คนทุกคนย่อมมีอดีต มีความทรงจำ แต่จะจำได้มากน้อยเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับความอยากจำหรืออยากลืมของแต่ละคน บางคนอยากลืมแต่กลับจำ บางคนอยากจำแต่กลับลืม ที่น่าอนาถใจมากที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษยชาติคือคนส่วนหนึ่งมักจะลืมเรื่องที่อยากจำ และมักจะจดจำเรื่องที่อยากลืม มนุษย์จึงมักจะมีโศกนาฎกรรมให้เห็นอยู่เสมอ ความทรงจำเหมือนภาพวาด แม้จะลางเลือนไปบ้างแต่หากแต่งเติมเพิ่มสีใหม่ภาพนั้นก็ชัดเจนสดใสและงดงามขึ้นได้ เหมือนกับความทรงจำที่ผ่านกาลเวลามานานแล้ว แต่เมื่อฟื้นความทรงจำขึ้นมาใหม่ นัดพบกันกันใหม่โดยที่ไม่มีผลประโยชน์อะไรมาแอบแฝง ความทรงจำนั้นกลับงดงามอย่างยิ่ง
เช้าวันเริ่มต้นเดือนมีนาคม มีเสียงโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยไม่เคยเห็นแทรกเข้ามา เสียงจากปลายสายบอกจะคุยกับผู้เขียน แต่ยังนึกไม่ออกว่าเสียงจากต้นสายคือใคร เขาบอกว่าเคยเรียนร่วมกันมานานมากแล้ว ปีพุทธศักราช 2521 หากนับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 38 ปี ชื่อยังนึกไม่ออก แต่พอค่อยๆคิดทบทวนความทรงจำ ภาพที่ลางเลือนก็ค่อยๆ ปรากฎชัดขึ้นทีละน้อย
เป็นความทรงจำที่พร่ามัวเต็มที เพราะไม่เคยได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพเลย บางครั้งแทบจะลืมเลือนไปด้วยซ้ำว่าคนอย่างเราเคยเป็นนักเรียนแผนกพาณิชย์ หลังจากจบการศึกษาออกมาก็ระเหเร่ร่อนปล่อยชีวิตให้รื่นไหลไปตามกระแสแห่งโลกาภิวัตน์อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็อุปสมบทตามคำขอร้องของแม่ “บวชให้แม่สักหนึ่งพรรษาก่อน ค่อยคิดเรื่องการมีครอบครัว” นั่นคือธรรมเนียมปฏิบัติของชายในหมู่บ้าน ดังนั้นการบวชจึงเป็นการบวชเพื่อแม่จริงๆ บวชโดยไม่มีขบวนแห่ ไม่มีงานฉลอง ไม่มีการลงทุน อาจจะเรียกได้ว่าบวชฟรีก็ได้

จำได้ว่าพ่อนำไปฝากให้เข้านาคกับพระอุปัชฌาย์ซึ่งเคยเป็นเพื่อนบวชเรียนมาด้วยกัน เพื่อนบวชจนเป็นอุปัชฌาย์ ส่วนอีกคนลาสิกขาออกไปมีครอบครัวจนมีลูกชายมีอายุครบบวชพระ อุปัชฌาย์จึงเป็นเหมือนพ่ออีกคนหนึ่ง
ตามกำหนดการที่วางไว้ให้เข้านาคสักหนึ่งเดือนเพื่อเรียนรู้ระเบียบวิธีปฏิบัติ ท่องนาค ขานนาค ทำวัตรสวดมนต์ให้ได้ก่อนค่อยกำหนดวันอุปสมบท พระอุปัชฌาย์ให้นาคใหม่สะพายย่ามเดินทางไปทำการอุปสมบทในวัดต่างๆในเขตอำเภอ แต่ใส่ชุดขาวโกนผมเรียบร้อย กาลเป็นดั่งนี้มากึ่งเดือน
วันหนึ่งมีงานอุปสมบทหมู่จำนวนเกือบ 18 รูป เจ้าภาพใหญ่เป็นเศรษฐีจากเมืองหนองคาย งานใหญ่มาก นาคใหม่ก็ปฏิบัติตามเดิมคือสะพายย่ามเดินตามพระอุปัชฌาย์ไปให้การอุปสมบทนาคหมู่ ถวายย่ามให้พระอุปัชฌาย์เสร็จก็หลบไปหาที่นั่งอยู่ใกล้ๆประตูพระอุโบสถ บางทีหลวงพ่ออุปัชฌาย์อาจเรียกใช้จะได้ทันท่วงที สายตายังจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างพระอุโบสถกำลังมีขบวนแห่นาค ผู้คนมาร่วมงานกันเต็มลานวัด ภายในจิตใจของนาคกำลังคิดถึงงานอุปสมบทของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คงจัดได้ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนงานนี้

บังเอิญว่านาคหมู่ในวันนั้นหายไปหนึ่งคน โดยไม่รู้สาเหตุ หายไปไหนไม่มีใครทราบ จำนวนนาคผู้กำลังจะเข้าอุปสมบทจึงขาดไปหนึ่งนาค แต่เจ้าภาพได้จัดเตรียมเครื่องอุปสมบทไว้ครบตามจำนวน พระอุปัชฌาย์จึงกวักมือเรียกนาคหนุ่มน้อยเข้าไปหา และบอกให้ใครก็ไม่รู้มอบผ้าไตรให้ การอุปสมบทเสร็จสิ้นลง ยังงงๆอยู่ว่ากลายเป็นพระไปตั้งแต่เมื่อใด เหตุการณ์นั้นผ่านมาจนถึงวันนี้ 35 ปีบริบูรณ์แล้ว ในขณะที่เพื่อนพระภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้นได้ลาสิกขาไปหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงนาคกำพร้าในวันนั้นและพระภิกษุอนาถาในวันนี้เพียงรูปเดียว
พระอุปัชฌาย์เห็นแววแห่งความฉลาด พอออกพรรษาจึงส่งให้เข้าไปเรียนภาษาบาลีที่วัดในจังหวัด ใช้เวลาสามปีก็สอบได้เปรียญธรรมสามประโยค กลายเป็นพระมหาเปรียญ จนมีคำนำหน้าว่า “พระมหา” มาจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นก็ส่งให้มาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร เรียนไปเล่นไปเผลอจบปริญญาเอกโดยไม่รู้ตัว พระมหาธรรมดา เลยกลายเป็น “พระมหาดอกเตอร์” ในปัจจุบัน แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ นอกจากในงานวิชาการยังยินดีให้คนทั่วไปเรียก “หลวงตา” มากกว่า ประวัติข้าพเจ้าโดยสังเขปเป็นมาดั่งนี้

เพื่อนๆสมัยเรียนชั้นปฐมต้นยังพอจำกันได้ เพราะมีภูมิลำเนาในหมู่บ้านเดียวกัน ชั้นมัธยมต้นก็ยังพอเห็นกันอยู่บ้าง แต่สำหรับเพื่อนสมัยเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพแผนกพณิชยการ ไม่เคยได้พบใครอีกเลย นั่นเพราะนักเรียนเหล่านั้นมาจากภูมิลำเนาที่แตกต่างกัน อยู่กันคนละจังหวัด จึงทำให้ขาดการติดต่อไปโดยปริยาย
ในวันที่เงียบเหงาวันหนึ่งก็มีเสียงโทรศัพท์ที่ไม่เคยเห็นโทรมาหา บอกว่าเคยเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมห้องเดียวกัน ค่อยๆคิดทบทวนความทรงจำภาพที่ลางเลือนก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในจินตภาพ จากนั้นไม่นานก็มีโทรศัพท์เบอร์ใหม่ๆโทรเข้ามาเรื่อยๆ บอกชื่อเสียงเรียงนาม บอกห้องเรียนสมัยก่อนได้ชัดเจน ชื่อเพื่อนๆที่เคยเรียนร่วมห้องก็ค่อยๆโผล่ขึ้นในมโนสำนึกทีละน้อย จนกลายเป็นภาพที่แจ่มชัด ความทรงจำของมนุษย์นั้นแม้จะจางหายไปบ้าง แต่เมื่อคิดทบทวนก็ค่อยๆแจ่มชัดขึ้น มนุษย์มีความความคิด เพราะความคิดนี่เองจึงทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์โลกชนิดอื่น มีนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งนามว่า เรเน่ เดการ์ต บอกว่า "I think therefore I am." แปลเป็นไทยพอจับใจความได้ว่า “ข้าพเจ้าคิด ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีอยู่” หรือจะแปลแบบปรัชญาว่า "ข้าพเจ้าคิดเป็น ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเป็นผู้มีชีวิต" ความคิดคือรากฐานของความรู้อย่างหนึ่ง คิด ฟัง อบรมคือแหล่งเกิดของปัญญา

ในพระพุทธศาสนาความรู้หรือปัญญาเกิดได้สามทาง ดังที่แสดงไว้ในสังคีติสูตร ทีฆนิกายมหาวรรค (11/228/171) ความว่า (1)จินตามยปัญญา หมายถึงปัญญาสำเร็จด้วยการคิด (2)สุตามยปัญญา หมายถึงปัญญาสำเร็จด้วยการฟัง (3) ภาวนามยปัญญา หมายถึงปัญญาสำเร็จด้วยการอบรม
เพื่อนเก่าสมัยเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพ ได้ชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่มในการสนทนาทางสื่อสังคมออนไลน์ แต่ไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไหร่ ดูเหมือนโลกของพวกเราจะต่างกัน แต่ก็พยายามสนทนากับทุกคนที่ทักทายเข้ามา “จำผมได้ไหมครับ จำฉันได้ไหมเจ้าคะ” คำพูดเหล่านี้ปรากฏแทบทุกครั้งที่เปิดไลน์ขึ้นมา ข้อเท็จจริงก็จำใครไม่ค่อยได้ แต่พอพวกเขาส่งภาพมาให้ดู ก็ค่อยๆคิดทบทวนความทรงจำ ซึ่งก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อีกสักพักคงจำได้หมด

ธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่กันเป็นกลุ่ม มีกิจกรรมร่วมกัน แต่บางครั้งอยู่กันคนละฐานะมีภาระคนละอย่าง มีหน้าที่การงานที่แตกต่างกันกัน แต่มิตรภาพไม่เคยมีขีดจำกัดของฐานะหรืออาชีพ ความเป็นเพื่อนคือการเข้าใจกัน เคยมีกิจกรรมร่วมกันหรือเคยเรียนร่วมกัน
ขอฝากบอกเพื่อนๆทุกคนว่า “แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม แม้จะพยายามลบความทรงจำออกไปจากจิตใจก็ตาม แต่ภาพแห่งอดีตยังคงติดอยู่ภายใน คิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จำได้ ความเป็นเพื่อนไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำเลย เพียงแต่กาลเวลาและเส้นทางแห่งชีวิตของแต่ละเดินกันไปคนละทาง อยู่ห่างกันคนละทิศ แต่การมีมิตรสหายไว้ย่อมดีกว่าปล่อยใจให้ชีวิตว่างเปล่า ใครที่เคยเป็นเพื่อนคบหากันมาก่อนติดต่อเข้าได้ ยินดีรับสายและพร้อมทักทายทุกคน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
05/03/59