ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หนาวๆร้อนๆ บางวันมีฝนตกลงมาอย่างหนัก สุขภาพร่างกายกรำงานมาหนักเกิดเจ็บป่วยโดยไม่มีสาเหตุ แม้จะพยายามพักผ่อนให้มากขึ้น แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก อาการภูมิแพ้ยังคงมาเยือนอย่างต่อเนื่อง มีฝีเม็ดหนึ่งโผล่ขึ้นบริเวณหัวเข่า เม็ดใหญ่พอสมควร ต้องรับประทานยาระงับปวดและยาแก้อักเสบหลายวัน และมีอาการข้างเคียงคือมักจะง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งวัน จะโทษอะไรก็ไม่ได้นอกจากเป็นกรรมของวัฏสังสาร การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา ป่วยขึ้นมาก็ต้องรักษาว่ากันไป หากหายดีพอมีแรงก็ทำงานต่อไป หากไม่หายก็ส่งซากร่างขึ้นเมรุทำฌาปนกิจก็เท่านั้น ชีวิตต่างสิ้นสุดที่เชิงตะกอน
พอมีสิ่งไม่พึงปรารถนาเกิดขึ้น เหมือนกับเป็นการเรียกแขก อาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอจาม ตามมาเป็นขบวนเหมือนขบวนรถด่วนที่มีตู้พ่วงยาวเหยียด ตอนนี้ยังไม่กล้าไปพบแพทย์เพราะอาจจะมีโรคที่ไม่พึงประสงค์ตามอีกเป็นขบวนก็ได้
ออกพรรษาแล้วตั้งใจว่าจะกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องในต่างจังหวัด แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้ เนื่องจากมีงานแทรกเข้ามาตลอด ไม่รู้อะไรนักหนา เหมือนจะว่างแต่ไม่ว่าง เหมือนจะเป็นวันหยุดแต่ก็หยุดไม่ได้ คิดจะทำอย่างหนึ่งแต่กลับไปทำอีกอย่าง รวบรวมความคิดให้เป็นจุดเดียวไม่ค่อยได้
ฝีที่บริเวณหัวเข่าก็โตขึ้นเรื่อยๆ แม้จะปวดไม่มากแต่ก็ทำให้รำคาญ แกะฝีบีบหนองออกแล้ว ก็ยังมีอาการระบม ปวดเป็นระยะๆ พึ่งรับรู้ด้วยประสบการณ์ตรงว่าการเจ็บป่วยนั้นแสนทรมาน ยิ่งเจ็บป่วยในช่วงที่ไม่ค่อยมีเงินรักษายิ่งแสนทรมาน ยาแก้ปวดหมดไปหลายเม็ด นอนหลับไปหลายตื่นแล้ว แต่พอตื่นขึ้นมาพบกับความจริง ก็รับรู้ได้ถึงอาการปวดระบม มันทรมานจริงๆ ฝีเม็ดเดียวแต่มีอิทธิพลทำให้ปวดระบมไปทั้งตัว
สิ่งที่สัตว์โลกแม้จะตั้งความปรารถนาแต่สำเร็จได้ยาก เป็นสิ่งที่ไม่พึงได้ ไม่มีใครหนีพ้นจากฐานะคือแก่ เจ็บ ตาย ความเลื่อมและความฉิบหาย ดังที่แสดงไว้ในฐานสูตร อังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต (22/48/48) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ 5 ประการนี้ อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก ไม่พึงได้ 5 ประการเป็นไฉน คือฐานะว่า ขอสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาของเราอย่าแก่ ขอสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาของเราอย่าเจ็บไข้ ขอสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดาของเราอย่าตาย ขอสิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดาของเราอย่าสิ้นไป ขอสิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดาของเราอย่าฉิบหาย อันสมณะพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกไม่พึงได้”
สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงอันประเสริฐที่ไม่มีมีใครหนีพ้นได้เป็นความทุกข์ของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เรียกว่า “ทุกขอริยสัจ” ดังที่แสดงไว้ใน มหาหัตถิปโทปมสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ (13/341/245) ความว่า “ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ทุกขอริยสัจเป็นไฉน คือ แม้ความเกิดเป็นทุกข์ แม้ความแก่เป็นทุกข์ แม้ความตายเป็นทุกข์ แม้ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความ ทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ แม้ความที่ไม่ได้สิ่งที่ตนอยากได้ ก็เป็นทุกข์ โดยย่ออุปทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์”
หากไม่อยากมีทุกข์ก็อย่าเกิด แต่เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอัตภาพร่างกาย เจ็บก็ต้องทน จนก็ก็ต้องทำใจ อยู่หรือตายก็แล้วแต่กรรม หากทำใจให้ยอมรับกับปรากฏการณ์เหล่านี้ได้ แม้จะอยู่ในสภาพเช่นใดก็ไม่เดือดร้อน
ฝีที่หัวเข่าดำรงคงอยู่มาตั้งแต่วันก่อนออกพรรษา แม้เวลาจะผ่านไปสองสามวันแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหายเป็นปกติสักที บรรดายาแก้ปวด ยาแก้แพ้ที่มากับห่อสังฆทาน มีเท่าไหร่ก็แกะออกมาใช้จนเกือบจะหมดแล้ว หากอาการยังไม่ดีขึ้นคงต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ทำไมฝีที่ว่าจึงอยู่นานผิดปกติ ตามธรรมดาสามวันก็หายแล้ว แต่นี้นานเกินไปแล้ว
หากขอได้ในช่วงเวลานี้ สิ่งที่อยากได้มากที่สุดมิใช่เงินตรา แต่ขอให้อาการเจ็บป่วยบรรเทาเบาบางลงก็เพียงพอแล้ว แม้สิ่งที่ขอจะสำเร็จได้ยาก แต่ความเจ็บป่วยคือสิ่งที่บั่นทอนจิตใจอย่างที่สุด หากไม่อยากเจ็บป่วยในวันนี้ ก็ต้องไม่เกิดมาจนถึงวันนี้ หากเกิดมาแล้วก็ต้องยอมรับกับสภาพแห่งความจริงที่หนีไม่พ้น แก่ เจ็บ ตาย เสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา
ในห้วงยามที่ร่างกายแข็งแรง อย่าได้ประมาทไป เพราะความเจ็บไข้อาจเป็นสหายที่ไม่ได้รับเชิญได้ทุกเมื่อ โบราณว่า “เมื่อเจ็บป่วยจึงเห็นคุณยา เมื่อเป็นบ้าจึงเห็นคุณสติ” มีสติระลึกรู้ไว้จำใส่ใจไว้เสมอว่า มนุษย์ทั้งหลายหนีแก่ไม่ได้ หนีตายไม่พ้น นั่นคือความจริงแท้ แต่ว่าอาตมายังอยากอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีกสักพัก เจ็บป่วยพอทนไหว หากทำใจให้ยอมรับกับความจริงสิ่งธรรมดานี้ได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
29/10/58