ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

         ช่วงนี้อยู่ในเทศกาลงานกฐินบางวัดเสร็จสิ้นไปแล้ว บางวัดกำลังเตรียมงาน จะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกฐิน  บางท่านเดินทางไปงานทิดกฐินมี่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมากเป็นพิเศษ  วัดวาอารามที่เคยมีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาก็ลดปริมาณลง ส่วนหนึ่งได้ล่าสิกขาออกไปทำหน้าที่ของประชาชนพลเมือง เพราะลางานได้เพียงสามเดือน มีเพียงบางส่วนที่ไม่อาจจะเดินทางไปไหนได้ เพราะมีงานประจำที่จะต้องทำ เป็นงานประจำที่ไม่มีเทศกาล

         วัดเงียบสงบมาหลายวันแล้ว ถามสามเณรก็ได้คำตอบว่า ผู้ช่วยเจ้าอาวาสมีงานกฐินที่จังหวัดอุดรธานี เป็นงานใหญ่ มีพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อพระเจ้าทันใจ จึงนิมนต์พระภิกษุไปร่วมงานด้วย  เนื่องจากอาตมาภาพไม่มีเวลาว่าง เพราะติดงานสอนในช่วงเสาร์อาทิตย์ ไม่รู้เป็นเวรกรรมอันใด หนีไปไหนไม่ได้ พระภิกษุสามเณรรูปอื่นเดินทางไปร่วมงานได้ ปล่อยให้อาตมาเฝ้าวัดอยู่อย่างเดียวดาย
         วันนี้เป็นวันลงปาฏิโมกข์มีเวลาอยู่ที่วัด เผลองีบหลับไปนิดหนึ่ง ตื่นขึ้นมาเวลาเย็นเสียงนกร้องระงมที่ข้างกุฏิ เนื่องจากได้หว่านข้าวที่เหลือจากภัตตาหารเช้าไว้ที่ข้างกุฏิ พอตกตอนเย็นฝูงนกที่กำลังจะกลับรวงรังคงแวะกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่จะคืนสู่คอนหลับนอนพักผ่อนตามธรรมชาติ

         เสียงนกนานาชนิดส่งเสียงร้องแบบไม่เกรงใจเจ้าของกุฏิเลย บางตัวไล่จิกนกตัวอื่น พอมีนกตัวใหญ่กว่าถลาร่อนเข้ามา นกตัวเล็กๆก็วงแตกบินว่อนแยกย้ายกันไป นั่งดูนกแย่งอาหารกันกินก็เกิดอารมณ์อันสุนทรีย์ ชีวิตของสัตว์เหล่านี้ช่างเรียบง่ายเสียจริง หาอาหารเพียงแค่กินอิ่มไปวันๆ ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องอื่นใดทั้งนั้น ไม่ต้องเก็บสะสมหรือแสวงหาสิ่งอื่นใดนอกจากอาหาร กินพออิ่ม ชิมพอดี ก็ต่อชีวีไปได้
         เสียงร้องของนกก็ไม่มีมารยา เป็นเสียงแห่งธรรมชาติ แม้จะมีเสียงร้องหลายประเภทแต่กลับไม่ทำให้เกิดความรำคาญแต่ประการใด กลับทำให้เกิดความสงบสงัด ฟังเสียงนกเพลินๆ สายลมยามเย็นพัดผ่านมาต้องกายรู้สึกเย็นกายสบายใจ อยู่กับธรรมชาติอยู่กับสายลมปล่อยให้ดวงจิตหยุดคิดเรื่องราวต่างๆสักพัก จิตใจกลับสงบเยือกเย็นเหมือนหนึ่งว่าโลกทั้งโลกมิได้มีความสำคัญอันใดเลย  โลกจะเปลี่ยนแปลงวุ่นวายอย่างใดก็ช่างเถิด ปล่อยให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น
         หากจะถามว่าเราควรดำรงอยู่อย่างไรในโลกนี้ หรือจะอยู่อย่างไรในโลกใบนี้ เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกหรือโลกเป็นส่วนหนึ่งของเรา  เราควรอยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืนโดยเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งทั้งหลาย หรือว่าควรเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เข้ากับวิถีชีวิตของเรากันแน่

         เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบพอรู้สึกตัวอีกครั้งฟ้ามืดแล้ว เสียงเหล่าสกุณาก็เงียบเสียง อาณาบริเวณเงียบสงัด แต่ทว่าในจิตใจกลับได้ยินเสียงแห่งความเงียบ เหมือนหนึ่งธรรมชาติกำลังจะบอกว่า ควรเร่งทำสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ เพราะวันเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ แม้ปัจจุบันขณะนี้ชีวิตก็เดินเข้าสู่ความแตกสลายเข้าไปทุกที ธรรมชาติเที่ยงตรงเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะกำหนดรู้ความเป็นธรรมดาของสรรพสิ่งได้หรือไม่
         ธรรมชาติคือครูที่สอนเราได้ในทุกสถานการณ์ เพียงแต่เราต้องมีความอยากรู้อยากเห็นก็จะได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่อยากรู้อยากเห็น ธรรมชาติของมนุษย์ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมดามีเกิด แก่ เจ็บตายตามธรรมชาติ สภาพเช่นนี้เองที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า “ความจริงคือทุกข์” หรือ “ทุกขอริยสัจจ์” ดังที่แสดงไว้ในธัมจักกัปวัตนสูตร วินัยปิฎก มหาวรรค(4/14/16) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่  ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์”

         การเข้าใจทุกข์มิใช่เพียงแค่รู้ตามตัวอักษรเท่านั้นต้องรู้ด้วยความเงียบ รู้ด้วยญาณ ปัญญา ดังที่  พระพุทธองค์แสดงแก่ปัญวัคคีย์ (4/15/20) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลายดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขอริยสัจ 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล ควรกำหนดรู้  
         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว
         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา  ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ  
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล ควรละเสีย 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล เราได้ละแล้ว  
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล ควรทำให้แจ้ง 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล เราทำให้แจ้งแล้ว

       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล ควรให้เจริญ 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล เราให้เจริญแล้ว 

         พระพุทธองค์ได้พิจารณาทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคอย่างละสามรอบจนกลายเป็นรอบสาม มีอาการ 12 ดังข้อความตอนหนึ่ง(4/16/18) ความว่า  “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ 4 นี้ มีรอบ 3  มีอาการ 12 อย่างนี้ ยังไม่หมดจดดีแล้ว เพียงใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น

         ทุกข์คือสิ่งที่ควรกำหนดรู้  สมุทัยเหตุเกิดทุกข์ควรละ นิโรธความดับทุกข์ต้องทำให้แจ้ง และมรรคคือทางดำเนิน  ช่วงเวลาที่พระโพธิสัตว์กำลังบำเพ็ญเพียรภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่มีสรรพสำเนียงอื่นใดมารบกวน มีแต่ความเงียบสงัด แม้จะฟังก็ไม่ได้ยิน จึงได้รู้ ได้เห็นสิ่งที่ควรรู้ สิ่งที่ควรเห็น
         แต่ปัจจุบันโลกมีเสียงมากเกินไป เสียงเหล่านั้นทำให้ความเงียบหายไป ผู้คนจึงไม่ค่อยได้ฟังเสียงแห่งความเงียบ โอกาสที่จะได้รู้ ได้เห็นความเป็นไปของธรรมชาติจึงถูกลดทอนลง ส่วนตัวอาตมาเองแม้จะพยายามดำเนินไปตามกระบวนการแห่งอริยสัจจ์สี่ แต่ก็ทำได้เพียงแค่รู้จัก และรู้จำเท่านั้น ส่วนการรู้แจ้งยังอยู่อีกยาวไกล
         เสียงสกุณาข้างกุฏิเงียบหายไปนานแล้ว เสียงแมลงกลางคืนเริ่มส่งเสียงร้องระงม ขับกล่อมอาณาบริเวณให้เงียบสงัดยิ่งขึ้น วันนี้ไม่อยากเปิดไฟให้สว่าง อยากอยู่กับความมืดมิดแห่งรัตติกาล อยู่กับความสงัดแห่งธรรมชาติ ฟังเสียงแห่งความเงียบแห่งวันเวลาให้นานที่สุด

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
11/11/58

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก