วิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเชื่อของแต่ละคนก็แตกต่างกัน การจะไปกำหนดให้คนอื่นมีความเชื่อเหมือนที่เราเชื่อนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย แต่หากความเชื่อนั้นนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติเพื่อความสงบ เพื่อความสุขของตนเองและสังคมแล้ว จะเชื่ออะไรก็ตามทีเถิด ถ้าความเชื่อนั้นไม่เป็นไปเพื่อทำร้าย เพื่อเบียดเบียนคนอื่น มนุษย์ส่วนหนึ่งมักจะมีวิถีปฏิบัติการดำเนินชีวิตที่เป็นไปตามสิ่งที่ตนเชื่อ ความเชื่อจึงเป็นเหมือนเข็มทิศชี้บอกทางให้ดำเนินไปตามทางที่ตนเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ตนทำ และทำในสิ่งที่ตนเชื่อ สักวันหนึ่งย่อมประสบความสำเร็จจนได้
ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน จะนำความสุขของคนหนึ่งไปเปรียบเทียบกับอีกคนหนึ่งไม่ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน บางคนอาจจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีงานมากมาย แต่ทว่ากลับไม่เคยได้รับความสุขของชีวิตเลย เพราะในแต่ละเวลานาทีมีแต่คิดเรื่องของกำไรขาดทุน คิดแต่จะเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนบางคนแม้จะร่ำรวยล้นฟ้า แต่ชีวิตกลับดำเนินไปด้วยความหวาดระแวง
เพื่อนเก่าที่บ้านเกิดโทรศัพท์ติดต่อมาว่า “ชาวบ้านศิษย์เก่ากำลังจะหาเงินซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนหลังใหม่ เนื่องจากโรงเรียนเก่าเก่าแก่เต็มทีแล้ว อีกอย่างนักเรียนก็มีมากขึ้นทุกปี อาคารหลังเก่าไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ชาวบ้าน ครู ผู้ปกครองจึงตกลงที่จะซ้อที่ดินข้างๆโรงเรียนเพื่อจะได้ขยายพื้นที่ของโรงเรียนให้กว้างขวางขึ้น หลวงพี่บวชมานานคงมีเงิน มีบารมีพอจะหาเงินซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้” เพื่อนเก่าสมัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาบอกอย่างนั้น
จึงบอกว่ายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ทั้งๆมีเงินอยู่ไม่กี่พันบาท แต่ตั้งใจว่ามีเท่าไหร่ก็จะช่วยเท่านั้น มากหรือน้อยก็แล้วแต่บุญกรรม จะทำอย่างไรได้ ในชาติปางก่อนคงไม่ได้ทำบุญถวายทานสักเท่าไหร่ พอเกิดมาในชาตินี้จึงไม่ค่อยมีเงิน ถึงจะมีก็มีพอใช้จ่ายเท่านั้น ใช้เท่าที่มี ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินฝาก หากเจ็บป่วยก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา หากไม่มีเงินรักษาก็ปล่อยให้ตายจากโลกนี้ไปตามธรรมดา แม้จะไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นจน เป็นคนขัดสนแต่ประการใด กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนร่ำรวย ในแต่ละเดือนจึงมักจะมีซองผ้าป่ามาเยือนไม่เคยขาด
แต่เมื่อเพื่อนเก่าแจ้งข่าวเกี่ยวกับโรงเรียนเก่าก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเต็มที่ สมัยนั้นโรงเรียนเก่าถูกน้ำท่วมเพราะมีการสร้างเขื่อน น้ำในเขื่อนค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี จนกระทั่งพื้นที่บริเวณโรงเรียนหลังเก่าถูกน้ำท่วมจึงได้ย้ายโรงเรียนมาตั้งอยู่ที่ในที่สูง โรงเรียนก็ดำเนินกิจการต่อมาเรื่อยๆ มีนักเรียนจบการศึกษาในแต่ละปีหลายคน หากจะเรียนต่อก็ต้องอาศัยโรงเรียนมัธยมในตำบล สมัยนั้นหนึ่งตำบลมีโรงเรียนมัธยมแห่งเดียว ก็ต้องคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดีในแต่ละโรงเรียนภายในตำบลเข้าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป
เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรียนดี จึงได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำตำบล ส่วนเพื่อคนอื่นๆไม่มีโอกาสได้เรียนก็มีวิถีชีวิตอยู่สองทางคือทางแรกช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำนา ส่วนอีกทางหนึ่งเดินทางไปเสี่ยงโชคในเมืองหลวงหรือออกเรือหาปลาที่ชายทะเลปักษ์ใต้ ได้เงินก็ส่งกลับมารให้พ่อแม่ซื้อปุ๋ยทำไร่ทำนาต่อไป ชีวิตของชนบทแห่งนั้นเป็นไปในทำนองนี้ สำหรับผู้เขียนพ่อแม่มีเงินส่งให้เรียนต่อเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าก็ต้องเลิกเรียน พ่อบอกสั้นๆว่าไม่มีเงินพอที่จะส่งให้เรียนในชั้นที่สูงกว่านี้อีกแล้ว ชีวิตด้านการศึกษาน่าจะสิ้นสุดเพียงแค่นั้น
ก่อนที่จะแต่งงานมีครอบครัว ประเพณีของชนบทก็มักจะให้ลูกชายได้อุปสมบทอย่างน้อยหนึ่งพรรษา ผู้เขียนเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น อุปสมบทที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ตั้งใจว่าออกพรรษาแล้วก็น่าจะลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสตามแนวแห่งวิถีความเชื่อของคนในพื้นที่แห่งนั้น
แม้ว่ายังมีความเชื่อมั่นในสติปัญญาของตนเองว่าคงพอจะเรียนในระดับที่สูงขึ้นไปได้ แต่ทว่าเมื่อการศึกษายึดติดอยู่กับเงิน จึงต้องพักการเรียนไว้ก่อน
แต่ทว่าโชคชะตาและโอกาสมักจะเปิดให้สำหรับผู้ที่มีความตั้งใจจริง หลวงพ่ออุปัชฌาย์จึงขอร้องให้เรียนบาลีอันเป็นภาษาที่บรรจุคำสอนของพระพุทธศาสนา และยังส่งให้เข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เรียนไปทำงานไป มีเงินก็ใช้จ่ายหมดไปกับการศึกษา จึงไม่มีเงินเก็บ จนกระทั่งปัจจุบันพอมีความรู้ในระดับการศึกษาชั้นสูงสุดของระบบการศึกษาทางโลก ทำหน้าที่สอนหนังสือคนอื่นๆเพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป ศรัทธาความเชื่อจึงเป็นเหมือนเข็มทิศบอกทาง หากตั้งใจจริง ไม่ทอดทิ้งความเพียร งานที่ทำกรรมที่สร้างย่อมจะสำเร็จได้สักวันหนึ่ง
เพื่อนเก่าคนนั้นสมัยเรียนชั้นประถมเดินทางมาเสี่ยงโชคที่กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงย้อนกลับไปยังบ้านเกิดมีครอบครัวทำไร่ทำนาตามวิถีแห่งชนบท แม้จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ แต่ก็พอมีอยู่มีกิน สามารถส่งลูกให้เรียนจนจบปริญญาได้ และลูกทั้งหลายก็หายไปจากท้องนากลายเป็นลูกจ้างตามโรงงานต่างๆ เขามีความเชื่อว่าชาวนาไม่มีวันอดตาย อย่างน้อยก็ยังมีข้าวกิน
หากมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำแม้ยังไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็ได้เริ่มต้นเดนตามแนวทางที่ตนเชื่อ ถึงจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายอะไร แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีทรัพย์ที่ไม่มีมีวันใช้หมด ศรัทธาความเชื่อจึงเป็นทรัพย์เบื้องต้นประการหนึ่งดังที่แสดงไว้ในธนสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต(22/47/52) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทรัพย์ห้าประการนี้ คือทรัพย์ คือ ศรัทธา ทรัพย์ คือ ศีล ทรัพย์ คือ สุตะ ทรัพย์ คือ จาคะ ทรัพย์ คือปัญญา"
มีคำอธิบายขยาความ คำว่า “ทรัพย์คือศรัทธา” ได้แก่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ย่อมเชื่อพระปัญญาเครื่องตรัสรู้ของตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้เบิกบานแล้วเป็นผู้จำแนกธรรม นี้เรียกว่าทรัพย์ คือ ศรัทธา
ทรัพย์ คือศีล ได้แก่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ เว้นขาดจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท นี้เรียกว่าทรัพย์คือ ศีล
ทรัพย์ คือ สุตะได้แก่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ นี้เรียกว่าทรัพย์ คือ สุตะ
ทรัพย์คือ จาคะ ได้แก่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่อยู่ครองเรือน มีราคะอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่มยินดีในการเสียสละ ควรแก่การขอ ยินดีในทานและการจำแนกทาน นี้เรียกว่าทรัพย์ คือ จาคะ
ทรัพย์ คือ ปัญญา ได้แก่ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญาอันหยั่งถึงความตั้งขึ้นและความเสื่อมไปเป็นอริยะ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ นี้เรียกว่าทรัพย์คือ ปัญญา
ธรรมทั้งห้าประการคือศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เป็นเหมือนทรัพย์ที่ไม่มีวันใช้หมด ไม่เหมือนทรัพย์สมบัติอย่างอื่นเช่นทรัพย์สินเงินทองทั้งหลาย หากใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวังไม่นานคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีอาจจะกลายเป็นคนยากจน เป็นคนขัดสนได้ ธรรมเหล่านี้จึงควรสร้างให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้นในจิตใจของตนเอง โดยมีศรัทธาความเชื่อเป็นเหมือนเข็มทิศชี้บอกทาง
ในธนสูตรพระพุทธเจ้าได้สรุปไว้ว่า “ผู้ใดมีความเชื่อในตถาคต ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว มีศีลอันงาม อันพระอริยะชอบใจ สรรเสริญ มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ และมีความเห็นตรง บัณฑิตทั้งหลายกล่าวผู้นั้นว่า ไม่เป็นคนขัดสน ชีวิตของผู้นั้นไม่เปล่าประโยชน์ เพราะเหตุนั้น ผู้มีปัญญา เมื่อนึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบศรัทธา ศีล ปสาทะ และความเห็นธรรมเนืองๆเถิด”
สุนทรภู่ก็เคยประพันธ์เป็นคำกลอนไว้ตอนหนึ่งว่า “มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดี” ความรู้ในธนสูตรน่าจะหมายถึง “สุตะและปัญญา” เป็นทรัพย์ที่โจรขโมยไปไม่ได้ อันตรายอย่างอื่นเช่นลม ไฟ ก็ย่ำยีไม่ได้
การหาทุนทรัพย์ในการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ดำเนินการมาสักพักแล้ว มีกำหนดรวบรวมทุนทรัพย์จากศิษย์เก่าและผู้มีจิตศรัทธาในช่วงวันสงกรานต์ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีเงินพอ แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานโรงเรียนเก่าสมัยที่เคยเรียนชั้นประถมศึกษาเมื่อสี่สิบห้าปีที่แล้วจะมีที่ดินใหม่เพื่อขยายโรงเรียนต่อไป
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
11/03/58