ฝนตกติดต่อกันมาหลายวัน อากาศเย็นสบาย วันนี้แม้ฟ้าจะครึ้มแต่ก็ยังมีแดดสาดส่องลงมาเยือนพื้นปฐพีที่ยังเจิ่งนองด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืน เสียงฟ้ายังคว่ำครวญมาเป็นระยะๆ วันนี้คงหลบฝนไม่พ้นช่วงนี้เป็นฤดูฝน การที่ฝนตกลงมานั้นถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ฝนออกจะมาเยือนช้าไปด้วยซ้ำ ตามปรกติน่าจะเป็นช่วงเดือนหก มีบทเพลงในอดีตเคยบอกเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา คงพอจำกันได้ “ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำๆ กบมันก็ร้องงึมงำระงมไปทั่วท้องนา” นี่มันเดือนเจ็ดแล้ว ฝนปีนี้มาช้ากว่าปรกติ
ดูข่าวจากโทรทัศน์มีเขื่อนหลายแห่งกำลังขาดแคลนน้ำ มีแนวโน้มว่าปีนี้จะแล้ง ชาวนาไม่มีน้ำพอในการทำนา ในขณะที่อีกข่าวหนึ่งผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้ประชุมเตรียมรับมือน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก ปีนี้คาดว่าน้ำอาจจะท่วมกรุงเทพอีกครั้ง ถ้าหากไม่มีการเตรียมป้องกันที่ดี
ข่าวน้ำท่วมกับข่าวแล้งมาในช่วงเวลาเดียวกัน แต่สถานการณ์อยู่คนละแห่ง ในขณะที่ภาคเหนือ และภาคอีสานอาจจะประสบกับภาวะขาดน้ำ แต่กรุงเทพกำลังกลัวน้ำท่วม ไม่รู้ว่าทำไมฝนจึงมักจะตกในเขตที่ไม่ต้องการน้ำ เหมือนฟ้าแกล้ง สวรรค์เอียง ประมาณนั้น
เช้าวันที่ฟ้ายังอึมครึม เดินผ่านศาลาการเปรียญมีชายวัยชราคนหนึ่งเดินเข้ามาหายกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม “หลวงพ่อครับ ผมขอเงินซื้อข้าวกินสักมื้อนะครับ ผมไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย” เอ่ยปากขอขอดื้อๆอย่างนี้น่าจะเป็นมือสมัครเล่น คงไม่คุ้นเคยกับการขอมาก่อน
การที่จะให้เงินใครสักคน โดยที่ไม่ได้สอบถามอะไรเลยนั้น ดูจะง่ายเกินไป จึงถามว่า “โยมมาจากไหน มาทำอะไรที่นี่”
ชายคนนั้นบอกว่า “ผมมาจากต่างจังหวัดครับ โดนเขาหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว”
เมื่อถามว่า “เรื่องมันเป็นอย่างไร”
เขารีบสาธยายโดยมิได้ลังเลว่า “ผมมีอาชีพเป็นชาวนาครับ ทำนาในแต่ละปีได้บ้างเสียบ้าง แต่ก็พอเงินเก็บอยู่พอสมควร วันหนึ่งมีคนชวนผมร่วมลงทุนโดยการซื้อหวยใต้ดิน ครั้งแรกผมก็ไม่ค่อยเชื่อเกรงว่าจะโดนหลอก แต่ก็ลองเสี่ยงดู บังเอิญหวยงวดนั้นมันออกมาตามที่เขาว่าจริงๆ เขาให้มาเพียงสองตัว จับคู่สลับกันไปมา จะว่าบังเอิญหรือว่าเขาทำงานอยู่กองสลากตามที่เขาอ้างจริงๆก็ไม่รู้ มันถูกตามที่เขาบอกจริงๆนะครับ พอครั้งที่สองผมก็เริ่มจะเชื่อบ้างนำเงินมาลงทุนเพิ่มขึ้นอีก และก็บังเอิญหวยออกตามที่เขาบอกอีก ตอนนั้นผมเชื่อสนิทใจแล้วครับว่าเขาคงรู้จริงๆว่าหวยจะออกตัวไหน ตอนนั้นผมเริ่มคิดว่าโอกาสที่จะเป็นคนรวยน่าจะมาถึงแล้ว
เรื่องมันเกิดขึ้นครั้งที่สามนี่แหละครับ ผมนำเงินที่เก็บไว้นานหลายปีมาร่วมลงทุน พร้อมทั้งรวบรวมเงินจากเพื่อนบ้านมาอีกหลายหมื่นบาท ด้วยความหวังว่าจะเล่นเป็นครั้งสุดท้าย เอาให้รวยไปเลย แต่การซื้อหวยใต้ดินด้วยเงินจำนวนมากๆ หาซื้อไม่ค่อยได้ในต่างจังหวัด เขาคนนั้นจึงนัดผมมาที่กรุงเทพนี่แหละครับ ผมก็มาตอนเช้าในวันหวยออก เขาบอกว่าจะเป็นผู้ไปซื้อเอง จากนั้นก็ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ แล้วเขาก็หายไป พอหวยออกไม่มีสักตัวเลยครับ ผิดหมดเลย ผมก็หมดหวัง ไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย ไม่มีแม้แต่เงินค่ารถที่จะเดินทางกลับบ้าน จึงมาขอพักที่วัดนี่แหละครับ นี่ก็เป็นวันที่สามแล้ว ติดต่อใครไม่ได้เลยครับ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ จะว่าโดนหลอกก็ไม่เชิง ผมเชื่อเขาเอง ผมอยากรวย ผมเลยกลายเป็นคนจนเพียงชั่วข้ามคืนครับ”
เรื่องที่ชายคนนั้นเล่ามาจะจริงหรือเท็จไม่อาจทราบได้ แต่จากสภาพที่เห็นเขากำลังอ่อนโรย หิวโหย คงพอหาทางช่วยได้บ้าง อย่างน้อยก็พอมีข้าวกิน และมีเงินค่ารถกลับบ้าน กลับไปเริ่มต้นใหม่ จึงบอกเขาว่า “อาตมาก็มีเงินไม่มาก ให้โยมกลับบ้าน ไปเริ่มต้นใหม่ อย่าคิดสั้น ชีวิตยังมีทางเลือก เสียแล้วเสียไป โบราณก็สอนไว้ว่าโลภนักมักลาภหาย ถ้าอยากรวยก็ต้องทำงานเก็บเงินไว้ อย่าหวังรวยทางลัดเลย เงินที่ได้มาจากการพนันมักจะอยู่ไม่นาน แต่เงินที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกาย ถึงจะน้อยก็มีค่า เพราะได้มาด้วยความเหนื่อยยาก”
ชายคนนั้นเมื่อได้เงินก็เดินจากไป เขาจะไปไหนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เขาเล่าให้ฟังนั้น อาจจะเป็นประสบการณ์ที่หลงเชื่อคนง่าย โลกนี้อาจจะมีความบังเอิญได้ สมัยที่อุปสมบทใหม่ๆมีเพื่อนพระภิกษุรูปหนึ่งบอกหวยถูกติดต่อกันสองงวด คนซื้อนำเงินมาถวายเพียงน้อยนิด พระภิกษุรูปนั้นเกิดโลภจิตคิดอยากได้เงินจำนวนมาก พอครั้งที่สามจึงตัดสินใจรวบรวมเงินที่มีอยู่ทั้งหมดฝากคนซื้อเสียเอง และหวยงวดนั้นก็ไม่ตรงตามที่ซื้อ เงินก็หมด ความแม่นที่เคยบอกหวย จนมีคนมารอกันเต็มลานวัดก็หายไปด้วย หากเกิดความโลภเมื่อไหร่ จิตใจก็วุ่นวาย สมาธิก็เหือดหาย ปัจจุบันพระภิกษุรูปนั้นลาสิกขาไปหลายปีแล้ว
ในสมัยพุทธกาลพระเทวทัตก็เคยแสดงปาฎิหาริย์เหาะเหินเดินอากาศได้ นำงูมาเป็นพวงมาลัยห้อยคอได้ จนเจ้าชายอชาตศัตรูเกิดความเลื่อมใส แต่พอพระเทวทัตลุแก่อำนาจของโลภจิตคิดอยากปกครองคณะสงฆ์เสียเอง ฌานสมาบัติที่เคยได้ก็เสื่อม ในที่สุดพระเทวทัตก็ทำอนันตริยกรรม และถูกแผ่นดินสูบในวาระสุดท้ายของชีวิต
หากพอใจในสิ่งที่ตนมี ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ได้สิ่งใดแล้วก็ควรยินดีในสิ่งนั้น แม้จะเป็นคนจนก็ยังยินดีว่าเราเป็นคนรวยได้ ดังที่แสดงไว้ในภิกขุณีวิภังค์ (3/149/93) ความว่า “ได้สิ่งใดแล้ว ควรยินดีด้วยสิ่งนั้น เพราะความโลภจัดเป็นเหตุให้เสื่อม เหมือนภิกษุณีถุลลนันทาจับพระยาหงส์ถอนขนแล้วเสื่อมจากทองฉะนั้น” เรื่องนี้จะขยายในโอกาสต่อไป
ธรรมที่เป็นไปในทางเสื่อมแสดงไว้เบื้องต้นสามประการ ดังที่ปรากฎในทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (10/393/254) ความว่า “ธรรมสามอย่างที่เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม คือ อกุศลมูลสามได้แก่อกุศลมูลคือโลภะ อกุศลมูลคือโทสะ อกุศลมูลคือโมหะ ธรรมสามอย่างเหล่านี้เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม” สรุปว่าความโลภ ความโกรธ ความหลงคือสิ่งที่ทำให้เป็นไปในทางเสื่อม เมื่อความโลภบังตา ความโกรธบังเหตุผล และความหลงมัวเมาบังจิตใจเมื่อใด เมื่อนั้นความเสื่อมเสียมักจะมาเยือน
ชายชราคนนั้นจากไปแล้ว เดินกลับกุฏิก็มาพิจารณาว่าความโลภยังสถิตอยู่ภายในจิตใจของเรามากน้อยเท่าใด ก็หาคำตอบไม่ได้ บางครั้งก็ยังอยากได้ บางครั้งก็ยังอยากรวย แต่ก็ทำใจยอมรับสภาพที่เห็นและเป็นอยู่ได้ ไม่มีทรัพย์สินเงินทองก็ไม่เป็นไร เพียงแต่มีข้าวกิน มีดินอยู่ มีอู่นอน ชีวิตก็เพียงพอแก่การดำรงอยู่แล้ว แม้ความอยากได้จะเกิดขึ้นก็พยายามไม่ทำตามความอยากได้ อยากมี อยากเป็น คิดถึงภาพยนตร์เรื่อง “พระพุทธเจ้า: มหาศาสดาโลก” ที่กำลังออกอากาศอยู่ในช่วงนี้ พระดำรัสของของพระเจ้าพิมพิสารที่ตรัสกับเจ้าชายสิทธัตถะผู้ที่สละทรัพย์สมบัติออกบวชแสวงหาโมกขธรรม ในวันที่พบกับครั้งหนึ่งที่แคว้นมคธ แม้พระเจ้าพิมพิสารจะพยายามเกื้อกล่อมอย่างไรให้อยู่ร่วมครองราชบัลลังค์ด้วยกัน แต่เจ้าชายสิทธัตถะก็ยังยืนกรานยึดทางเส้นทางของนักบวช ก่อนจากกันพระเจ้าพิมพิสารตรัสว่า “ผู้ที่เสียสละทุกอย่างมักจะได้ทุกอย่าง ส่วนผู้ที่คิดว่าตัวเองมีทุกอย่างคือคนที่ยากจนที่สุด”
ส่วนคำพูดของชายชาวนาคนนั้นแม้จะเป็นคำพูดของคนธรรมดาสามัญ แต่ฟังแล้วเข้าใจได้ทันที “ที่ผมยากจนเพราะผมอยากรวย” หากเขาไม่อยากรวยจนเกิดความโลภ เขาคงไม่ถูกหลอกจนหมดตัวในวันนี้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
18/06/58