก่ สุนัข แมว ตอนกลางวันก็เปิดวิทยุฟังพระเทศน์บ้าง ทำตัวไม่ให้เป็นภาระของลูกหลาน มีงานอะไรก็ทำ วันพระก็ไปนอนวัดจำศีลที่วัด นั่งสมาธิภาวนา อีกอย่างหนึ่งคิดถึงลูกชายที่บวชพระวันละหลายครั้งด้วยนะ แค่นี้เป็นความดีหรือยัง”
ขออนุโมทนาบุญด้วย โยมแม่ ถ้าสิ่งใดที่ทำไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน ทำไปแล้วสบายใจ สิ่งนั้นแหละเรียกว่า “บุญ” หรือ จะเรียกว่าว่า “ความดี” ก็ได้
คำว่า “บุญ” แปลว่า บุญ ความผ่องแผ้วแห่งจิต ความสะอาด ความสุข ความดี ส่วนคำว่า “ความดี” มาจากคำว่า “กุศล” แปลว่า กุศล บุญ ความดีงาม กรรมดี ฉลาด ชำนาญ ดีงาม ถูกต้อง เป็นกุศล
ถ้าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง ดีงามทุกวัน ชีวิตก็มีคุณค่า มีความน่าอยู่ต่อไป อยู่เพื่อทำความดี ทำความดีแม้จะเล็กน้อย แต่ถ้าทำทุกวัน ความดีนั้นก็จะสะสมจนกลายเป็นพลังที่คอยส่งเสริมสนับสนุนให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้
กำลังจะอนุโมทนาให้พรด้วยภาษาบาลี ยายคนนั้นก็เดินเข้ามาอีกครั้ง พร้อมทั้งมีผ้าคาดไว้ที่ปาก เมื่อก้มกราบแล้วก็นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร จึงถามว่าวันนี้ยายทำความดีแล้วหรือยัง ยายชี้ที่ปากที่มีผ้าปิดไว้ แต่ยังไม่ยอมพูดได้แต่ยกมือประนมเหมือนกำลังจะบอกว่าให้พรก่อน
เมื่อจบคำอนุโมทนาแล้ว ก็บอกลาโยมแม่เพื่อที่เดินทางต่อไป ยายยังตามมาส่งถึงประตูบ้าน ก่อนจะขึ้นรถ ยายเปิดผ้าปิดปากแล้วเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้ยายเริ่มทำความดีแล้ว เพราะพูดมากเกินไป จึงจะงดพูดสักหนึ่งวัน แต่ความดีแบบนี้มันทำยากจริงๆ คงต้องหาความดีใหม่ๆทำ ยายตั้งใจนะจะพยายามทำความดีวันละครั้ง”
จงเพียรพยายามเพื่อทำความดีต่อไปนะยาย ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มทำความดี บุุคคลผู้ปรารภความเพียร มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี แม้จะมีชีวิตวันเดียวก็ประเสริฐ ดังที่แสดงไว้ใน ธรรมบท ขุททกนิกาย (25/18) ความว่า “บุคคลผู้ปรารภความเพียรมั่น มีชีวิตอยู่วันเดียว ประเสริฐกว่าบุคคลผู้เกียจคร้านมีความเพียรอันเลว มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี” แปลมาจากภาษาบาลีว่า
“โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ ฯ
ถ้าทุกวันตื่นนอนขึ้นมาแล้วถามตัวเองว่า “วันนี้เราจะทำความดีอะไร ชีวิตทั้งวันก็อยู่อย่าง
มีคุณค่าเนื่องจากมีความดีเป็นเป้าหมาย ก่อนนอนก็ถามตัวเองว่า “วันนี้เราทำความดีหรือยัง” เป็นการทบทวนเหตุการณ์ในแต่ละวัน ชีวิตก็อยู่ต่อไปอย่างมีเป้าหมายและเป็นชีวิตที่อยู่อย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีความสุข มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี จะอยู่กี่ปีก็ไม่เหงา
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
25/01/62