เข้าพรรษามาได้หลายวันแล้ว กิจกรรมเบื้องต้นของการเข้าพรรษาคือการไปสักการะผู้เถระผู้ใหญ่ ที่เป็นที่เคารพนับถือของคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพระภิกษุที่จะต้องแสดงความคารวะแด่พระเถรานุเถระ ขอขมากรรมที่เคยทำอดีตตลอดปีที่ผ่านมา อาจจะพลั้งเผลอทำ พูด คิด ด้วยจิตที่เป็นอกุศลต่อพระเถระทั้งหลาย ในเทศกาลเข้าพรรษาจึงนิยมไปถวายสักการะ ขอขมาต่อสิ่งที่อาจจะกระทำไปแล้ว มีคำที่นิยมเรียกกันในหมู่พระภิกษุว่า “ทำวัตรพระเถระ” หรือ “ขอขมาพระเถระในเทศกาลเข้าพรรษา”
กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งในเทศกาลเข้าพรรษาคือการศึกษาพระปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณรที่ยังสอบไม่ได้นักธรรมชั้นเอก ก็ต้องเรียนหนังสือ โดยอาศัยช่วงจังหวะเวลาในเทศกาลเข้าพรรษาสามเดือน เรียนอย่างเต็มที่ เพราะมีเวลาเต็มที่ หากไม่จำเป็นจริงๆก็จะไม่เดินทางไกลไปที่ไหน หรือหากจะเดินทางก็ต้องอยู่ในเวลาจำกัด ที่เรียกว่า “สัตตหกรณียะ” ญาติพี่น้อง พ่อแม่เจ็บป่วย ไปเพื่อดูแล เพื่อสหธัมมิกกระสันอยากสึกไปเพื่อระงับเหตุ เสนาสนะวิหาร ที่อยู่ในอารามอื่นชำรุดทรุดโทรม หรือได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ เดินทางไปเพื่อซ่อมแซม และญาติโยมมีศรัทธานิมนต์ไปเพื่อประกอบพิธีในการบำเพ็ญกุศล ก็สามารถเดินทางไปได้ แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวัน ต้องรีบกลับอารามที่ตนอธิษฐานเข้าพรรษา
สามเณรอ้นกำลังเรียนนักธรรมชั้นโท เข้ามาหาและเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ผมเคยคิดตำหนิอาจารย์ไว้หลายอย่าง วันนี้เข้าพรรษาแล้ว ผมมาขอขมาท่านอาจารย์ครับ ผมเคยขี้เกียจเรียน ต่อไปผมจะตั้งใจเรียนหนังสือครับ”
สามเณรอ้นมีเพียงหนังสือเรียน ไม่มีดอกไม้ธูปเทียนอะไรเลย จึงบอกว่า “คนที่เคยประมาทมาก่อน ภายหลังสำนึกได้ หันมาประพฤติตนเป็นคนดี บุคคลนั้นน่าสรรเสริญ อาจารย์ยกโทษให้ก็แล้วกัน ต่อไปให้ตั้งใจเรียน จะได้มีความรู้ ซึ่งจะเป็นที่พึ่งของเราในอนาคต”
เวลาไปทำวัตรพระเถระ คำที่ท่านพูดเป็นภาษาบาลีมาจากอังคุลิมาลสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ (13/534/486) ความว่า “ก็ผู้ใดเมื่อก่อน ประมาท ภายหลัง ผู้นั้น ไม่ประมาท เขา ย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น”
แปลมาจากภาษาบาลีว่า “ โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ
โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภามุตฺโตว จนฺทิมา
พระองคุลิมาลก่อนอุปสมบทเคยเป็นโจรผู้มีชื่อเสียง ปล้นฆ่าคนมามาก ทำความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน มีคำบรรยายไว้ในอังคุลิมาลสูตรตอนหนึ่งว่า “ก็สมัยนั้นแล ในแว่นแคว้นของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีโจรชื่อว่าองคุลีมาลเป็นคนหยาบช้า มีฝ่ามือเปื้อนเลือด ปักใจ มั่นในการฆ่าตี ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย องคุลิมาลโจรนั้น กระทำบ้านไม่ให้เป็นบ้านบ้าง กระทำนิคมไม่ให้เป็นนิคมบ้าง กระทำชนบทไม่ให้เป็นชนบทบ้าง เขาเข่นฆ่าพวกมนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงทรงไว้”
ต่อมาได้พบพระพุทธเจ้าและมีคำสนทนาตอนหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคตรัสกับองคุลิมาลว่า “ดูกรองคุลิมาล เราวางอาชญาในสรรพสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่าหยุดแล้วในกาลทุกเมื่อ ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลายเพราะฉะนั้นเราจึงหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุด”
องคุลิมาลโจรยอมวางดาบและขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต่อมาไม่นานก็บรรลุพระอรหัตตผล ครั้งหนึ่งพระองคุลิมาลไปอยู่ในที่สงัด เสวยวิมุติสุขและได้เปล่งอุทานมีข้อความตอนหนึ่งว่า “ก็ผู้ใด เมื่อก่อน ประมาท ภายหลัง ผู้นั้น ไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวายในพระพุทธศาสนาภิกษุนั้น ย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆฉะนั้น”
ผู้ใดที่เคยทำผิดพลาดมาก่อน แต่ภายหลังสำนึกตนเลิกการกระทำนั้น แล้วหันมาประพฤติปฏิบัติตนในทางแห่งความดี จึงเป็นผู้ที่ควรได้รับการยกย่อง ในเทศกาลเข้าพรรษาจึงมีธรรมเนียมปฏิบัติไปทำวัตรพระเถระ หรือถวายสักการะแด่พระเถระ เพื่อขอขมาในสิ่งที่ไม่ดีงามทั้งหลายได้ได้ทำมาแล้วในอดีต เมื่อพระเถระให้พร ก็จะพยามทำตนให้เป็นคนดี สิ่งไหนที่ทำไปแล้วย่อมไม่อาจทำคืนใหม่ได้อีก แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หากตั้งจิตคิดชอบย่อมเป็นองค์ประกอบในการทำคุณงามความดีต่อไป
เทศกาลเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุสามเณรอธิษฐานจิต ตั้งใจอยู่พักในอารามแห่งใดแห่งหนึ่ง บางรูปศึกษาเล่าเรียน บางรูปพากเพียรปฏิบัติ บางรูปหาความสงัดบำเพ็ญสมณธรรม ส่วนพุทธศาสนิกชนอาจจะตั้งจิตอธิษฐานลด ละ เลิกสิ่งที่ไม่ดีงามทั้งหลาย เริ่มต้นในการกระทำคุณงามความดี สิ่งที่ล่วงไปแล้ว สิ่งที่เคยประมาทมาก่อนแล้ว ก็ปล่อยวาง เริ่มต้นกันใหม่ได้ แม้แต่อดีตมหาโจรอย่างองคุลิมาลยังกลับใจจนสามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ คนธรรมดาทั่วไปก็ย่อมสามารถทำคุณงามความดีได้ตามสมควร
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
04/08/58