ในคืนคืนที่เงียบสงัดใต้เชิงเขาลมหนาวกระหน่ำมาอย่างหนัก กองไฟที่ก่อไว้เพื่อผิงกันหนาวลุกโพลง เปลวไฟวูบวาบไปตามแรงลม พอหมดลมไฟก็นิ่ง คืนวันส่งท้ายปีเก่ากำลังผิงไฟเพื่อนั่งรอวันเปลี่ยนศักราชใหม่ ที่สำนักสงฆ์ซับสมบูรณ์ราษฎร์พัฒนา บ้านลาดชุมพล จังหวัดชัยภูมิ สถานที่แห่งนี้มีภูเขาโอบรอบ แสงเดือนสาดส่องต้องหุบเขาเหมือนภาพวาดที่จิตกรเอกได้แต่งแต้มสีสันแห่งพงไพรด้วยสีแห่งธรรมชาติใต้แสงเดือนและป่าเขาลำเนาไพร
ออกจะเป็นการต้อนรับปีใหม่ที่แปลกไปหน่อย เพราะส่วนมากมักจะมีพิธีสวดมนต์ข้ามปี บางวัดเริ่มตั้งแต่หกโมงเย็นเรื่อยไปจนถึงรุ่งอรุณคือหกโมงเช้า บางวัดสวดลักขี คำว่า “ลักขี” ภาษาบาลีแปลว่า หนึ่งแสน ดังนั้นการสวดลักขีจึงหมายถึงสวดหนึ่งแสนจบ บทสวดมนต์ที่นำมาสวดจึงมักจะเป็นบทสวดที่ทุกคนสวดได้เช่นบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ สวดไปเรื่อยๆ ใครเหนื่อยก็พัก ส่วนคนอื่นๆก็สวดกันต่อไป สวดจนลืมนับ โดยอนุมานเอาว่าน่าจะถึงหนึ่งแสนครั้ง
การสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ เป็นบทสวดพื้นฐานที่พุทธศาสนิกชนส่วนมากมักจะสวดกันได้ หรือบางวัดก็มักจะมีหนังสือคู่มือในการสวดมอบให้แก่ทุกคน ใครจะไปต้อนรับปีใหม่ที่ไหน ทำอย่างไรจึงขึ้นอยู่กับสิทธิในการเลือกของแต่ละบุคคล
ปีใหม่ตั้งใจจะไปเยี่ยมโยมแม่ ที่ย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ แต่ทว่าในการเดินทางมีปัญหาเรื่องการคำนวณเวลา มีปัญหาด้านการจราจรติดขัดจึงเสียเวลาไปถึงสองชั่วโมง ซึ่งหากจะเดินทางต่อไปก็ดึกดื่นแล้ว วัดที่เคยไปพักประจำพระสงฆ์ท่านก็คงพักผ่อนจำวัดหลับนอนกันแล้ว เพราะวัดอยู่บนเชิงเขา พอตะวันลับขอบฟ้าบริเวณวัดก็คงเงียบสงัด จึงตัดสินใจแวะพักที่วัดใกล้ๆซึ่งมีเพื่อนพระธรรมทูตกำลังสร้างสำนักสงฆ์อยู่บริเวณเชิงดอย น่าจะสะดวกกว่า เมื่อคิดดังนั้นก็โทรศัพท์หาเพื่อนพระธรรมทูตรูปนั้นซึ่งบังเอิญว่าท่านอยู่ที่วัดแห่งนั้นพอดี จึงได้แวะข้างทางเข้าพักที่สำนักสงฆ์ใต้หุบเขา บ้านลาดชุมพล อำเภอภักดีชุมพล
สำนักสงฆ์แห่งนี้ปัจจุบันมีพระสงฆ์อยู่ประจำเพียงสามรูป แต่มักจะมีอาคันตุกะสัญจรไปมาเป็นประจำ เพราะเป็นสถานที่เงียบสงัดเหมาะสำหรับการปฏิบัติด้านจิตภาวนา ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบาย มีลำธารไหลผ่านตลอดปี เบื้องหลังเป็นภูเขาที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ เจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า “หลังจากที่มีการขอคืนพื้นที่บริเวณป่าบนภูเขา เมื่ออพยพผู้คนลงจากจากภูเขาแล้ว ได้มีการปลูกป่าเพิ่มเติม จนป่าเริ่มจะมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ยังมีเสือ ช้างป่า กระทิง หมูป่า เป็นต้น ลงมาหากินที่บริเวณป่าซับน้ำ มีชาวบ้านพบเห็นอยู่เป็นประจำ หากมีเวลาว่างผมจะพาท่านอาจารย์ขึ้นไปสำรวจบนภูเขาสูง หากโชคดีอาจจะได้พบเสือหรือช้างออกมาหากินบ้าง”
ได้ฟังคำบอกเล่าจากเจ้าอาวาสแล้ว ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจ น่าจะหาเวลาว่างออกเดินสำรวจป่าบ้าง แต่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในช่วงนี้จึงได้แต่นั่งผิงไฟโต้ลมหนาวสนทนาธรรมที่กลางลานสำนักสงฆ์ รอพิธีต้อนรับปีใหม่ซึ่งจะเริ่มต้นเมื่อเวลาห้าทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน
เมื่อถามถึงการสร้างวัด เจ้าอาวาสบอกว่า “เนื่องจากเป็นพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นสวน เป็นไร่ปลูกมะขามหวาน ปลูกไร่มัน ปลูกอ้อยมาก่อน สุขภาพผมก็ไม่ค่อยแข็งแรงจึงมาพักอยู่ใกล้ๆญาติพี่น้อง จึงได้สร้างกุฏิที่พักขึ้นมา เมื่อมีชาวบ้านมาทำบุญก็สร้างศาลาอเนกประสงค์หลังเล็กๆสำหรับต้อนรับญาติโยม ส่วนกุฏิที่พักเมื่อมีพระภิกษุเดินทางมาพักมากขึ้นก็ค่อยๆสร้างเสริมเติมแต่งขึ้นมา เป็นกุฏิง่ายๆ ไม้ก็ได้มาจากท่อนไม้ที่อยู่ในไร่บ้าง ชาวบ้านบริจาคมาบ้าง พระสงฆ์ที่เดินทางมาจากต่างประเทศกลับประเทศไทยไม่มีที่พักก็มักจะแวะมาพักผ่อนที่นี่ ท่านเหล่านั้นก็จะช่วยในการก่อสร้างกุฏิที่พักบ้าง”
เจ้าอาวาสยังเล่าต่อไปอีกว่า “ผมทำเท่าที่กำลังกาย กำลังความคิดจะทำได้ ไม่ทำเกินกำลังของตัวเอง มีไม่มีไม่เป็นไร ชาวบ้านก็ยังมาถวายภัตตาหารอยู่ประจำ หรือหากไม่มีจริงๆก็แวะไปบิณฑบาตที่บ้านญาติพี่น้องที่อยู่ไม่ไกล พวกเขาปลูกผัก ปลูกพืชผลไม้นานาชนิดไว้มากมาย วันไหนที่ไม่มีข้าวฉัน ก็ฉันผลไม้แทนก็อยู่ได้แล้วครับ”
ชีวิตที่เรียบง่ายไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องวิ่งตามกระแสโลก รู้จักประมาณตน นับว่าเป็นผู้ที่โชคดีมีชัยอย่างแท้จริง ดังที่มีสุภาษิตแสดงไว้ในชัมพุกชาดก ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 1 (27/641/152) ความว่า “ก็ผู้ใด ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำการงาน รู้จักกำลังกาย และกำลังความคิดของตน กำหนดด้วยคำพูดอันประกอบด้วยปัญญา เป็นวาจาสุภาษิต ผู้นั้นย่อมมีชัยอย่างไพบูลย์”
ภาษาบาลี “โย จีธ กมฺมํ กุรุเต ปมาย ถามพลํ อตฺตนิ สํวิทิตฺวา
ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน ปริกฺขวา โส วิปุลํ ชินาติ ฯ”
กำลังกาย กำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ใครที่กำหนดรู้กำลังกาย กำลังใจของตนด้วยการใคร่ครวญพิจารณาแล้วทำการงาน แม้ว่างานนั้นจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ในสายตาของคนอื่น แต่ทว่าเป็นความยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่กระทำ คนผู้นั้นก็นับได้ว่าเป็นผู้โชคดีมีชัยอันไพบูลย์แล้ว
การสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่วัดป่ากลางหุบเขา แม้ว่าจะมีผู้มาร่วมงานไม่ถึงสิบคน แต่ทว่ากลับรู้สึกว่าความสงบสงัดเงียบของราวป่าแห่งนี้ช่างเป็นความยิ่งใหญ่อลังการ เรียบง่ายแต่ทว่าได้ความสุขเต็มที่ เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความโชคดีมีชัย หากเข้าใจกำลังของตนเอง ทำอะไรก็มักจะประสบความสำเร็จ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
07/01/58